การประสานน้ำมัน/น้ำหอมในโทนเนอร์: เปรียบเทียบ Polysorbate, Flora Solve และ Glycols
คำถาม
มีคำถามเกี่ยวกับการใช้ Polysorbate และส่วนผสมอื่นๆ ในสูตรโทนเนอร์ดังนี้:
- Polysorbate 20 และ Polysorbate 80 แตกต่างกันอย่างไร?
- ช่วงการใช้ Polysorbate ระบุไว้ที่ 1-20% ช่วงกว้างมากเพราะอะไร และควรใช้ในโทนเนอร์ปริมาณเท่าใด?
- Polysorbate แตกต่างจาก Propylene Glycol และ Butylene Glycol อย่างไรในแง่ของหน้าที่และการใช้งาน?
- ควรเลือกใช้ Polysorbate (หรือตัวประสานใกล้เคียง) หรือ Propylene Glycol/Butylene Glycol เมื่อใด?
- Flora Solve แตกต่างจาก Polysorbate อย่างไรในการประสานน้ำหอมและน้ำมันในน้ำ โดยเฉพาะเรื่องความใสและเนื้อสัมผัส?
- การประสานน้ำมัน 3-5% ด้วย Flora Solve หรือ Polysorbate เพื่อให้ได้โทนเนอร์ที่ใสสามารถทำได้หรือไม่ และมีปัญหาเรื่องเนื้อสัมผัสอย่างไรบ้าง?
คำตอบ
การใช้ Polysorbate
นี่คือคำตอบสำหรับคำถามของคุณเกี่ยวกับการใช้ Polysorbate และส่วนผสมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง:
Polysorbate 20 กับ Polysorbate 80: สองตัวนี้แตกต่างกันหลักๆ ที่ค่า HLB (Hydrophilic-Lipophilic Balance) มักใช้เป็น co-emulsifier ในสูตรอิมัลชัน โดยคำนวณค่า HLB รวมของระบบอิมัลซิไฟเออร์ให้เหมาะสมกับเฟสน้ำมัน Polysorbate 20 มีค่า HLB สูงกว่า Polysorbate 80 ทำให้ละลายน้ำได้ดีกว่า และเหมาะกับการทำอิมัลชันแบบ O/W (น้ำในน้ำมัน) หรือใช้เป็นตัวประสานน้ำมันในน้ำได้ดีกว่า Polysorbate 80 ก็ใช้ในอิมัลชัน O/W และเป็นตัวประสานเช่นกัน การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับชนิดของเฟสน้ำมันและชนิดของอิมัลชันหรือความต้องการในการประสาน ซึ่งมักพิจารณาจากการคำนวณค่า HLB
ช่วงการใช้ในโทนเนอร์: ช่วงการใช้ 1-20% สำหรับ Polysorbate นั้นกว้างมาก เนื่องจากหน้าที่และปริมาณที่ต้องใช้แตกต่างกันไปตามสูตร สำหรับโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันและน้ำหอม ปริมาณ Polysorbate (หรือตัวประสานอื่นๆ) ที่ต้องใช้ขึ้นอยู่กับ ปริมาณ และ ชนิด ของน้ำมัน/น้ำหอมที่คุณต้องการประสานให้เข้ากันและใส การใช้ในปริมาณสูง (เช่น 15-20% หรือมากกว่า) เพื่อประสานน้ำมันปริมาณมาก (เช่น 3-5%) มักทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์เหนอะหนะหรือไม่น่าใช้ สำหรับโทนเนอร์ที่มีเฟสน้ำมันน้อย แนะนำให้เริ่มต้นใช้ตัวประสานในปริมาณที่ต่ำกว่า (เช่น 5-7% สำหรับน้ำมัน 1-2%) เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่บางเบา ปริมาณที่แน่นอนที่ควรเริ่มต้นต้องทดลองกับสูตรและส่วนผสมเฉพาะของคุณ
Polysorbate ต่างกับ Propylene Glycol / Butylene Glycol อย่างไร: ส่วนผสมเหล่านี้มีหน้าที่หลักที่แตกต่างกัน:
