สูตรแชมพูสำหรับผู้แพ้ซัลเฟต

ฉันสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับสูตรแชมพูที่ไม่มีซัลเฟตของคุณได้ คุณได้ให้สูตรมาและสอบถามเกี่ยวกับสัดส่วนที่เหมาะสม รวมถึงวิธีการใช้ Cocamidopropyl Betaine และ SulFoam (Disodium Laureth Sulfosuccinate) เพื่อทดแทน Sulfate Free Shampoo Base ที่สินค้าหมดสต็อก พร้อมทั้งสอบถามสัดส่วนที่เหมาะสม การพิจารณาค่า pH และขั้นตอนการผสม

จากสูตรที่คุณให้มาและคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่:

การพิจารณาสูตรและการปรับปรุง

คำแนะนำจากเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับสูตรเดิมของคุณมีประโยชน์ดังนี้:

• SulFoam (Disodium Laureth Sulfosuccinate): ส่วนผสมนี้ทำหน้าที่เป็นสารทำความสะอาดหลักในสูตรของคุณ เจ้าหน้าที่แนะนำให้เพิ่มความเข้มข้นจาก 10% เป็น 15-25% เพื่อประสิทธิภาพในการทำความสะอาดที่ดีขึ้น
• Cocamidopropyl Betaine: ส่วนผสมนี้ช่วยเสริมเรื่องฟองเป็นหลัก เจ้าหน้าที่แนะนำให้ลดความเข้มข้นจาก 20% เหลือ 10% ได้
• ลาโนลีน และ Hydro Protein (Hydrolyzed Vegetable Protein): ส่วนผสมเหล่านี้ไม่เหมาะกับการใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ต้องล้างออก เช่น แชมพู หากต้องการใส่เพื่อประโยชน์ในการโฆษณา เจ้าหน้าที่แนะนำให้ใช้ในอัตราส่วนที่ต่ำมาก คือประมาณ 0.1%
• ส่วนผสมอื่นๆ เช่น Glycerin, Poly-Conditioner Eco, SugarThick™, หัวน้ำหอม และ สารกันเสีย สามารถใช้ได้ในอัตราส่วนปกติสำหรับสูตรแชมพู

การใช้ Cocamidopropyl Betaine และ SulFoam ทดแทน Sulfate Free Shampoo Base

ใช่ คุณสามารถใช้ Cocamidopropyl Betaine และ SulFoam (Disodium Laureth Sulfosuccinate) ร่วมกันเป็นระบบสารลดแรงตึงผิวหลักในสูตรแชมพูที่ไม่มีซัลเฟตของคุณได้ ซึ่งจะสามารถใช้ทดแทน Sulfate Free Shampoo Base ได้

• Cocamidopropyl Betaine เป็นสารลดแรงตึงผิวประเภท Amphoteric ที่อ่อนโยนและให้ฟองได้ดี ช่วยปรับปรุงเนื้อสัมผัสและความรู้สึกของแชมพู มีค่า pH อยู่ในช่วง 5.5-7.0 (ที่ความเข้มข้น 10%)
• SulFoam (Disodium Laureth Sulfosuccinate) เป็นสารลดแรงตึงผิวประจุลบ (Anionic) ที่อ่อนโยน ให้การทำความสะอาดหลักและให้ฟองได้ดี มีค่า pH อยู่ในช่วง 5.5-6.5

ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ อัตราส่วนที่เหมาะสมเมื่อใช้สองตัวนี้เป็นสารลดแรงตึงผิวหลักคือ SulFoam ที่ 15-25% และ Cocamidopropyl Betaine ที่ 10% ซึ่งจะให้ความเข้มข้นของสารลดแรงตึงผิวรวมอยู่ที่ 25-35% ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมสำหรับแชมพู

ในส่วนของค่า pH นั้น SulFoam มีค่า pH อยู่ในช่วง 5.5-6.5 และ Cocamidopropyl Betaine อยู่ที่ประมาณ 5.5-7.0 เมื่อนำมารวมกัน ค่า pH ของแชมพูที่ได้ควรจะอยู่ในช่วงหรือใกล้เคียงกับค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับเส้นผม (โดยทั่วไปคือ pH 5-6) คุณควรตรวจสอบค่า pH สุดท้ายของผลิตภัณฑ์ที่ได้เสมอ และปรับหากจำเป็นโดยใช้สารละลายกรดเจือจาง (เช่น กรดซิตริก หรือ กรดแลคติก) เพื่อลดค่า pH หรือใช้สารละลายด่างเจือจาง (เช่น สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์) เพื่อเพิ่มค่า pH เพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับสุขภาพเส้นผมและความคงตัวของผลิตภัณฑ์

