การประสานน้ำมัน/น้ำหอมในโทนเนอร์: เปรียบเทียบ Polysorbate, Flora Solve และ Glycols

ถามโดย: jn_andy เมื่อ: August 09, 2015 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

มีคำถามเกี่ยวกับการใช้ Polysorbate และส่วนผสมอื่นๆ ในสูตรโทนเนอร์ดังนี้:

  1. Polysorbate 20 และ Polysorbate 80 แตกต่างกันอย่างไร?
  2. ช่วงการใช้ Polysorbate ระบุไว้ที่ 1-20% ช่วงกว้างมากเพราะอะไร และควรใช้ในโทนเนอร์ปริมาณเท่าใด?
  3. Polysorbate แตกต่างจาก Propylene Glycol และ Butylene Glycol อย่างไรในแง่ของหน้าที่และการใช้งาน?
  4. ควรเลือกใช้ Polysorbate (หรือตัวประสานใกล้เคียง) หรือ Propylene Glycol/Butylene Glycol เมื่อใด?
  5. Flora Solve แตกต่างจาก Polysorbate อย่างไรในการประสานน้ำหอมและน้ำมันในน้ำ โดยเฉพาะเรื่องความใสและเนื้อสัมผัส?
  6. การประสานน้ำมัน 3-5% ด้วย Flora Solve หรือ Polysorbate เพื่อให้ได้โทนเนอร์ที่ใสสามารถทำได้หรือไม่ และมีปัญหาเรื่องเนื้อสัมผัสอย่างไรบ้าง?

คำตอบ

การใช้ Polysorbate

นี่คือคำตอบสำหรับคำถามของคุณเกี่ยวกับการใช้ Polysorbate และส่วนผสมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง:

  1. Polysorbate 20 กับ Polysorbate 80: สองตัวนี้แตกต่างกันหลักๆ ที่ค่า HLB (Hydrophilic-Lipophilic Balance) มักใช้เป็น co-emulsifier ในสูตรอิมัลชัน โดยคำนวณค่า HLB รวมของระบบอิมัลซิไฟเออร์ให้เหมาะสมกับเฟสน้ำมัน Polysorbate 20 มีค่า HLB สูงกว่า Polysorbate 80 ทำให้ละลายน้ำได้ดีกว่า และเหมาะกับการทำอิมัลชันแบบ O/W (น้ำในน้ำมัน) หรือใช้เป็นตัวประสานน้ำมันในน้ำได้ดีกว่า Polysorbate 80 ก็ใช้ในอิมัลชัน O/W และเป็นตัวประสานเช่นกัน การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับชนิดของเฟสน้ำมันและชนิดของอิมัลชันหรือความต้องการในการประสาน ซึ่งมักพิจารณาจากการคำนวณค่า HLB

  2. ช่วงการใช้ในโทนเนอร์: ช่วงการใช้ 1-20% สำหรับ Polysorbate นั้นกว้างมาก เนื่องจากหน้าที่และปริมาณที่ต้องใช้แตกต่างกันไปตามสูตร สำหรับโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันและน้ำหอม ปริมาณ Polysorbate (หรือตัวประสานอื่นๆ) ที่ต้องใช้ขึ้นอยู่กับ ปริมาณ และ ชนิด ของน้ำมัน/น้ำหอมที่คุณต้องการประสานให้เข้ากันและใส การใช้ในปริมาณสูง (เช่น 15-20% หรือมากกว่า) เพื่อประสานน้ำมันปริมาณมาก (เช่น 3-5%) มักทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์เหนอะหนะหรือไม่น่าใช้ สำหรับโทนเนอร์ที่มีเฟสน้ำมันน้อย แนะนำให้เริ่มต้นใช้ตัวประสานในปริมาณที่ต่ำกว่า (เช่น 5-7% สำหรับน้ำมัน 1-2%) เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่บางเบา ปริมาณที่แน่นอนที่ควรเริ่มต้นต้องทดลองกับสูตรและส่วนผสมเฉพาะของคุณ

