การตั้งสูตรผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายแบบน้ำมัน

สวัสดีครับ! เข้าใจว่าคุณลูกค้ากำลังสนใจสร้างผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายโดยใช้น้ำมันธรรมชาติเป็นหลัก เช่น น้ำมันมะพร้าว (Fractionated Coconut Oil), น้ำมัน Argan, น้ำมันมะกอก (Olive Oil), และน้ำมัน Marula และต้องการใส่น้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) เพื่อให้ได้คุณสมบัติตามต้องการ นอกจากนี้ยังสนใจที่จะเพิ่ม PEG-20 Glyceryl Triisostearate และ Sodium Cocoyl Isethionate เข้าไปด้วย

การเติมสารลดแรงตึงผิว (Surfactants) อย่าง PEG-20 Glyceryl Triisostearate และ Sodium Cocoyl Isethionate เข้าไปในเบสของน้ำมันธรรมชาติ จะทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีคุณสมบัติแตกต่างจากสบู่น้ำมันธรรมชาติที่ทำผ่านกระบวนการ Saponification ครับ สูตรลักษณะนี้จะใกล้เคียงกับ Cleansing Oil, Cleansing Balm หรือ Syndet Bar มากกว่า โดยสารลดแรงตึงผิวจะช่วยทำให้น้ำมันและสิ่งสกปรกเกิดการอิมัลชัน (Emulsify) และสามารถล้างออกด้วยน้ำได้ง่ายขึ้น

สำหรับปริมาณการใช้สารทั้งสองตัวที่คุณลูกค้าสอบถามถึง:

• PEG-20 Glyceryl Triisostearate: แม้ว่าเราจะไม่มีข้อมูลผลิตภัณฑ์เฉพาะสำหรับ PEG-20 Glyceryl Triisostearate แต่ Emulsifiers ที่คล้ายคลึงกันซึ่งใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบบน้ำมัน เช่น PEG-8 Glyceryl Isostearate มักถูกใช้เพื่อช่วยให้สูตรน้ำมันสามารถล้างออกด้วยน้ำได้อย่างสะอาด จากคุณสมบัติของสารที่คล้ายคลึงกัน ปริมาณการใช้โดยทั่วไปสำหรับ Emulsifiers ประเภทนี้ใน Cleansing Oil หรือ Balm อาจอยู่ในช่วง ประมาณ 1% ถึง 30% หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการชะล้างที่ต้องการและชนิดของน้ำมันอื่นๆ ในสูตร สารนี้ทำหน้าที่หลักเป็น Emulsifier เพื่อเชื่อมเฟสน้ำมันและน้ำเข้าด้วยกัน
• Sodium Cocoyl Isethionate (SCI): เป็นสารลดแรงตึงผิวชนิดประจุลบที่มีความอ่อนโยน ให้ฟองได้ดี และนิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบบก้อนที่ไม่มีส่วนประกอบของสบู่ (Syndet Bar) หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเนื้อครีม/ผง สำหรับ Syndet Bar สามารถใช้ SCI เป็นสารลดแรงตึงผิวหลักในปริมาณที่ค่อนข้างสูง โดยทั่วไปอยู่ในช่วง ประมาณ 5% ถึง 60% หรือสูงกว่านั้น หากใช้ในสูตรของเหลวหรือครีม ปริมาณการใช้จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำความสะอาดและปริมาณฟองที่ต้องการ

สิ่งสำคัญคือ ปริมาณที่แน่นอนของสารทั้งสองตัวนี้จำเป็นต้องอาศัยการทดลองและปรับสูตรตามส่วนผสมของน้ำมันที่คุณลูกค้าใช้ และคุณสมบัติสุดท้ายของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ (เช่น ล้างออกง่ายแค่ไหน, มีฟองมากน้อยเพียงใด, ความรู้สึกหลังล้างผิว)

นอกจากสารสองตัวนี้ หากคุณลูกค้ากำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบบน้ำมันที่สามารถล้างออกด้วยน้ำได้ อาจพิจารณาเพิ่มสารอื่นๆ ดังนี้:

• สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants): เช่น Vitamin E หรือ Rosemary Oleoresin Extract (ROE) มีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยป้องกันน้ำมันธรรมชาติในสูตรไม่ให้เหม็นหืนเมื่อเวลาผ่านไป
• Co-surfactants: หากใช้ SCI เป็นหลัก โดยเฉพาะในสูตรของเหลว อาจพิจารณาใช้สารลดแรงตึงผิวตัวอื่นร่วมด้วย เพื่อช่วยปรับปรุงคุณสมบัติของฟองและความอ่อนโยน
• สารเพิ่มความข้น (Thickeners) หรือสารสร้างเนื้อ (Structurants): หากต้องการให้ผลิตภัณฑ์มีเนื้อสัมผัสแบบ Balm หรือแบบก้อนแข็ง อาจใช้ Fatty Alcohols (เช่น Cetyl Alcohol), Waxes (เช่น Beeswax) หรือ Solid Butters เพื่อสร้างเนื้อสัมผัสที่ต้องการ
• สารกันเสีย (Preservatives): หากสูตรมีส่วนประกอบของน้ำ หรือมีโอกาสที่น้ำจะเข้าไปในผลิตภัณฑ์ระหว่างการใช้งาน (ซึ่งเป็นไปได้สูงสำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ต้องใช้น้ำ) การใช้สารกันเสียชนิด Broad-spectrum เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์

น้ำมันธรรมชาติที่คุณลูกค้าเลือกมา ทั้งน้ำมันมะพร้าว (Fractionated Coconut Oil), น้ำมัน Argan, น้ำมันมะกอก (Olive Oil), และน้ำมัน Marula เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเบสทำความสะอาด และมีคุณสมบัติบำรุงผิวที่หลากหลาย ส่วนน้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) ก็สามารถให้คุณสมบัติและกลิ่นหอมตามที่ต้องการได้

การพัฒนาสูตรเครื่องสำอางที่เสถียรและมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจในคุณสมบัติของสารแต่ละตัว การทำงานร่วมกันของสารต่างๆ รวมถึงข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แนะนำให้ทำการทดลองในปริมาณน้อยๆ และปรับปริมาณสารต่างๆ ตามความเหมาะสมเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพตามที่คาดหวังครับ