การทำลิปกลอสและลิปบาล์ม: ส่วนผสม วิตามินอี และน้ำมันสำหรับโครงงานโรงเรียน

ถามโดย: jussyloveteen เมื่อ: April 25, 2015 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

กำลังทำโครงงานโรงเรียนเกี่ยวกับการทำลิปกลอสและลิปบาล์ม มีสูตรอยู่แล้ว แต่มีคำถามเกี่ยวกับส่วนผสมบางอย่างค่ะ

  1. ควรใช้ส่วนผสมอะไรบ้างในการทำลิปกลอส?
  2. ถ้าจะใช้วิตามินอี ควรใช้แบบไหนระหว่าง Vitamin E (Tocopheryl Acetate) และ Vitamin E (d-alpha tocopherol)?
  3. ควรใส่น้ำมันชนิดไหนคะ พอดีไปค้นสูตรของต่างประเทศมา เขาเขียนว่า Lavender oil แต่ไม่รู้ว่าควรใช้แบบไหนในลิปกลอสและลิปสติก?

คำตอบ

คู่มือการทำลิปกลอสและลิปบาล์มสำหรับโครงงานโรงเรียน

การทำลิปกลอสและลิปบาล์มเป็นโครงงานที่น่าสนุกค่ะ! นี่คือข้อมูลบางส่วนที่จะช่วยให้คุณเข้าใจส่วนผสมและขั้นตอนต่างๆ นะคะ

ส่วนผสมหลัก

ลิปกลอสและลิปบาล์มส่วนใหญ่ประกอบด้วย น้ำมัน, บัตเตอร์, และแวกซ์ การผสมผสานและสัดส่วนของส่วนผสมเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดเนื้อสัมผัสและคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่ได้ค่ะ

  • น้ำมัน (Oils): ช่วยให้ความเงา ความลื่น และความนุ่มแก่ผิว ตัวอย่างเช่น Jojoba Oil และ Mineral Oil ช่วยให้ผลิตภัณฑ์รู้สึกเรียบเนียนและให้ความชุ่มชื้น
  • บัตเตอร์ (Butters): เพิ่มความเข้มข้น เนื้อสัมผัส และคุณสมบัติในการบำรุง Shea Butter เป็นตัวเลือกที่นิยมใช้
  • แวกซ์ (Waxes): ให้โครงสร้างและความแข็งตัว โดยเฉพาะในลิปบาล์มเพื่อให้เป็นแท่งหรือเนื้อแข็ง แวกซ์ที่นิยมใช้ได้แก่ Beeswax และ Candelilla Wax แวกซ์ยังช่วยให้ผลิตภัณฑ์ติดทนบนริมฝีปากด้วยค่ะ

วิตามินอี (Vitamin E)

วิตามินอีมีหลายชนิดและมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานต่างกันค่ะ

  • Vitamin E (Tocopheryl Acetate): เป็นรูปแบบที่เสถียร มักใช้เป็น สารต้านอนุมูลอิสระ ในเนื้อผลิตภัณฑ์เอง ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำมันในสูตรหืน ทำให้ผลิตภัณฑ์มีอายุยาวนานขึ้น
  • Vitamin E (dl-alpha tocopherol): เป็นรูปแบบที่เลือกใช้เพื่อ บำรุงผิว และมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระต่อผิว มีความเสถียรน้อยกว่า Tocopheryl Acetate และอาจต้องเก็บรักษาอย่างระมัดระวัง

สำหรับโครงงานของคุณ หากต้องการป้องกันน้ำมันในสูตรไม่ให้หืน การใช้ Vitamin E (Tocopheryl Acetate) เป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ แต่หากต้องการเน้นการบำรุงผิวเป็นหลัก อาจพิจารณาใช้ Vitamin E (dl-alpha tocopherol) ได้ แต่ต้องคำนึงถึงความเสถียรของมันด้วยนะคะ

สารแต่งสี (Colorants)

หากต้องการแต่งสีโดยไม่มีประกายกลิตเตอร์ คุณจะต้องใช้ สีสำหรับเครื่องสำอาง (pigments or dyes) ที่ได้รับการรับรองให้ใช้กับผลิตภัณฑ์สำหรับริมฝีปากโดยเฉพาะ สีเหล่านี้มีหลายเฉดสีและหลายรูปแบบ (เช่น แบบผง) ซึ่งสามารถนำมาผสมให้กระจายตัวในเบสน้ำมันได้ค่ะ

เนื้อสัมผัสที่เรียบเนียน ไม่ระคายเคือง

เนื้อสัมผัสที่เรียบเนียนและน่าใช้ได้มาจากการเลือกใช้น้ำมัน บัตเตอร์ และแวกซ์เกรดเครื่องสำอางคุณภาพดีในสัดส่วนที่เหมาะสม น้ำมันที่ให้ความนุ่มลื่นอย่าง Jojoba Oil และบัตเตอร์อย่าง Shea Butter มีส่วนช่วยให้เนื้อสัมผัสดี การใช้ส่วนผสมที่ผ่านการทำให้บริสุทธิ์และไม่มีกลิ่น (เช่น Jojoba Oil และ Shea Butter บางชนิด) ก็ช่วยลดโอกาสการระคายเคืองและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ค่ะ

