การปรับปรุงสูตรเซรั่ม/ลีฟออน คอนดิชันเนอร์สำหรับผมแห้งเสีย
คำถาม
ฉันกำลังลองพัฒนาสูตร Leave-in Conditioner/Hair Serum สำหรับผมแห้งฟู ไม่มีน้ำหนัก และผมแตกปลายค่ะ สูตรเริ่มต้นของฉันใช้น้ำมันในปริมาณสูง (Avocado Oil, Argan Oil) โปรตีนสูง (Hydrolyzed Wheat Protein, Hydrolyzed Soy Protein) น้ำน้อย และใช้ Laureth-23 เป็นอิมัลซิไฟเออร์ ฉันกังวลเรื่องความเสถียร เนื้อสัมผัส (หนัก/มันเยิ้ม/เหนียว) และประสิทธิภาพของสูตรนี้ ไม่ทราบว่าพอจะให้คำแนะนำในการปรับปรุงสูตรและวิธีการผสมเพื่อให้ได้เซรั่มที่เสถียร มีประสิทธิภาพ และมีเนื้อสัมผัสที่ดีได้ไหมคะ?
คำตอบ
สูตรเซรั่มบำรุงผมฉบับปรับปรุงและวิธีการทำ
ขอบคุณที่แบ่งปันไอเดียสูตรเซรั่มบำรุงผมนะคะ! เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากค่ะ มีส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่อผมอย่าง Vitamin B5 และโปรตีนไฮโดรไลซ์ เพื่อให้ได้เซรั่มที่เหมาะกับผมแห้งฟู ไม่มีน้ำหนัก แตกปลาย มีความเสถียร ใช้งานง่าย และมีประสิทธิภาพ นี่คือข้อเสนอแนะในการปรับปรุงสูตรและวิธีการทำค่ะ
วิเคราะห์สูตรเดิมและข้อเสนอแนะในการปรับแก้
สูตรเริ่มต้นของคุณมีสัดส่วนของเฟสน้ำมันสูงมากเมื่อเทียบกับเฟสน้ำ ซึ่งแตกต่างจาก Leave-in Conditioner หรือเซรั่มบำรุงผมส่วนใหญ่ (ซึ่งมักเป็นอิมัลชันแบบ Oil-in-Water หรือ O/W ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักในปริมาณสูง) การมีน้ำมันมากและน้ำน้อยอาจทำให้เกิดปัญหา:
- อิมัลชันไม่เสถียร: อาจแยกชั้นได้ง่าย เนื่องจาก Laureth-23 อาจไม่เพียงพอหรือไม่เหมาะสมที่จะทำให้อิมัลชัน O/W ที่มีน้ำน้อยคงตัวได้
- เนื้อผลิตภัณฑ์หนักและเหนอะหนะ: ปริมาณน้ำมันที่สูงมากจะทำให้เซรั่มรู้สึกหนักและอาจทำให้ผมมันเยิ้มได้ง่าย
- ความเข้มข้นของโปรตีนสูงเกินไป: โปรตีนรวม 20g ในน้ำแค่ 25g เป็นความเข้มข้นที่สูงมาก อาจทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์ข้นหนืดเกินไป หรือเมื่อใช้กับผมแล้วรู้สึกแข็งหรือเหนียวได้
เพื่อให้ได้ Leave-in Conditioner Serum ที่มีเนื้อสัมผัสที่ดี บำรุงผมได้ตรงจุด และมีความเสถียรปลอดภัย ควรปรับสูตรดังนี้ค่ะ:
- เพิ่มปริมาณน้ำ: ให้น้ำเป็นส่วนประกอบหลักในปริมาณที่สูงขึ้นมาก (60-70%+)
- ลดปริมาณน้ำมันและโปรตีน: ลดปริมาณน้ำมัน (Avocado Oil, Argan Oil) ลงให้อยู่ในช่วง 3-10% ของสูตรทั้งหมด และลดปริมาณโปรตีน (Hydrolysed Wheat Protein, Hydrolysed Soy Protein) ลงให้อยู่ในช่วง 1-5% ต่อชนิด (รวมกันไม่ควรเกิน 5-10% ทั้งหมด)
