อาการแพ้โทนเนอร์ PAULA'S CHOICE Skin Balancing Toner อย่างกะทันหันหลังใช้มานาน
คำถาม
ใช้ PAULA'S CHOICE Skin Balancing Toner มานานแล้วไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ล่าสุดหลังจากที่หน้าหายแล้วกลับมาใช้ใหม่ กลับมีอาการแพ้ (บวมแดง) อย่างกะทันหันค่ะ สงสัยว่าอาจจะเกิดจากวิตามิน B3 (Niacinamide) จริงๆ ตามที่เคยมีการพูดคุยกันไปค่ะ
- ทำไมถึงเพิ่งมาแพ้เอาตอนนี้คะ ทั้งๆ ที่ใช้มานานแล้ว?
- เป็นไปได้ไหมคะที่วิตามิน B3 (Niacinamide) จะเป็นสาเหตุของอาการแพ้นี้?
- ลองเอาโทนเนอร์ตัวนี้มาทาคอ ทาผิวท้องแขนแล้วไม่เกิดอาการบวมแดงหรือแพ้แต่อย่างใดค่ะ ทำไมถึงแพ้แค่ที่หน้าคะ?
- จากอาการที่เกิดขึ้นแบบนี้ สงสัยว่าคงต้องเอาไว้ทาตัวแทนได้ไหมคะ หรือไม่ควรใช้เลย?
คำตอบ
Subject: เกี่ยวกับอาการแพ้โทนเนอร์ PAULA'S CHOICE Skin Balancing Toner
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่ติดต่อเข้ามาและแบ่งปันประสบการณ์นะคะ เข้าใจเลยค่ะว่าคงกังวลใจกับอาการแพ้ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันหลังจากใช้โทนเนอร์ตัวนี้มานาน
ส่วนผสมใดในนี้ที่น่าสงสัยจะทำให้เกิดอาการแพ้ไหมคะ?
การระบุส่วนผสมที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้อย่างแม่นยำนั้นทำได้ยากมากหากไม่มีการทดสอบภูมิแพ้เฉพาะเจาะจง (เช่น การทำ Patch Test) โดยแพทย์ผิวหนัง อย่างไรก็ตาม จากรายการส่วนผสมที่คุณให้มา มีส่วนผสมบางอย่างที่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับความไวของผิวหนังหรือการแพ้สัมผัสในบางบุคคลได้บ่อยกว่าส่วนผสมอื่น ๆ ซึ่งได้แก่:- สารกันเสีย (Preservatives): ส่วนผสมอย่าง Phenoxyethanol, Caprylyl Glycol, และ Hexylene Glycol มีความจำเป็นเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในผลิตภัณฑ์ แต่บางครั้งก็อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาในผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายได้
- สารอิมัลซิไฟเออร์/สารลดแรงตึงผิว (Emulsifiers/Surfactants): ส่วนผสมอย่าง Oleth-10, DEA-Oleth-10 Phosphate, Sodium Lauroyl Lactylate, และ Polysorbate-20 ช่วยผสมส่วนผสมที่เป็นน้ำและน้ำมันเข้าด้วยกัน แต่บางชนิดอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือการแพ้ในบางสภาพผิวได้
- สารสกัดจากพืช (Plant Extracts): แม้ว่ามักจะใส่เพื่อปลอบประโลมผิว แต่สารสกัดอย่าง Anthemis Nobilis (Chamomile) Flower Extract หรือ Arctium Lappa (Burdock) Root Extract ก็อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาในผู้ที่แพ้พืชบางชนิดได้ในบางครั้ง
- Niacinamide (วิตามินบี 3): ดังที่ได้มีการพูดคุยกันในคำตอบก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะไม่ใช่การแพ้จริง ๆ สำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ Niacinamide ในความเข้มข้นสูงอาจทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบ (flushing) รอยแดง และความรู้สึกอุ่น ซึ่งอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอาการแพ้ได้ โดยเฉพาะในผิวที่บอบบาง ความเข้มข้นในผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้ระบุไว้ แต่ก็เป็นความเป็นไปได้ โดยเฉพาะเมื่อคุณเองก็สงสัยส่วนผสมนี้
- ส่วนผสมอื่น ๆ: แม้แต่ส่วนผสมที่โดยทั่วไปถือว่ามีประโยชน์ (เช่น สารให้ความชุ่มชื้น, สารเคลือบผิว ฯลฯ) ก็อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาได้ในกรณีที่หายาก ขึ้นอยู่กับความไวของแต่ละบุคคล
สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าปฏิกิริยาของแต่ละบุคคลนั้นแตกต่างกันมาก และส่วนผสมที่ก่อปัญหาสำหรับคนหนึ่งอาจไม่เป็นไรเลยสำหรับอีกคนหนึ่ง
แล้วเหตุใดหลังจากใช้มานานไม่แพ้ เพิ่งมาแพ้เอาตอนนี้คะ เป็นไปได้ไหมคะ?
ปรากฏการณ์นี้ค่อนข้างพบได้บ่อยและมักเกิดจากการ แพ้สะสม (sensitization) ระบบภูมิคุ้มกันของคุณสามารถพัฒนาปฏิกิริยาต่อสารบางอย่างหลังจากได้รับสัมผัสซ้ำ ๆ แม้ว่าก่อนหน้านี้คุณจะใช้ได้อย่างไม่มีปัญหาเลยก็ตาม ลองนึกถึงการที่เราอาจจะเริ่มแพ้เกสรดอกไม้หรืออาหารบางชนิดเมื่อโตขึ้น ร่างกายของคุณ "เรียนรู้" ที่จะจดจำส่วนผสมนั้นว่าเป็นภัยคุกคามและสร้างการตอบสนองเมื่อได้รับสัมผัสในครั้งต่อ ๆ ไป
ปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจมีส่วนร่วม ได้แก่:- การเปลี่ยนแปลงของเกราะป้องกันผิว (skin barrier function) ของคุณ (เช่น จากสภาพอากาศ, ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ใช้ร่วม, หรือภาวะผิวหนังที่เป็นอยู่)
- การเปลี่ยนแปลงของสุขภาพโดยรวมหรือระบบภูมิคุ้มกันของคุณ
- ปฏิกิริยากับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่คุณอาจเริ่มใช้พร้อมกัน
การที่คุณสังเกตว่าอาการแพ้เกิดขึ้นทันทีเมื่อกลับมาใช้โทนเนอร์ตัวนี้อีกครั้งหลังจากผิวหายดีแล้ว บ่งชี้อย่างชัดเจนว่าโทนเนอร์ตัวนี้เป็นตัวกระตุ้นจริง ๆ การที่ทาแล้วไม่เกิดปฏิกิริยาที่คอหรือท้องแขน อาจเป็นเพราะผิวบริเวณใบหน้าบางกว่าและบอบบางกว่า หรือความเข้มข้นของส่วนผสมที่ก่อปัญหาที่ทาหรือซึมเข้าสู่ผิวแตกต่างกันในแต่ละบริเวณ
เนื่องจากคุณวางแผนที่จะทำโทนเนอร์ใช้เอง การหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่คุณสงสัย เช่น Niacinamide เป็นจุดเริ่มต้นที่สมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการความมั่นใจและหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาในอนาคต การปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อทำ Patch Test อาจช่วยระบุส่วนผสมที่เป็นต้นเหตุได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงส่วนผสมเหล่านั้นได้อย่างมั่นใจในผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ทำเองหรือผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์นะคะ!