  3. Polysorbate ต่างกับ Propylene Glycol / Butylene Glycol อย่างไร: ส่วนผสมเหล่านี้มีหน้าที่หลักที่แตกต่างกัน:

    • Polysorbates เป็นหลักคือ อิมัลซิไฟเออร์ (emulsifiers) และ ตัวประสาน (solubilizers) ช่วยทำให้น้ำกับน้ำมันเข้ากันได้ดี หรือช่วยละลายน้ำมัน/น้ำหอมปริมาณน้อยๆ ในน้ำเพื่อให้ได้สารละลายที่ใส Polysorbates ไม่ถือเป็น emollient
    • Propylene Glycol และ Butylene Glycol เป็นหลักคือ ตัวทำละลาย (solvents) และ emollients ใช้เพื่อละลายส่วนผสมอื่นๆ (ทั้งที่ละลายน้ำได้ดีและบางส่วนที่ละลายน้ำมันได้เล็กน้อย) และช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เนียนนุ่ม แม้จะช่วยให้สูตรคงตัวโดยช่วยให้ส่วนผสมละลายอยู่ได้ แต่ไม่ได้ทำหน้าที่ทำให้น้ำกับน้ำมันเข้ากันเหมือน Polysorbates
  4. ควรใช้ตัวไหนเมื่อไร:

    • ใช้ Polysorbates (หรือตัวประสานอื่นๆ เช่น Flora Solve) เมื่อคุณต้องการผสมเฟสน้ำมัน (เช่น น้ำหอม หรือน้ำมันบำรุงผิว) เข้ากับผลิตภัณฑ์ที่มีเบสเป็นน้ำ (เช่น โทนเนอร์ หรือเซรั่ม) และทำให้คงตัว โดยเฉพาะถ้าต้องการให้ผลิตภัณฑ์ใส
    • ใช้ Propylene Glycol หรือ Butylene Glycol เมื่อคุณต้องการละลายส่วนผสมที่ไม่ละลายน้ำได้ง่าย หรือเมื่อต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นและความนุ่มลื่นให้กับผิวในสูตร
  5. Flora Solve กับ Polysorbate สำหรับน้ำหอม/น้ำมัน: ทั้งสองตัวสามารถประสานน้ำมันและน้ำหอมในน้ำได้ แต่มีความแตกต่างในประสิทธิภาพและเนื้อสัมผัส:

    • Flora Solve ถูกพัฒนามาเพื่อประสานน้ำหอมและน้ำมันในน้ำโดยเฉพาะ มักให้ความใสและความคงตัวที่ดีกว่า โดยเฉพาะเมื่อมีน้ำมัน/น้ำหอมปริมาณมาก ให้เนื้อสัมผัสที่บางเบา ไม่เหนอะหนะเท่า Polysorbate เมื่อใช้ในปริมาณที่เท่ากัน มักมีราคาสูงกว่า
    • Polysorbate สามารถใช้ประสานน้ำหอมหรือน้ำมันในปริมาณน้อยๆ ได้ อย่างไรก็ตาม การทำให้สูตรใสเมื่อมีน้ำมันปริมาณมากอาจต้องใช้ Polysorbate ในปริมาณสูง ซึ่งอาจทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์เหนอะหนะได้
  6. การประสานน้ำมัน 3-5% ด้วย Flora Solve: การประสานน้ำมัน 3-5% ให้ได้โทนเนอร์ที่ใสเป็นเรื่องที่ท้าทาย และมักต้องใช้ตัวประสานในปริมาณที่สูงมาก (เช่น 15-20% หรือมากกว่า ทั้ง Flora Solve หรือ Polysorbate) ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์รู้สึกเหนอะหนะหรือหนักผิว การใช้น้ำมันในปริมาณที่ต่ำกว่า (เช่น 1-2%) ร่วมกับตัวประสานในปริมาณปานกลาง (เช่น 5-7% ของ Flora Solve หรือ Flora Solve Clear) มักเป็นวิธีที่เหมาะสมกว่าเพื่อให้ได้โทนเนอร์ที่ใสและมีเนื้อสัมผัสบางเบา น่าใช้ ลองพิจารณาใช้น้ำมันที่มีประสิทธิภาพสูงอย่าง Bisabolol ซึ่งเห็นผลได้ในปริมาณต่ำ (ประมาณ 1%) และเป็นน้ำมันในตัว

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Natural Bisabolol (Brazil Chamomile)
Natural Bisabolol (Brazil Chamomile)
เครื่องสำอาง
Propylene Glycol
Propylene Glycol
เครื่องสำอาง
Polysorbate 20 (Tween 20)
Polysorbate 20 (Tween 20)
เครื่องสำอาง
Polysorbate 80 (Tween 80)
Polysorbate 80 (Tween 80)
เครื่องสำอาง
Butylene Glycol
Butylene Glycol
เครื่องสำอาง