จากการตรวจสอบส่วนผสมและเปอร์เซ็นต์ในสูตรโลชั่นที่คุณให้มา มีข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของส่วนผสม สัดส่วน และขั้นตอนการผสม ดังนี้ครับ

การตรวจสอบสูตรโลชั่น

สูตรของคุณมีส่วนผสมที่ดีที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น การเสริมเกราะป้องกันผิว การลดการระคายเคือง และการปรับสีผิว อย่างไรก็ตาม มีบางจุดที่ต้องพิจารณาเพื่อให้ได้เนื้อโลชั่นที่คงตัวและปลอดภัย

สูตรนี้สามารถผสมได้เลยหรือไม่?

ไม่ได้ครับ สูตรนี้ ไม่สามารถผสมได้เลย เพื่อให้เป็นเนื้อโลชั่นที่คงตัว

• ขาดสารประสานเนื้อ (Emulsifier): สูตรมีทั้งส่วนผสมที่ละลายในน้ำ (ส่วนใหญ่) และส่วนผสมที่ละลายในน้ำมัน (LipidSoft™ F, Activated Resorcinol™, Natural Bisabolol) ในการรวมส่วนผสมเหล่านี้ให้เป็นเนื้อโลชั่นที่คงตัว (อิมัลชัน) จำเป็นต้องมีสารประสานเนื้อหลัก ซึ่งยังไม่มีในรายการของคุณ Pro Polymer™ เป็นสารสร้างเนื้อเจล ไม่ใช่สารประสานเนื้อหลัก
• เปอร์เซ็นต์ส่วนผสมบางตัวสูงกว่าที่แนะนำ:
  • Ethoxydiglycol: ใช้ 10% สำหรับผลิตภัณฑ์แบบ Leave-on (ทาทิ้งไว้บนผิว) เช่น โลชั่น อัตราการใช้สูงสุดที่แนะนำมักจะต่ำกว่านี้ (เช่น ไม่เกิน 2.6% ตามข้อมูลผลิตภัณฑ์บางตัว) การใช้ 10% อาจจะสูงเกินไปสำหรับผลิตภัณฑ์ Leave-on
  • Activated Resorcinol™: ใช้ 2% สำหรับผลิตภัณฑ์แบบ Leave-on อัตราการใช้สูงสุดที่แนะนำคือ 1.0% การใช้ 2% สูงเกินไปและอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวได้
• เปอร์เซ็นต์รวม: ผลรวมของเปอร์เซ็นต์ (101.2%) เกิน 100% เล็กน้อย

ข้อแนะนำในการปรับปรุงสูตร

เพื่อให้ได้โลชั่นที่คงตัวและปลอดภัย คุณควรปรับปรุงดังนี้:

• เพิ่มสารประสานเนื้อ (Emulsifier): เลือกสารประสานเนื้อที่เหมาะสมสำหรับอิมัลชันชนิด Oil-in-Water ชนิดและปริมาณที่ใช้จะขึ้นอยู่กับเนื้อสัมผัสที่ต้องการและข้อกำหนดของสารประสานเนื้อนั้นๆ
• ลด Ethoxydiglycol: ลดปริมาณ Ethoxydiglycol ลงมาอยู่ในอัตราสูงสุดที่แนะนำสำหรับผลิตภัณฑ์ Leave-on (เช่น 2.6%)
• ลด Activated Resorcinol™: ลดปริมาณ Activated Resorcinol™ ลงมาอยู่ในอัตราสูงสุดที่แนะนำสำหรับผลิตภัณฑ์ Leave-on (1.0%)
• ปรับปริมาณน้ำ: เพิ่มปริมาณน้ำเพื่อปรับสมดุลของสูตรและทำให้เปอร์เซ็นต์รวมเท่ากับ 100% หลังจากเพิ่มสารประสานเนื้อและลด Ethoxydiglycol และ Activated Resorcinol™ แล้ว
• พิจารณาปริมาณสารให้ความชุ่มชื้น: สูตรของคุณมีสารให้ความชุ่มชื้นในปริมาณที่สูงมาก (Natural Betaine, MOIST24, 1,2-Hexanediol, 8D Hyaluronic Acid, Ethoxydiglycol, Glyceryl glucoside, 1,3-Propanediol, TransMoist™) แม้จะเป็นประโยชน์ต่อผิว แต่ปริมาณที่สูงนี้อาจส่งผลต่อเนื้อสัมผัส ทำให้รู้สึกเหนอะหนะหรือหนักผิวได้ คุณอาจพิจารณาลดปริมาณบางตัวลงเล็กน้อยหากต้องการเนื้อสัมผัสที่เบาขึ้น แต่ปริมาณปัจจุบันยังอยู่ในช่วงที่แนะนำสำหรับส่วนผสมแต่ละตัว
• Odor-Kill™ และน้ำหอม: โปรดทราบว่า Odor-Kill™ สามารถดูดซับกลิ่นน้ำหอมได้ หากคุณต้องการใส่น้ำหอม อาจต้องปรับลดหรือตัด Odor-Kill™ ออก หรือใช้น้ำหอมในปริมาณที่สูงขึ้น

