การขึ้นสูตรเซรั่ม: การผสมเฟสน้ำมัน/น้ำ, ตัวเลือกซิลิโคน, และการใส่ Retinal

ถามโดย: vichuda150526 เมื่อ: May 09, 2017 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

กำลังพยายามขึ้นสูตรเซรั่มค่ะ แต่ติดปัญหาเรื่องการผสม ส่วนผสมบางตัวละลายในน้ำมัน ต้องผสมอย่างไรคะ ต้องใส่น้ำมันด้วยหรือเปล่า และส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันกับที่ละลายในน้ำต้องผสมรวมกันอย่างไรคะ

สำหรับส่วนผสมกลุ่มซิลิโคน (ข้อ 8, 9, 10) ในสูตรด้านล่าง มีตัวทดแทนแบบสำเร็จรูปที่ไม่ต้องประสานกับน้ำไหมคะ

Retinal ควรใส่เป็นตัวสุดท้ายหลังจากผสมทุกอย่างเสร็จแล้วหรือไม่คะ และจากสูตรนี้ ควรเพิ่มเติมส่วนผสมอะไรอีกบ้างคะ

รายการส่วนผสมมีดังนี้ค่ะ:

1. Retinal (ละลายในน้ำมัน)
2. Vitamin E (ละลายในน้ำมัน)
3. Hyaluronic Acid
4. Vitamin B3
5. Calendula Extract (Lutein)
6. Vitamin C
7. LipidSoft dry
8. Warp Cream Maker
9. Cyclomethicone
10. Silicone Gel
11. Water

ไปต่อไม่ได้จริงๆ ค่ะ รบกวนด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

คำตอบ

สวัสดีค่ะ! การทำเซรั่มที่มีทั้งส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันและละลายในน้ำอาจจะซับซ้อนเล็กน้อยค่ะ แต่สามารถทำได้แน่นอนค่ะ มาดูคำถามของคุณทีละข้อนะคะ:

1. การผสมส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันและจำเป็นต้องใส่น้ำมันหรือไม่:

ใช่ค่ะ เนื่องจากส่วนผสมอย่าง Retinal และ Vitamin E ละลายในน้ำมัน จึงจำเป็นต้องละลายในเฟสน้ำมันค่ะ ในสูตรของคุณมี LipidSoft dry และซิลิโคน (Cyclomethicone, Silicone Gel) ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นเฟสน้ำมัน/ซิลิโคนนี้ค่ะ สูตรนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นอิมัลชั่น (น่าจะเป็น Water-in-Silicone หรือ Water-in-Oil) เพราะมีทั้งน้ำและส่วนประกอบที่เป็นน้ำมัน/ซิลิโคน รวมถึงมีอิมัลซิไฟเออร์ (Warp Cream Maker) ค่ะ

วิธีการผสม:

  • เตรียมเฟสน้ำมัน/ซิลิโคน โดยรวม LipidSoft dry, Cyclomethicone, Silicone Gel, Retinal, และ Vitamin E เข้าด้วยกัน ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Retinal และ Vitamin E ละลายหมดแล้ว
  • เตรียมเฟสน้ำ โดยรวม น้ำ, Hyaluronic Acid, Vitamin B3, Calendula Extract, และ Vitamin C เข้าด้วยกัน
  • ใช้ Warp Cream Maker เพื่อรวมสองเฟสนี้เข้าด้วยกัน Warp Cream Maker เป็นอิมัลซิไฟเออร์ที่ช่วยสร้างความคงตัวให้กับส่วนผสมของน้ำและน้ำมัน ให้ทำตามคำแนะนำเฉพาะของ Warp Cream Maker ซึ่งโดยทั่วไปจะค่อยๆ เติมเฟสน้ำลงในเฟสน้ำมัน/ซิลิโคน พร้อมกับคนหรือปั่นให้เข้ากันอย่างทั่วถึง

2. ตัวทดแทนซิลิโคน (ข้อ 8, 9, 10):

Warp Cream Maker (8), Cyclomethicone (9), และ Silicone Gel (10) ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างเนื้อสัมผัสและความคงตัวของเซรั่มประเภทนี้ (น่าจะเป็นอิมัลชั่นที่มีซิลิโคนเป็นส่วนประกอบหลัก) Warp Cream Maker เป็นอิมัลซิไฟเออร์ที่ช่วยให้น้ำสามารถรวมตัวเข้ากับเฟสซิลิโคน/น้ำมันได้