ตัวอย่างสัดส่วนสูตรที่แนะนำ (ปรับตามคำแนะนำเจ้าหน้าที่)

นี่คือตัวอย่างสูตรของคุณที่ปรับตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ โดยลดปริมาณลาโนลีนและ Hydro Protein:

1. SulFoam (Disodium Laureth Sulfosuccinate): 20% (อยู่ในช่วง 15-25% ที่แนะนำ)
2. Cocamidopropyl Betaine: 10% (ตามที่แนะนำ)
3. Glycerin: 5%
4. ลาโนลีน: 0.1% (ตามที่แนะนำสำหรับผลิตภัณฑ์ล้างออก)
5. Hydro Protein: 0.1% (ตามที่แนะนำสำหรับผลิตภัณฑ์ล้างออก)
6. Poly-Conditioner Eco: 2%
7. SugarThick™: 2%
8. หัวน้ำหอม: 2%
9. สารกันเสีย: 1%
10. น้ำ (รวมน้ำดอกอัญชัน): ปรับให้ครบ 100% ในตัวอย่างนี้คือ 100 - (20+10+5+0.1+0.1+2+2+2+1) = 57.8% ดังนั้น น้ำจะอยู่ที่ประมาณ 57.8%.

• หมายเหตุ: ปริมาณน้ำที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับปริมาณส่วนผสมอื่นๆ ที่ใช้เพื่อให้ครบ 100%*

ขั้นตอนการผสม

นี่คือขั้นตอนการผสมทั่วไปสำหรับแชมพูที่ไม่มีซัลเฟตสูตรนี้:

1. รวมน้ำ (รวมน้ำดอกอัญชัน) และ Glycerin ในภาชนะผสม คนเบาๆ จน Glycerin ละลายเข้ากันดี
2. ค่อยๆ เติม SulFoam และ Cocamidopropyl Betaine ลงในส่วนผสมของน้ำ คนเบาๆ ด้วยไม้พายหรือเครื่องผสมความเร็วต่ำ เพื่อให้สารลดแรงตึงผิวเข้ากันโดยไม่เกิดฟองมากเกินไป คนต่อไปจนส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
3. เติม Poly-Conditioner Eco และ Hydro Protein (หากใช้) และคนจนละลายเข้ากันดี
4. ค่อยๆ เติม SugarThick™ ลงไปพร้อมกับคนช้าๆ คนต่อไปจนส่วนผสมเริ่มข้นขึ้น การอุ่นเบาๆ (50-60°C) สามารถช่วยให้ SugarThick™ ละลายได้เร็วขึ้น แต่หลีกเลี่ยงความร้อนสูง คนต่อไปจนได้ความหนืดที่ต้องการ
5. ในภาชนะเล็กๆ แยกต่างหาก ผสมหัวน้ำหอมกับลาโนลีน (หากใช้) นำส่วนผสมนี้เติมลงในส่วนผสมหลักและคนให้กระจายตัวเข้ากัน
6. เติมสารกันเสีย และคนจนเข้ากันดี
7. ตรวจสอบค่า pH ของผลิตภัณฑ์ที่ได้ด้วยเครื่องวัด pH หรือกระดาษวัด pH หากจำเป็น ให้ปรับค่า pH ให้อยู่ในช่วงที่ต้องการ (โดยทั่วไปคือ 5-6) โดยใช้สารละลายกรดเจือจาง หรือสารละลายด่างเจือจาง
8. ปล่อยส่วนผสมทิ้งไว้โดยไม่รบกวนเป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือข้ามคืน เพื่อให้ฟองอากาศที่ติดอยู่ลอยขึ้นและสลายไป ก่อนทำการบรรจุ

สูตรและขั้นตอนการผสมที่ปรับปรุงนี้ควรช่วยให้คุณสร้างแชมพูที่ไม่มีซัลเฟตซึ่งมีคุณสมบัติในการทำความสะอาดและให้ฟองที่ดี เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้ซัลเฟต