การทำเจลบำรุงที่มีวิตามินซี กลูต้าไธโอน และสารบำรุงอื่นๆ
คำถาม
กำลังพัฒนาสูตรเจลที่มีส่วนผสมดังนี้:
- L-ascorbic acid (วิตามินซี)
- Glutathione
- Niacinamide (วิตามินบี 3)
- Acetyl Glucosamine
- D-Panthenol (โปรวิตามินบี 5)
- Zinc PCA
- Allantoin
- Triethanolamine
- Pro Polymer
มีคำถามเกี่ยวกับสูตรนี้ค่ะ:
- คำนวณปริมาณ Allantoin ได้ 0.7 กรัม สำหรับสูตร 100 กรัม แต่คิดว่าน่าจะเป็น 0.3 กรัม ใช่ไหมคะ?
- จะทราบปริมาณ Triethanolamine ที่ถูกต้องได้อย่างไร? สามารถกำหนดปริมาณที่แน่นอนล่วงหน้าได้หรือไม่ หรือต้องค่อยๆ เติม?
- ลำดับการผสมที่แนะนำสำหรับส่วนผสมเหล่านี้เป็นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้
Pro Polymer
เป็นสารก่อเจล และมีส่วนผสมอย่าง Zinc PCA? - L-ascorbic acid ชนิด Standard, Fine และ Ultra-Fine แตกต่างกันอย่างไร?
- ขนาดอนุภาคของ L-ascorbic acid (Standard, Fine, หรือ Ultra-Fine) มีผลต่อประสิทธิภาพในสูตรเจลที่เป็นเบสของน้ำหรือไม่?
คำตอบ
การทำเจลบำรุงที่มีวิตามินซี กลูต้าไธโอน และสารบำรุงอื่นๆ
สวัสดีค่ะ
สำหรับสูตรเจลที่คุณเสนอมา ซึ่งมีวิตามินซีและกลูต้าไธโอน รวมถึงสารบำรุงอื่นๆ นี่คือข้อมูลตามคำถามและคำแนะนำที่ได้รับค่ะ
สูตรของคุณโดยทั่วไปสามารถใช้ได้ค่ะ แต่ตามที่ได้มีการแก้ไข ปริมาณของ Allantoin ควรปรับเป็น 0.3 กรัม สำหรับสูตร 100 กรัม ไม่ใช่ 0.7 กรัม ส่วนผสมอื่นๆ และปริมาณที่เสนอมานั้นเหมาะสมค่ะ
ปริมาณ Triethanolamine
คุณไม่สามารถระบุปริมาณ Triethanolamine ที่แน่นอนล่วงหน้าได้ วิธีที่ถูกต้องคือ ให้ค่อยๆ เติมหลังจากผสมส่วนผสมอื่นๆ ทั้งหมดแล้ว (ยกเว้นสารก่อเจล) และทำการวัดค่า pH เติม Triethanolamine ไปเรื่อยๆ จนกว่าค่า pH จะอยู่ที่ประมาณ 3.5 การทำเช่นนี้จำเป็นเพราะค่า pH เริ่มต้นอาจแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละล็อตของวัตถุดิบ
ลำดับการผสม
ลำดับการผสมที่แนะนำคือ ให้ผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันก่อน ยกเว้น Triethanolamine และสารก่อเจล (Pro Polymer) หลังจากผสมส่วนผสมเริ่มต้นแล้ว ให้ปรับค่า pH ไปที่ประมาณ 3.5 โดยใช้ Triethanolamine เมื่อได้ค่า pH ที่ต้องการแล้ว จึงค่อยเติม Pro Polymer และผสมจนได้เนื้อเจล ส่วนผสมที่เป็นอิเล็กโทรไลต์ เช่น Zinc PCA ควรเติมก่อน Pro Polymer ตามที่ระบุในรายละเอียดของ Pro Polymer และคุณอาจต้องใช้ Pro Polymer ในปริมาณที่สูงขึ้นเล็กน้อยหากมีอิเล็กโทรไลต์จำนวนมากในสูตร
ความแตกต่างระหว่างวิตามินซี (L-ascorbic acid) แต่ละชนิด
ความแตกต่างระหว่าง L-ascorbic acid ชนิด Standard, Fine และ Ultra-Fine อยู่ที่ขนาดอนุภาคและความง่ายในการละลายเป็นหลัก
- L-ascorbic acid ชนิด Standard มีขนาดอนุภาคปกติ
- L-ascorbic acid ชนิด Fine มีขนาดอนุภาคเล็กกว่า (ประมาณ 200-300 ไมครอน)
- L-ascorbic acid ชนิด Ultra-Fine มีขนาดอนุภาคเล็กที่สุด (เล็กกว่า 45 ไมครอน)
L-ascorbic acid ชนิด Ultra-Fine จะละลายในน้ำได้ง่ายและเร็วกว่าชนิด Standard หรือ Fine
ประสิทธิภาพ
เมื่อละลายจนหมดในสูตรที่เป็นเบสของน้ำ เช่น เจลที่คุณกำลังทำ วิตามินซี L-ascorbic acid ทุกรูปแบบ (Standard, Fine, หรือ Ultra-Fine) จะมีประสิทธิภาพเท่ากัน เนื่องจากเป็นโมเลกุลแอคทีฟตัวเดียวกัน การเลือกว่าจะใช้ชนิดใดขึ้นอยู่กับความสะดวกและเวลาที่ใช้ในการละลายระหว่างกระบวนการผลิต สำหรับเจลที่เป็นเบสของน้ำ ชนิด Standard หรือ Fine ก็เพียงพอแล้ว แต่อาจต้องใช้เวลาในการผสมนานขึ้นเล็กน้อย
ส่วนผสมที่กล่าวถึงในสูตรของคุณ ได้แก่:
- L-ascorbic acid (วิตามินซี)
- Glutathione
- Niacinamide (วิตามินบี 3)
- Acetyl Glucosamine
- D-Panthenol (โปรวิตามินบี 5)
- Zinc PCA
- Allantoin
- Triethanolamine
- Pro Polymer
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการทำสูตรของคุณนะคะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Allantoin

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)

Triethanolamine 99%

Pro Polymer™ (Gel Maker)

Zinc PCA

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Standard)

D-Panthenol Care (Pro-Vitamin B5, 100% Liquid)
