การตรวจสอบและปรับปรุงสูตรเซรั่มบำรุงผิวหน้า
คำถาม
กำลังทำเซรั่มบำรุงผิวหน้าโดยมีสูตรดังนี้:
- Silky Serum Base 15%
- vit c (L-ascorbic acid) (ultra-fine) 15%
- Vit E (Tocopheryl Acetate) 0.5%
- Vit E (dl-alpha tocopherol) 1%
- Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) 3%
- 1,2-Hexanediol 5%
- MOIST24 5%
- Phenoxyethanol SA 0.5%
- vit B5 ExtraLite 3%
- Encapsulated Retinol 2%
- disodum sdta(2nd EDTA) 0.2%
- sefe-B3 5%
- น้ำ 40.3%
รบกวนปรับ % ให้เหมาะสมและหากสารตัวไหนไม่เข้ากันรบกวนแนะนำสารตัวอื่นหรือตัดออกจากสูตรให้หน่อยคับ
คำตอบ
Subject: การตรวจสอบสูตรเซรั่มบำรุงผิวหน้า
ขอบคุณที่แชร์สูตรเซรั่มบำรุงผิวหน้าให้ตรวจสอบครับ สูตรนี้มีส่วนประกอบสำคัญหลายชนิดที่มุ่งเน้นเรื่องความกระจ่างใส การลดเลือนริ้วรอย และความชุ่มชื้น
จากการตรวจสอบส่วนประกอบและความเข้มข้น ผมพบปัญหาเรื่องความเข้ากันได้ของสารบางชนิด และขอแนะนำการปรับปรุงดังนี้ เพื่อให้สูตรมีความเสถียร มีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงในการระคายเคืองผิว:
ปัญหาความเข้ากันได้:
ปัญหาหลักคือการผสม L-Ascorbic Acid (วิตามินซี) ความเข้มข้น 15% กับ Niacinamide (วิตามin B3) ความเข้มข้น 5% ในสูตรเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมี Encapsulated Retinol 2% อยู่ด้วย
- L-Ascorbic Acid ต้องการค่า pH ที่ต่ำ (โดยทั่วไปต่ำกว่า 3.5) เพื่อให้คงตัวและมีประสิทธิภาพ
- Niacinamide มีประสิทธิภาพและคงตัวได้ดีที่สุดที่ค่า pH ประมาณ 5-6 ที่ค่า pH ต่ำ Niacinamide อาจเปลี่ยนเป็น Niacin ซึ่งทำให้เกิดอาการหน้าแดงและระคายเคืองได้
- Retinol ก็มีความไวต่อค่า pH และมักจะถูกผสมที่ค่า pH ประมาณ 5.5-6
การผสม L-Ascorbic Acid ที่ค่า pH ต่ำสุดเพื่อให้คงตัว จะทำให้ Niacinamide และ Retinol ไม่คงตัว และมีแนวโน้มสูงที่จะทำให้เกิดการระคายเคืองอย่างมาก ในทางกลับกัน หากปรับ pH ให้สูงขึ้นเพื่อให้ Niacinamide และ Retinol คงตัว L-Ascorbic Acid ก็จะเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วและไม่มีประสิทธิภาพ
การผสมสารออกฤทธิ์ที่มีความเข้มข้นสูงหลายชนิด เช่น L-Ascorbic Acid, Niacinamide, และ Retinol ในผลิตภัณฑ์เดียว ยังเพิ่มความเสี่ยงอย่างมากต่อการระคายเคืองผิว รอยแดง และการลอก โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้สารเหล่านี้ หรือมีผิวแพ้ง่าย
คำแนะนำในการปรับปรุง:
เพื่อแก้ไขปัญหาความเข้ากันได้และลดโอกาสการระคายเคือง ผมขอแนะนำอย่างยิ่งให้ตัด L-Ascorbic Acid ออกจากสูตรนี้ คุณสามารถใช้เซรั่ม L-Ascorbic Acid แยกต่างหากในเวลาอื่นของวัน (เช่น ตอนเช้า) หรือสลับวันกับการใช้เซรั่มสูตรนี้ได้
การปรับปรุงสารกันเสีย:
ความเข้มข้นของ Phenoxyethanol SA (Optiphen Plus) ที่ 0.5% ต่ำกว่าปริมาณที่แนะนำโดยทั่วไป (0.75-1.5%) สำหรับการกันเสียที่มีประสิทธิภาพ ผมแนะนำให้เพิ่มความเข้มข้นเป็น 1%
สูตรที่ปรับปรุงแล้ว:
ตามคำแนะนำข้างต้น นี่คือสูตรที่ปรับปรุงแล้ว:
- Silky Serum Base: 15%
- Vit E (Tocopheryl Acetate): 0.5%
- Vit E (dl-alpha tocopherol): 1%
- Phospholipid (Hydrogenated Lecithin): 3%
- 1,2-Hexanediol: 5%
- MOIST24: 5%
- Phenoxyethanol SA: 1% (เพิ่มจาก 0.5%)
- Vit B5 ExtraLite (Panthenyl Ethyl Ether): 3%
- Encapsulated Retinol: 2%.
- Disodium EDTA: 0.2%
- safe-B3 (Niacinamide): 5%
- น้ำ: 54.8% (ปรับจาก 40.3% เพื่อให้ครบ 100%)
- รวม: 100%
ข้อควรระวัง: สูตรที่ปรับปรุงแล้วนี้ยังมีส่วนประกอบที่ออกฤทธิ์สูง (Retinol, Niacinamide) การทดสอบกับผิวบริเวณเล็กๆ ก่อนใช้ทั่วใบหน้าเป็นสิ่งสำคัญมาก เริ่มใช้เซรั่มเพียงไม่กี่ครั้งต่อสัปดาห์ และค่อยๆ เพิ่มความถี่เมื่อผิวของคุณทนได้ หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง (เช่น AHA/BHA, เรตินอยด์อื่นๆ) ในเวลาเดียวกัน
สูตรที่ปรับปรุงนี้จะเน้นประโยชน์ของ Niacinamide, Retinol, วิตามินอี และสารให้ความชุ่มชื้น ในการผสมผสานที่เสถียรและระคายเคืองน้อยลง.
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)

Vitamin E (dl-alpha tocopherol)

Disodium EDTA

Panthenol (Vitamin B5) ExtraLite™

Silky Serum Base (Face/Eye)

1,2-Hexanediol (Super-Purified, Odorless)

Phenoxyethanol SA (eq. Optiphen Plus)

MOIST24

Phospholipid