- Polysorbates เป็นหลักคือ อิมัลซิไฟเออร์ (emulsifiers) และ ตัวประสาน (solubilizers) ช่วยทำให้น้ำกับน้ำมันเข้ากันได้ดี หรือช่วยละลายน้ำมัน/น้ำหอมปริมาณน้อยๆ ในน้ำเพื่อให้ได้สารละลายที่ใส Polysorbates ไม่ถือเป็น emollient
- Propylene Glycol และ Butylene Glycol เป็นหลักคือ ตัวทำละลาย (solvents) และ emollients ใช้เพื่อละลายส่วนผสมอื่นๆ (ทั้งที่ละลายน้ำได้ดีและบางส่วนที่ละลายน้ำมันได้เล็กน้อย) และช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เนียนนุ่ม แม้จะช่วยให้สูตรคงตัวโดยช่วยให้ส่วนผสมละลายอยู่ได้ แต่ไม่ได้ทำหน้าที่ทำให้น้ำกับน้ำมันเข้ากันเหมือน Polysorbates
ควรใช้ตัวไหนเมื่อไร:
- ใช้ Polysorbates (หรือตัวประสานอื่นๆ เช่น Flora Solve) เมื่อคุณต้องการผสมเฟสน้ำมัน (เช่น น้ำหอม หรือน้ำมันบำรุงผิว) เข้ากับผลิตภัณฑ์ที่มีเบสเป็นน้ำ (เช่น โทนเนอร์ หรือเซรั่ม) และทำให้คงตัว โดยเฉพาะถ้าต้องการให้ผลิตภัณฑ์ใส
- ใช้ Propylene Glycol หรือ Butylene Glycol เมื่อคุณต้องการละลายส่วนผสมที่ไม่ละลายน้ำได้ง่าย หรือเมื่อต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นและความนุ่มลื่นให้กับผิวในสูตร
Flora Solve กับ Polysorbate สำหรับน้ำหอม/น้ำมัน: ทั้งสองตัวสามารถประสานน้ำมันและน้ำหอมในน้ำได้ แต่มีความแตกต่างในประสิทธิภาพและเนื้อสัมผัส:
- Flora Solve ถูกพัฒนามาเพื่อประสานน้ำหอมและน้ำมันในน้ำโดยเฉพาะ มักให้ความใสและความคงตัวที่ดีกว่า โดยเฉพาะเมื่อมีน้ำมัน/น้ำหอมปริมาณมาก ให้เนื้อสัมผัสที่บางเบา ไม่เหนอะหนะเท่า Polysorbate เมื่อใช้ในปริมาณที่เท่ากัน มักมีราคาสูงกว่า
- Polysorbate สามารถใช้ประสานน้ำหอมหรือน้ำมันในปริมาณน้อยๆ ได้ อย่างไรก็ตาม การทำให้สูตรใสเมื่อมีน้ำมันปริมาณมากอาจต้องใช้ Polysorbate ในปริมาณสูง ซึ่งอาจทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์เหนอะหนะได้
การประสานน้ำมัน 3-5% ด้วย Flora Solve: การประสานน้ำมัน 3-5% ให้ได้โทนเนอร์ที่ใสเป็นเรื่องที่ท้าทาย และมักต้องใช้ตัวประสานในปริมาณที่สูงมาก (เช่น 15-20% หรือมากกว่า ทั้ง Flora Solve หรือ Polysorbate) ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์รู้สึกเหนอะหนะหรือหนักผิว การใช้น้ำมันในปริมาณที่ต่ำกว่า (เช่น 1-2%) ร่วมกับตัวประสานในปริมาณปานกลาง (เช่น 5-7% ของ Flora Solve หรือ Flora Solve Clear) มักเป็นวิธีที่เหมาะสมกว่าเพื่อให้ได้โทนเนอร์ที่ใสและมีเนื้อสัมผัสบางเบา น่าใช้ ลองพิจารณาใช้น้ำมันที่มีประสิทธิภาพสูงอย่าง Bisabolol ซึ่งเห็นผลได้ในปริมาณต่ำ (ประมาณ 1%) และเป็นน้ำมันในตัว
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Natural Bisabolol (Brazil Chamomile)

Propylene Glycol

Polysorbate 20 (Tween 20)

Polysorbate 80 (Tween 80)