การหาส่วนผสม สำเร็จรูป ที่ให้ความรู้สึกและคงตัวเหมือนเดิมโดยไม่ต้องใช้วิธีการทำอิมัลชั่นกับน้ำนั้นทำได้ยากค่ะ เพราะสูตรนี้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้วิธีการทำอิมัลชั่นนี้ การใช้ส่วนผสมอื่นที่ง่ายกว่าอาจทำให้เนื้อสัมผัสและความคงตัวเปลี่ยนไปอย่างมากค่ะ หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงกระบวนการทำอิมัลชั่นโดยสิ้นเชิง คุณจะต้องใช้พื้นฐานสูตรที่แตกต่างไปเลย (เช่น เซรั่มน้ำมันล้วน ซึ่งจะไม่สามารถใช้กับส่วนผสมที่ละลายในน้ำของคุณได้ หรือใช้เบสอิมัลชั่นสำเร็จรูป ซึ่งจะมาแทนที่ส่วนประกอบเหล่านี้)

3. การใส่ Retinal เป็นตัวสุดท้ายหรือไม่:

Retinal ไวต่อความร้อนและแสงค่ะ ควรละลายในเฟสน้ำมัน/ซิลิโคน ก่อน ขั้นตอนการทำอิมัลชั่นค่ะ เมื่อนำเฟสน้ำมันและเฟสน้ำมารวมกันโดยใช้ Warp Cream Maker ควรทำที่อุณหภูมิห้องหรืออุณหภูมิต่ำ หากอิมัลซิไฟเออร์อนุญาต เพื่อช่วยปกป้อง Retinal การใส่เป็นตัวสุดท้ายหลังจากผสมเซรั่มเสร็จแล้วอาจทำให้กระจายตัวได้ไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะในอิมัลชั่นค่ะ

4. ส่วนผสมที่ควรเพิ่มเติมในสูตร:

จากรายการส่วนผสมของคุณ ดิฉันขอแนะนำอย่างยิ่งให้เพิ่ม สารกันเสีย (Preservative) เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา เนื่องจากเซรั่มมีส่วนประกอบของน้ำค่ะ หากไม่มีสารกันเสีย ผลิตภัณฑ์อาจปนเปื้อนและไม่ปลอดภัยต่อการใช้งานได้อย่างรวดเร็วค่ะ

คุณอาจพิจารณาเพิ่ม:

  • สารคีเลต (Chelating Agent) (เช่น Disodium EDTA): ช่วยเพิ่มความคงตัวโดยการจับกับไอออนของโลหะที่อาจทำให้ส่วนผสมเสื่อมสภาพได้ โดยเฉพาะ Vitamin C และ Retinal
  • สารปรับค่า pH (pH Adjuster): ควรปรับค่า pH ของเซรั่มให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับผิว (โดยทั่วไปคือ 5.0-6.0) และอาจปรับให้เหมาะสมที่สุดสำหรับความคงตัวของส่วนผสมออกฤทธิ์ เช่น Vitamin C และ Retinal (ซึ่งมักจะชอบค่า pH ที่แตกต่างกันเล็กน้อย อาจต้องหาค่าที่เหมาะสมที่สุด)

สรุปคือ สูตรของคุณต้องมีการผสมเฟสน้ำมัน/ซิลิโคนและเฟสน้ำอย่างระมัดระวังโดยใช้อิมัลซิไฟเออร์ค่ะ ซิลิโคนและอิมัลซิไฟเออร์เป็นส่วนสำคัญของเนื้อสัมผัสที่ต้องการค่ะ ควรใส่ Retinal ที่ละลายในเฟสน้ำมันก่อนทำอิมัลชั่น โดยทำที่อุณหภูมิไม่สูงค่ะ และที่สำคัญที่สุดคือ ควรเพิ่มสารกันเสีย และพิจารณาเพิ่มสารคีเลตและปรับค่า pH เพื่อความปลอดภัยและความคงตัวค่ะ

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการทำเซรั่มของคุณนะคะ!

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Calendula Extract (Water Soluble)
Calendula Extract (Water Soluble)
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง
Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
เครื่องสำอาง
Silicone Gel (Ultra Clear, Super Silky)
Silicone Gel (Ultra Clear, Super Silky)
เครื่องสำอาง
Warp Cream Maker™ (e.q. Nikkomulese wo)
Warp Cream Maker™ (e.q. Nikkomulese wo)
เครื่องสำอาง
Double Hyaluron Liquid
Double Hyaluron Liquid
เครื่องสำอาง
Retinal (Retinaldehyde)
Retinal (Retinaldehyde)
เครื่องสำอาง