การทำเจลสูตรน้ำใสที่มี Vitamin E Acetate 5%

ถามโดย: diow_tuatoo เมื่อ: August 05, 2014 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ต้องการทำเจลบำรุงผิวสูตรน้ำใส ที่มีส่วนผสมของ Vitamin E Acetate (Tocopheryl Acetate) 5% ได้ลองใช้ Laureth-23 และ Polysorbate 20 (Tween 20) แล้ว แต่ยังไม่ได้เนื้อเจลที่ใสตามต้องการ อยากทราบว่าควรใช้สารอะไรในการทำเจลใสที่มี Vitamin E Acetate ความเข้มข้นสูงขนาดนี้ และ Laureth-23 หรือ Polysorbate 20 เหมาะสมกับการทำเจลใสหรือไม่?

คำตอบ

การทำเจลบำรุงผิวสูตรน้ำใสที่มี Vitamin E Acetate

การเติม Vitamin E Acetate (Tocopheryl Acetate) ซึ่งเป็นวิตามินอีชนิดที่ละลายในน้ำมัน ในความเข้มข้นสูงถึง 5% ลงในเจลบำรุงผิวสูตรน้ำใส (ไม่มีส่วนของน้ำมัน) จำเป็นต้องใช้ สารช่วยละลาย (Solubilizer) ไม่ใช่อิมัลซิไฟเออร์ (Emulsifier) หรือครีมเบส (Cream Maker) เนื่องจากอิมัลซิไฟเออร์มักใช้เพื่อสร้างเนื้อครีมหรือโลชั่นที่เป็นอิมัลชันขุ่น และหลายชนิดต้องใช้ความร้อนในการผสม

สำหรับสารที่คุณสอบถามถึง:

  • Laureth-23: เป็นอิมัลซิไฟเออร์ที่ใช้หลักในการทำครีมและโลชั่น และต้องใช้ความร้อนในการละลาย จึงไม่เหมาะกับการทำเจลสูตรน้ำใส
  • Polysorbate 20 (Tween 20): เป็นสารช่วยละลายที่สามารถช่วยกระจายน้ำมันในน้ำได้ แต่สำหรับการละลายส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันในความเข้มข้นสูง เช่น Vitamin E Acetate 5% นั้น Polysorbate 20 อาจทำให้เจลขุ่นได้ ไม่ได้เนื้อใสตามต้องการ

เพื่อให้ได้เจลสูตรน้ำที่ใสเมื่อเติมส่วนผสมที่ละลายในน้ำมัน แนะนำให้ใช้สารช่วยละลายประสิทธิภาพสูง เช่น Flora Solve™ Clear หรือ Ultra Solve™ ซึ่งออกแบบมาเพื่อละลายน้ำมัน (รวมถึงวิตามินที่ละลายในน้ำมันอย่าง Vitamin E Acetate) ในเบสที่เป็นน้ำหรือเจล โดยยังคงความใสไว้ได้

  • Flora Solve™ Clear: เป็นตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพและราคาไม่สูง เหมาะสำหรับละลายน้ำมันและน้ำหอมในน้ำ/เจล ให้เนื้อใส
  • Ultra Solve™: เป็นสารช่วยละลายที่แรงกว่า เหมาะสำหรับละลายน้ำมันได้หลากหลายชนิด รวมถึงน้ำมันที่ละลายยาก หรือใช้ในความเข้มข้นของน้ำมันที่สูงขึ้น เช่น Vitamin E Acetate 5%

ปริมาณสารช่วยละลายที่ต้องใช้นั้นขึ้นอยู่กับชนิดของส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันและความเข้มข้น โดยทั่วไปอัตราส่วนเริ่มต้นคือ สารช่วยละลาย 2-5 ส่วน ต่อ น้ำมัน 1 ส่วน สำหรับ Vitamin E Acetate 5% คุณอาจต้องใช้สารช่วยละลายในปริมาณที่ค่อนข้างสูง (เช่น 10-25% หรือมากกว่านั้น) ซึ่งอาจส่งผลต่อเนื้อสัมผัสของเจลได้ จำเป็นต้องมีการทดลองเพื่อหาปริมาณที่เหมาะสม

ข้อควรพิจารณาสำคัญสำหรับ Vitamin E Acetate 5%:

ตามที่ผู้เชี่ยวชาญท่านอื่นได้ให้ความเห็นไว้ Vitamin E Acetate โดยเฉพาะที่ความเข้มข้นเกิน 1% อาจให้ความรู้สึกเหนอะหนะบนผิวได้มาก และการซึมเข้าผิวอาจไม่ดีนัก การใช้ 5% ในเจลอาจทำให้ผลิตภัณฑ์เหนียวเหนอะหนะมาก จึงขอแนะนำอย่างยิ่งให้เริ่มต้นทดลองที่ความเข้มข้นต่ำกว่านี้ เช่น 1% ก่อน เพื่อประเมินเนื้อสัมผัสและความรู้สึกบนผิว ก่อนจะลองเพิ่มความเข้มข้น

สารสร้างเนื้อเจล (Gel Maker):

สำหรับเบสเจลเอง สามารถใช้สารสร้างเนื้อเจลทั่วไปได้ เช่น Pro Polymer™ อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าการใส่สารสำคัญที่ละลายในน้ำมันและความเข้มข้นของสารช่วยละลายในปริมาณมาก อาจส่งผลต่อความใสของเจลสุดท้ายได้ ทำให้เจลอาจมีลักษณะขุ่นเล็กน้อยหรือขุ่น ไม่ใสเหมือนน้ำเปล่า แม้จะใช้สารช่วยละลายที่ออกแบบมาเพื่อความใสก็ตาม

สรุป: หลีกเลี่ยง Laureth-23 และอาจรวมถึง Polysorbate 20 หากต้องการเจลใส พิจารณาใช้ Flora Solve™ Clear หรือ Ultra Solve™ เป็นสารช่วยละลายสำหรับ Vitamin E Acetate และควรพิจารณาลดความเข้มข้นของ Vitamin E Acetate ลงเพื่อหลีกเลี่ยงความเหนอะหนะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
เครื่องสำอาง
Laureth-23
Laureth-23
เครื่องสำอาง
Polysorbate 20 (Tween 20)
Polysorbate 20 (Tween 20)
เครื่องสำอาง
Pro Polymer™ (Gel Maker)
Pro Polymer™ (Gel Maker)
เครื่องสำอาง
Ultra Solve™
Ultra Solve™
เครื่องสำอาง