การขึ้นสูตรโฟมล้างหน้าเนื้อมุก

ถามโดย: jeab.kattareeya เมื่อ: September 11, 2019 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

อยากขอคำแนะนำในการขึ้นสูตรโฟมล้างหน้าเนื้อมุกค่ะ ส่วนประกอบหลักที่จำเป็นมีอะไรบ้าง เช่น สารลดแรงตึงผิว (Surfactants), สารที่ทำให้เกิดเนื้อมุก (Pearling Agent) อย่าง emulPearl™ หรือ Glyceryl Distearate และสารเพิ่มความหนืด (Thickener) อย่าง FaceFoam-LC™? มีเคล็ดลับในการปรุงสูตรอย่างไรบ้าง เช่น การผสมผสานสารลดแรงตึงผิว การใส่สารที่ทำให้เกิดเนื้อมุก (รวมถึงอุณหภูมิที่ต้องใช้) การเติมสารเพิ่มความหนืด การตรวจสอบความเข้ากันได้ของส่วนประกอบ และการปรับค่า pH สุดท้ายของสูตร (เช่น 5.5-6.5)?

คำตอบ

คำแนะนำในการขึ้นสูตรโฟมล้างหน้าเนื้อมุก

ในการสร้างโฟมล้างหน้าเนื้อมุก คุณจะต้องใช้สารลดแรงตึงผิว (Surfactants) เป็นหลักสำหรับการทำความสะอาดและสร้างฟอง และสารที่ทำให้เกิดเนื้อมุก (Pearling Agent) เพื่อให้ได้ลักษณะตามที่ต้องการ

ส่วนประกอบหลัก:

  1. สารลดแรงตึงผิว (Surfactants): เป็นสารทำความสะอาดหลัก การผสมผสานสารลดแรงตึงผิวหลายชนิดมักจะให้ประสิทธิภาพและความอ่อนโยนที่ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น:

    • Cocamidopropyl Betaine: สารลดแรงตึงผิวแบบ Amphoteric ที่อ่อนโยน ช่วยเสริมฟอง
    • IseFoam™ (Sodium Lauroyl Methyl Isethionate): สารลดแรงตึงผิวแบบ Anionic ที่อ่อนโยนและให้ฟองได้ดี
    • Cond-Foam™ (Sodium Lauroyl Sarcosinate): สารลดแรงตึงผิวแบบ Anionic ที่อ่อนโยนและมีคุณสมบัติเป็น Hair/Skin Conditioning
    • Sophorolipid (Natural Surfactant): สารลดแรงตึงผิวจากธรรมชาติที่อ่อนโยน
    • Sodium Lauroyl Lactylate: สารลดแรงตึงผิวแบบ Anionic ที่อ่อนโยน ช่วยเสริมฟองและเป็นสารช่วยคงตัว
  2. สารที่ทำให้เกิดเนื้อมุก (Pearling Agent): ส่วนประกอบนี้จะให้ลักษณะเป็นเนื้อมุกหรือประกายมุก สารที่นิยมใช้คือ Glycol Distearate ซึ่งมีจำหน่ายในชื่อ emulPearl™ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Glyceryl Distearate ได้เช่นกัน

  3. สารเพิ่มความหนืด (ไม่บังคับแต่แนะนำ): เพื่อให้ได้ความหนืดและความคงตัวที่เหมาะสมสำหรับโฟมล้างหน้า มักจะใช้สารเพิ่มความหนืดที่เข้ากันได้กับสารลดแรงตึงผิว FaceFoam-LC™ เป็นตัวอย่างของสารเพิ่มความหนืดแบบ Crystal Thickener ที่ใช้สำหรับสารลดแรงตึงผิวโดยเฉพาะ

เคล็ดลับในการปรุง:

  • ผสมสารลดแรงตึงผิวหลัก (เช่น Sodium Lauroyl Methyl Isethionate หรือ Sodium Lauroyl Sarcosinate) กับสารลดแรงตึงผิวรอง (เช่น Cocamidopropyl Betaine หรือ Sophorolipid) เพื่อปรับสมดุลระหว่างพลังการทำความสะอาด คุณภาพฟอง และความอ่อนโยน
  • ในการใส่สารที่ทำให้เกิดเนื้อมุก เช่น emulPearl™ หรือ Glyceryl Distearate โดยทั่วไปจะต้องให้ความร้อนและผสมในส่วนของน้ำมันหรือสารลดแรงตึงผิวจนละลาย (ประมาณ 60-80°C สำหรับ emulPearl™) ก่อนนำไปรวมกับส่วนประกอบอื่นๆ ในสูตร
  • เติมสารเพิ่มความหนืด (เช่น FaceFoam-LC™) ลงในส่วนของน้ำและผสมให้กระจายตัวหรือละลายตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าส่วนประกอบทั้งหมดเข้ากันได้ดี และผสมให้เข้ากันอย่างทั่วถึงในแต่ละขั้นตอน
  • ปรับค่า pH ของสูตรสำเร็จให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับสารลดแรงตึงผิวที่เลือกใช้และความเข้ากันได้กับผิว (โดยทั่วไปมีค่าเป็นกรดเล็กน้อย ประมาณ pH 5.5-6.5 สำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า)

โปรดจำไว้ว่า ให้เริ่มต้นด้วยโครงสร้างสูตรพื้นฐานและปรับเปอร์เซ็นต์ของส่วนประกอบแต่ละชนิดตามความต้องการของฟอง ความรู้สึกในการทำความสะอาด ความหนืด และลักษณะเนื้อมุกที่ต้องการ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Cocamidopropyl Betaine
Cocamidopropyl Betaine
เครื่องสำอาง
emulPearl™ (Pearlizer, Flakes/Pellets)
emulPearl™ (Pearlizer, Flakes/Pellets)
เครื่องสำอาง
IseFoam™ (Sodium Lauroyl Methyl Isethionate)
IseFoam™ (Sodium Lauroyl Methyl Isethionate)
เครื่องสำอาง
Cond-Foam™ (Sodium Lauroyl Sarcosinate, Liquid)
Cond-Foam™ (Sodium Lauroyl Sarcosinate, Liquid)
เครื่องสำอาง
Sophorolipid (Natural Surfactant, 50%)
Sophorolipid (Natural Surfactant, 50%)
เครื่องสำอาง
Glyceryl Distearate
Glyceryl Distearate
เครื่องสำอาง
Sodium Lauroyl Lactylate (Gentle Anionic Surfactant)
Sodium Lauroyl Lactylate (Gentle Anionic Surfactant)
เครื่องสำอาง
FaceFoam-LC™ (Crystal Thickener for Surfactant)
FaceFoam-LC™ (Crystal Thickener for Surfactant)
เครื่องสำอาง