น้ำมันลาเวนเดอร์และน้ำมันอื่นๆ

เมื่อสูตรจากต่างประเทศกล่าวถึง "Lavender oil" สำหรับแต่งกลิ่นในผลิตภัณฑ์สำหรับริมฝีปาก โดยทั่วไปจะหมายถึง น้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ (Lavender Essential Oil) น้ำมันหอมระเหยมีความเข้มข้นสูงมาก และใช้เพียงปริมาณน้อยมากๆ (ปกติเพียง 1-2 หยดต่อการทำหนึ่งครั้ง) เพื่อให้กลิ่นหอมเท่านั้น สำหรับเบสน้ำมันหลักของลิปกลอสหรือลิปบาล์ม คุณจะใช้น้ำมันตัวพา (carrier oils) หรือสารที่ให้ความนุ่มลื่น เช่น Mineral Oil, Jojoba Oil หรืออนุพันธ์ของ Castor Oil (เช่น PEG-40 Hydrogenated Castor Oil) ค่ะ

ลิปบาล์ม vs ลิปสติก

ลิปบาล์มและลิปสติกมีความแตกต่างกันค่ะ:

  • ลิปบาล์ม (Lip Balm): เน้นการให้ความชุ่มชื้นและปกป้องริมฝีปาก โดยทั่วไปมีสัดส่วนของน้ำมันและบัตเตอร์สูงกว่าแวกซ์ ทำให้เนื้อนุ่มกว่า และมักจะไม่มีสีหรือมีสีอ่อนๆ
  • ลิปสติก (Lipstick): เน้นการให้สีที่ชัดเจน มีสัดส่วนของแวกซ์และสีสูงกว่าลิปบาล์ม ทำให้มีโครงสร้างที่แข็งกว่าและให้สีที่ทึบแสง

สารกันเสีย (Preservatives)

สูตรลิปกลอสและลิปบาล์มแบบดั้งเดิมมักเป็นสูตรที่ ไม่มีน้ำ (anhydrous) เนื่องจากแบคทีเรียและเชื้อราต้องการน้ำในการเจริญเติบโต ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จึง โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องใช้สารกันเสีย เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากจุลินทรีย์ อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องปกติที่จะใส่ สารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) เช่น Vitamin E (Tocopheryl Acetate) เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันหืนเมื่อเวลาผ่านไปค่ะ

อุปกรณ์และปริมาณ

สำหรับการทำในปริมาณน้อยเพื่อทดลองสำหรับโครงงานโรงเรียน ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องผสมพิเศษ ค่ะ โดยทั่วไปคุณสามารถค่อยๆ ให้ความร้อนส่วนผสมเข้าด้วยกันโดยใช้หม้อตุ๋นสองชั้นหรือไมโครเวฟ (อย่างระมัดระวัง) และคนด้วยมือจนส่วนผสมทั้งหมดละลายและเข้ากันดี ขณะที่ส่วนผสมกำลังเย็นตัวลง ให้คนต่อไปเพื่อให้สีและส่วนผสมอื่นๆ กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ

สำหรับ ปริมาณ ดิฉันไม่สามารถให้สูตรหรือสัดส่วนที่เฉพาะเจาะจงได้ค่ะ การพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้งานได้ดีและน่าใช้ต้องอาศัยการทดลองเพื่อหาสมดุลที่เหมาะสมของส่วนผสมเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัส ความแข็ง และความรู้สึกที่คุณต้องการ โดยทั่วไปจะเริ่มต้นจากโครงสร้างสูตรพื้นฐาน (เช่น แวกซ์ X%, บัตเตอร์ Y%, น้ำมัน Z%) แล้วปรับเปลี่ยนตามผลลัพธ์ที่ได้ค่ะ

ขอให้โครงงานของคุณประสบความสำเร็จนะคะ!

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
เครื่องสำอาง
Jojoba Oil (Golden - Deodorized)
Jojoba Oil (Golden - Deodorized)
เครื่องสำอาง
Shea Butter (Refined , Deodorised)
Shea Butter (Refined , Deodorised)
เครื่องสำอาง
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
เครื่องสำอาง
Jojoba Oil (Clear - Deodorized)
Jojoba Oil (Clear - Deodorized)
เครื่องสำอาง
Natural White Beeswax (USA, Melting 62C, Deodorized)
Natural White Beeswax (USA, Melting 62C, Deodorized)
เครื่องสำอาง
Shea Butter (Ultra Soft)
Shea Butter (Ultra Soft)
เครื่องสำอาง
Candelilla Wax (Refined, Melting 70C)
Candelilla Wax (Refined, Melting 70C)
เครื่องสำอาง
Mineral Oil (Paraffinum Liquidum) Heavy (68cst)
Mineral Oil (Paraffinum Liquidum) Heavy (68cst)
เครื่องสำอาง
Hydrogenated Castor Oil (Wax Flakes, Melting Point 86C)
Hydrogenated Castor Oil (Wax Flakes, Melting Point 86C)
เครื่องสำอาง
Yellow Beeswax
Yellow Beeswax
เครื่องสำอาง
Mineral Oil (Paraffinum Liquidum) Very Light (5cst)
Mineral Oil (Paraffinum Liquidum) Very Light (5cst)
เครื่องสำอาง
Candelilla Wax (Refined, Melting 72.5C)
Candelilla Wax (Refined, Melting 72.5C)
เครื่องสำอาง