ขั้นตอนการผสมเบื้องต้น (ทั่วไป)

เมื่อคุณปรับสูตรและเลือกสารประสานเนื้อแล้ว นี่คือขั้นตอนการผสมเบื้องต้น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเฉพาะสำหรับสารประสานเนื้อและส่วนผสมที่คุณเลือกใช้เสมอ

1. ส่วนน้ำ (Water Phase): รวมน้ำ, Disodium EDTA, Natural Betaine, Allantoin, Safe-B3™, GlucoBright™, MOIST24, 1,2-Hexanediol, Glyceryl glucoside, 1,3-Propanediol, และ TransMoist™ ค่อยๆ โปรย Pro Polymer™ ลงในส่วนน้ำตามคำแนะนำ (โดยทั่วไปคือโปรยลงในขณะที่กวนเบาๆ แล้วปล่อยให้พองตัวเต็มที่) ให้ความร้อนในส่วนนี้หากจำเป็นตามข้อกำหนดของสารประสานเนื้อ หรือเพื่อช่วยละลายส่วนผสมบางตัว เช่น Allantoin (ไม่เกิน 75°C) หรือ Palmitamide MEA (หากละลายในส่วนประกอบของน้ำ แต่แนะนำให้ละลายในส่วนน้ำมันหรือ Ethoxydiglycol มากกว่า)
2. ส่วนน้ำมัน (Oil Phase): รวม LipidSoft™ F, Natural Bisabolol, Activated Resorcinol™, Palmitamide MEA, และ Ethoxydiglycol ให้ความร้อนในส่วนนี้ตามอุณหภูมิที่กำหนดโดยสารประสานเนื้อ และเพื่อช่วยละลายส่วนผสมที่เป็นของแข็ง เช่น Palmitamide MEA และ Activated Resorcinol™ (หลีกเลี่ยงความร้อนเกิน 80°C สำหรับ LipidSoft™ F และ 80°C สำหรับ Palmitamide MEA เป็นเวลานาน; หลีกเลี่ยงความร้อนสำหรับ Activated Resorcinol™ หากเป็นไปได้ หรือใช้ความร้อนต่ำกว่า 70°C เพียงเล็กน้อย) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทั้งสองส่วนมีอุณหภูมิที่ถูกต้องหากใช้สารประสานเนื้อแบบ Hot Process
3. การทำอิมัลชัน (Emulsification): ค่อยๆ เทส่วนน้ำมันลงในส่วนน้ำ (หรือกลับกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของสารประสานเนื้อ) พร้อมกับกวนด้วยความเร็วที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดอิมัลชันที่คงตัว กวนต่อไปในขณะที่ปล่อยให้เย็นลง
4. ช่วงที่เย็นตัว (Cooling Phase): เมื่ออิมัลชันก่อตัวและเริ่มเย็นตัวลง ให้เติมส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน เติม Mild Preserved Eco™ เมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 80°C และ Odor-Kill™ เมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 50°C
5. การปรับปรุงขั้นสุดท้าย: เมื่อโลชั่นเย็นตัวลงถึงอุณหภูมิห้อง ให้ตรวจสอบและปรับค่า pH ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับส่วนผสมออกฤทธิ์ของคุณ (โดยทั่วไปควรอยู่ระหว่าง 4.5 ถึง 7)

ด้วยการเพิ่มสารประสานเนื้อที่เหมาะสม และปรับลดปริมาณ Ethoxydiglycol และ Activated Resorcinol™ คุณจะสามารถสร้างโลชั่นที่คงตัวและมีประสิทธิภาพตามที่คุณต้องการได้ครับ