การตรวจสอบและปรับปรุงสูตรอายครีม
ถามโดย: rungluk
เมื่อ: June 27, 2019
ประเภทผลิตภัณฑ์:
เครื่องสำอาง
คำถาม
รบกวนสอบถามเกี่ยวกับสูตร Eye cream สำหรับลดริ้วรอย
สูตรมีส่วนประกอบดังนี้:
- WATER: 79%
- Salmon Roe Extract: 2%
- Natural Glycogen: 1%
- Active Caffeine™: 3%
- Vitamin A Retinyl Acetate: 1%
- Ethoxydiglycol: 2%
- Natto Gum: 5%
- 1,2-Hexanediol: 3%
- Vitamin E (dl-alpha tocopherol): 1%
- Light Cream Maker: 2%
- Phospholipid: 1%
รวม: 100%
คำถามคือ:
- สูตรนี้สามารถผสมร่วมกันได้ไหม?
- ควรเพิ่มหรือลดอะไรอีกไหม?
ขอบคุณมากค่ะ
คำตอบ
การวิเคราะห์สูตรอายครีม
จากส่วนผสมที่ระบุ สูตรนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นครีมสูตรน้ำที่เน้นการต่อต้านริ้วรอยและอาจช่วยลดอาการบวมรอบดวงตา ส่วนผสมที่ใช้โดยทั่วไปเข้ากันได้ดีสำหรับการผสมเป็นเนื้อครีม
- สารออกฤทธิ์: สูตรนี้มีสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์หลายชนิด เช่น Salmon Roe Extract, Natural Glycogen, Encapsulated Caffeine, Vitamin A Acetate และ Vitamin E (dl-alpha tocopherol) ส่วนผสมเหล่านี้มีคุณสมบัติที่ทราบกันดีว่าอาจช่วยปรับปรุงความยืดหยุ่นของผิว ลดเลือนริ้วรอย ให้การปกป้องจากอนุมูลอิสระ และช่วยลดอาการบวม
- เนื้อสัมผัสและความคงตัว: ส่วนผสมอย่าง Light Cream Maker, Phospholipid และ Natto Gum ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างโครงสร้างเนื้อครีมและช่วยในการทำอิมัลชันของสูตร Ethoxydiglycol และ 1,2-Hexanediol ทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายและสารช่วยนำพา ทำให้สารออกฤทธิ์ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น นอกจากนี้ 1,2-Hexanediol ยังมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งจุลชีพอย่างอ่อนโยน
สูตรสามารถผสมร่วมกันได้ไหม?
ได้ ส่วนผสมที่ระบุในสูตรของคุณโดยทั่วไปเข้ากันได้ดีและสามารถนำมาผสมเพื่อทำเป็นอายครีมได้ สัดส่วนเปอร์เซ็นต์รวมกันได้ 100% ซึ่งถูกต้องสำหรับสูตร
ควรเพิ่มหรือลดอะไรอีกไหม?
แม้ว่าสูตรจะมีสารออกฤทธิ์ที่ดี แต่ก็มีประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณาเพื่อความปลอดภัยและความคงตัวของผลิตภัณฑ์:
- สารกันเสีย: สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ควรเพิ่มคือ ระบบสารกันเสียแบบครอบคลุม (broad-spectrum preservative system) แม้ว่า 1,2-Hexanediol จะมีคุณสมบัติช่วยเสริมประสิทธิภาพสารกันเสียและมีฤทธิ์ยับยั้งจุลชีพอย่างอ่อนโยน แต่โดยทั่วไปแล้วยังไม่เพียงพอที่จะป้องกันผลิตภัณฑ์สูตรน้ำเช่นนี้จากการปนเปื้อนของจุลชีพตลอดอายุการเก็บรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้รอบดวงตา การเพิ่มสารกันเสียที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ปลอดภัยและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน คุณจะต้องลดสัดส่วนของน้ำลงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับสารกันเสีย
- การปรับค่า pH: สูตรนี้ไม่ได้กล่าวถึงการปรับค่า pH เพื่อประสิทธิภาพและความคงตัวสูงสุดของส่วนผสม เช่น Vitamin A Acetate และเพื่อให้เข้ากันได้ดีกับผิว ควรปรับค่า pH สุดท้ายของครีมให้อยู่ในค่าที่เหมาะสม (โดยทั่วไปคือเป็นกรดเล็กน้อย ประมาณ pH 5.5-6.0 เพื่อความคงตัวของ Vitamin A และสุขภาพผิว)
- ความคงตัวของ Vitamin A: Vitamin A Acetate แม้จะมีความคงตัวมากกว่า Vitamin A บางรูปแบบ แต่ก็ยังไวต่อแสงและอากาศ แม้ว่า Vitamin E จะช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ แต่ควรพิจารณาใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทึบแสงและป้องกันอากาศเข้าเพื่อช่วยปกป้อง Vitamin A จากการเสื่อมสภาพ นอกจากนี้ ควรทำการทดสอบความคงตัวของสูตรสำเร็จด้วย
โดยสรุป สูตรนี้เป็นพื้นฐานที่ดีพร้อมสารออกฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพ แต่ การเพิ่มระบบสารกันเสียที่เหมาะสมและการปรับค่า pH เป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ปลอดภัย คงตัว และมีประสิทธิภาพในการใช้งาน
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
เครื่องสำอาง

Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
เครื่องสำอาง

Light Cream Maker™
เครื่องสำอาง

Natto Gum (Nutto Gum)
เครื่องสำอาง

1,2-Hexanediol (Super-Purified, Odorless)
เครื่องสำอาง

Phospholipid
เครื่องสำอาง

Encapsulated Caffeine (50% Caffeine Active)
เครื่องสำอาง

Salmon Roe Extract (Norway)
เครื่องสำอาง