การตรวจสอบและปรับปรุงสูตร Body Oil
คำถาม
ฉันได้พัฒนาสูตร Body Oil โดยมีส่วนผสมและเปอร์เซ็นต์ดังนี้:
- Olive Oil (Extra Virgin): 30%
- Apricot Kernel Oil: 15%
- Aloe Vera Oil: 15%
- Evening Primrose Oil (Organic - Virgin, 10% GLA): 15%
- Sweet Almond Oil (Refined): 15%
- Lanolin Oil: 2%
- Shea Butter Light Oil: 3%
- Vitamin E (Tocopheryl Acetate): 3%
- Hi-EGCG™ (สารสกัดชาเขียว): 1%
- German Chamomile Extract (Natural Bisabolol): 1%
รวม: 100%
รบกวนช่วยตรวจสอบสูตรนี้และให้คำแนะนำในประเด็นต่อไปนี้ด้วยค่ะ:
- สัดส่วนของส่วนผสมเหมาะสมหรือไม่ โดยเฉพาะ
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
และHi-EGCG™ (สารสกัดชาเขียว)
? - สูตรนี้จำเป็นต้องใช้สารกันเสียหรือไม่ เนื่องจากเป็นสูตรน้ำมันล้วน?
- ขั้นตอนการผลิตที่ถูกต้องเป็นอย่างไร? จำเป็นต้องใช้ความร้อนในการผสมน้ำมันหรือไม่?
- มีวิธีใดบ้างที่จะช่วยลดต้นทุนของสูตรนี้?
- จะทำอย่างไรให้เนื้อสัมผัสของ Olive Oil ในสูตรไม่รู้สึกหนักเกินไป?
- สามารถเพิ่มกลิ่นหอมจากธรรมชาติได้หรือไม่ และมีวิธีการอย่างไร?
คำตอบ
การทบทวนและคำแนะนำสำหรับสูตร Body Oil
สวัสดีค่ะ คุณชนัญญา
ขอบคุณสำหรับคำถามเกี่ยวกับสูตร Body Oil ที่คุณคิดขึ้นมานะคะ สูตรนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี มีน้ำมันที่มีประโยชน์ต่อผิวหลายชนิดเลยค่ะ
ขออนุญาตทบทวนสูตรและคำถามของคุณ โดยอิงตามเป้าหมายของคุณและข้อมูลที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่นะคะ:
1. การทบทวนและปรับปรุงสูตร
ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่:
- Vitamin E: ตามคำแนะนำ ให้ปรับลด Vitamin E (Tocopheryl Acetate) จาก 3% เหลือ 0.1% ค่ะ การใช้ในอัตราที่สูงกว่านี้อาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะผิวได้ค่ะ
- Hi-EGCG™ (สารสกัดชาเขียว): ส่วนผสมนี้ละลายในน้ำ ไม่สามารถละลายในน้ำมันได้ค่ะ ตามที่เจ้าหน้าที่แจ้งไว้ กรุณาตัดออกจากสูตรน้ำมันของคุณนะคะ
เปอร์เซ็นต์ในสูตรเดิมของคุณรวมกันได้ 100% หลังจากตัด Hi-EGCG ออก 1% และลด Vitamin E ลง 2.9% (จาก 3% เหลือ 0.1%) ทำให้เปอร์เซ็นต์รวมลดลงไป 3.9% เพื่อให้สูตรรวมเป็น 100% เหมือนเดิม จะต้องนำ 3.9% ที่หายไปนี้ไปเพิ่มในส่วนของน้ำมันเบสค่ะ
คุณชนัญญาแจ้งว่าชอบ Olive Oil แต่รู้สึกว่าเนื้อค่อนข้างหนัก เพื่อแก้ปัญหานี้และเพิ่มเปอร์เซ็นต์ที่หายไป 3.9% แนะนำให้นำไปเพิ่มในน้ำมันเบสที่มีเนื้อบางเบาในสูตรของคุณ เช่น Apricot Kernel Oil ซึ่งมีคุณสมบัติซึมง่ายและเนื้อบางเบาค่ะ
นี่คือสูตรปรับปรุงที่แนะนำค่ะ:
- Olive Oil (Extra Virgin): 30%
- Apricot Kernel Oil: 15% + 3.9% = 18.9%
- Aloe Vera Oil: 15%
- Evening Primrose Oil (Organic - Virgin, 10% GLA): 15%
- Sweet Almond Oil (Refined): 15%
- Lanolin Oil: 2%
- Shea Butter Light Oil: 3%
- Vitamin E (Tocopheryl Acetate): 0.1%
- Hi-EGCG™ (สารสกัดชาเขียว): 0% (ตัดออก)
- German Chamomile Extract (Natural Bisabolol): 1%
รวม: 100%
สูตรผสมนี้เป็นการรวมน้ำมันบำรุงผิวอย่าง Olive Oil และ Sweet Almond เข้ากับน้ำมันที่เนื้อบางเบาอย่าง Apricot Kernel และ Shea Butter Light เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่สมดุล ไม่หนักเท่าการใช้ Olive Oil เพียงอย่างเดียวค่ะ ส่วน Aloe Vera Oil และ German Chamomile Extract ช่วยเพิ่มคุณสมบัติในการปลอบประโลมผิวค่ะ
สารกันเสีย
ตามที่เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลอย่างถูกต้อง สูตรที่เป็นน้ำมันล้วนๆ ไม่จำเป็นต้องใช้สารกันเสีย เนื่องจากจุลินทรีย์ไม่สามารถเจริญเติบโตได้หากไม่มีน้ำ อย่างไรก็ตาม หากคุณตั้งใจจะผลิตเพื่อจำหน่าย การเติมสารกันเสีย เช่น Phenoxyethanol SA ในอัตรา 0.5-1.0% เป็นการเพิ่มความปลอดภัยเพื่อป้องกันการปนเปื้อนระหว่างการใช้งานของผู้บริโภคค่ะ
2. ขั้นตอนการทำ
การทำ Body Oil สูตรนี้ง่ายมากค่ะ:
- ชั่ง/ตวง: ชั่งหรือตวงส่วนผสมทั้งหมดตามเปอร์เซ็นต์ในสูตรที่ปรับปรุงแล้ว การชั่งด้วยน้ำหนักจะแม่นยำกว่าการตวงด้วยปริมาตรค่ะ
- รวมส่วนผสม: เทน้ำมันทุกชนิด, Vitamin E, Lanolin Oil, Shea Butter Light Oil, และ German Chamomile Extract ลงในภาชนะที่สะอาด
- ผสม: คนเบาๆ จนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีและเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องใช้ความร้อน ตามที่เจ้าหน้าที่ยืนยันค่ะ ความร้อนอาจทำให้น้ำมันและสารออกฤทธิ์บางชนิดเสื่อมสภาพได้
- บรรจุ: เทน้ำมันที่ผสมเสร็จแล้วลงในขวดที่สะอาดและแห้ง
3. การลดต้นทุน
ส่วนผสมบางชนิดในสูตรของคุณมักจะมีราคาสูงกว่าน้ำมันเบสทั่วไป หากต้องการลดต้นทุน สามารถพิจารณาได้ดังนี้:
- ลดเปอร์เซ็นต์หรือเปลี่ยน Evening Primrose Oil (โดยเฉพาะชนิด Organic Virgin) ไปใช้น้ำมันเบสที่ราคาเข้าถึงง่ายกว่า เช่น Grapeseed Oil หรือ Sunflower Oil High Oleic ข้อควรทราบคือ การเปลี่ยนนี้จะทำให้สูตรไม่มีคุณสมบัติเฉพาะของ GLA จาก Evening Primrose
- ลดเปอร์เซ็นต์ของ Aloe Vera Oil หรือ German Chamomile Extract ส่วนผสมเหล่านี้เป็นสารสกัดเฉพาะที่มีประโยชน์ แต่โดยทั่วไปมีราคาสูงกว่าน้ำมันเบส
- เพิ่มเปอร์เซ็นต์ของน้ำมันที่ราคาประหยัดกว่าซึ่งมีอยู่ในสูตรแล้ว เช่น Apricot Kernel Oil หรือ Sweet Almond Oil ในขณะที่ลดส่วนผสมที่มีราคาสูงกว่าบางตัว
การเปลี่ยนแปลงส่วนผสมเหล่านี้จะส่งผลต่อคุณสมบัติและเนื้อสัมผัสเฉพาะของผลิตภัณฑ์ที่ได้นะคะ
4. การจัดการกับเนื้อ Olive Oil ที่หนัก
สูตรเดิมของคุณได้ช่วยลดความหนักของ Olive Oil (30%) อยู่แล้ว โดยการรวมน้ำมันที่เนื้อบางเบาอย่าง Apricot Kernel Oil (15%), Sweet Almond Oil (15%), และ Shea Butter Light Oil (3%) เข้าไปด้วย สูตรที่ปรับปรุงแล้วยังได้เพิ่ม Apricot Kernel Oil ที่เนื้อบางเบาขึ้นเป็น 18.9% ซึ่งน่าจะช่วยให้การซึมซาบดีขึ้นและลดความรู้สึกหนักเมื่อเทียบกับการใช้ Olive Oil เพียงอย่างเดียว หรือสูตรที่มีสัดส่วนของน้ำมันหนักมากกว่า หากคุณยังรู้สึกว่าหนักเกินไป สามารถพิจารณาลดเปอร์เซ็นต์ของ Olive Oil ลงอีก และเพิ่มน้ำมันที่เนื้อบางเบาแทนได้ค่ะ
กลิ่นหอมจากธรรมชาติ
คุณชนัญญาแจ้งว่าต้องการให้มีกลิ่นหอมจากธรรมชาติ ในสูตรปัจจุบันยังไม่มีส่วนผสมที่ให้กลิ่นโดยเฉพาะ คุณสามารถเพิ่มน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ (Essential Oil) หรือน้ำหอมจากธรรมชาติ (Natural Fragrance Oil) ในปริมาณเล็กน้อย (เช่น 0.5% - 2%) เพื่อให้ได้กลิ่นหอมที่คุณต้องการค่ะ
หวังว่าการทบทวนและคำแนะนำเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการสร้างสรรค์ Body Oil ในแบบที่คุณต้องการนะคะ!
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)

Natural Bisabolol (Brazil Chamomile)

Olive Oil (Extra Virgin)

Apricot Kernel Oil (Refined)

NaturalProfile™ Sweet Almond Oil (Cold-Pressed)

Evening Primrose Oil (Refined, 9% GLA)

Shea Butter Light Oil

Phenoxyethanol SA (eq. Optiphen Plus)

Lanolin Oil