- เพิ่ม Emulsifier ที่เหมาะสม: Laureth-23 เป็นสารลดแรงตึงผิว แต่ไม่ใช่ Emulsifier หลักที่ใช้สร้างอิมัลชัน O/W ที่เสถียรเมื่อมีปริมาณน้ำมันพอสมควร คุณต้องใช้ Emulsifier ที่ออกแบบมาสำหรับทำอิมัลชัน O/W โดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น Ceteareth-25 หรือกลุ่มธรรมชาติอย่าง LeciCream™ หรือ PhosphoMax™ SoftGel 305 เป็นอีกทางเลือกที่ให้ทั้งคุณสมบัติการเป็น Emulsifier และ Conditioning Agent
- เพิ่มสารก่อเนื้อ (Thickener): ช่วยเพิ่มความหนืด สร้างเนื้อเซรั่มหรือครีมที่น่าใช้ และช่วยเพิ่มความเสถียรของอิมัลชัน ตัวอย่างเช่น Hydroxyethyl Cellulose (HEC), Carbomer U21 หรือ Hydroxyethyl Acrylate/Sodium Acryloyldimethyl Taurate Copolymer
- เพิ่มสารปรับสภาพผม (Conditioning Agent): แม้น้ำมันและโปรตีนจะช่วยบำรุง แต่สารกลุ่ม Cationic (ประจุบวก) จะช่วยเคลือบเส้นผม ลดไฟฟ้าสถิต ทำให้ผมนุ่มลื่น หวีง่าย ลดการชี้ฟูได้ดีขึ้นมาก ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของ Conditioner ตัวอย่างเช่น Cetrimonium Chloride หรือ Behentrimonium Chloride (แม้การค้นหาล่าสุดจะไม่พบตัวอย่างเฉพาะเจาะจง แต่ ประเภท ของสารนี้มีความสำคัญ) SoftGel 305 (Polyquaternium-37) เป็น Conditioning Polymer ที่ทำหน้าที่เป็น Emulsifier ได้ด้วย
- เพิ่มสารกันเสีย (Preservative): จำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ทำให้ผลิตภัณฑ์ปลอดภัยและมีอายุการใช้งานนานขึ้น เลือกใช้สารกันเสียแบบ Broad-spectrum ที่ครอบคลุมทั้งแบคทีเรีย ยีสต์ และรา ตัวอย่างเช่น Mild Preserved Eco™, PE 1090 Preservative หรือ Coco-Preserve™
- ปรับ pH: หลังทำเสร็จและเย็นตัวลง ควรวัดและปรับ pH ของผลิตภัณฑ์ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับเส้นผม (ประมาณ 4.5-5.5) เพื่อช่วยปิดเกล็ดผมและเพิ่มความเงางาม
โครงสร้างสูตรตัวอย่าง (สัดส่วนโดยประมาณ)
นี่เป็นเพียง แนวทาง เพื่อแสดงประเภทส่วนผสมและช่วงปริมาณที่ใช้ทั่วไป ไม่ใช่สูตรสำเร็จรูป คุณจะต้องทดลองปรับสัดส่วนเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ต้องการค่ะ
- เฟส A (เฟสน้ำ):
- น้ำกลั่น/น้ำบริสุทธิ์: 60-70%
- Panthenol (Vitamin B5): 1-3%
- Hair Wheat Protein (Hydroxypropyltrimonium Hydrolyzed Wheat Protein): 1-3%
- Hydrolyzed Soy Protein: 1-3% (ถ้ามี - ไม่พบในการค้นหาล่าสุด)
- สารก่อเนื้อ (เช่น Hydroxyethyl Cellulose (HEC), Carbomer U21 หรือ Hydroxyethyl Acrylate/Sodium Acryloyldimethyl Taurate Copolymer): 0.1-0.5%
- เฟส B (เฟสน้ำมัน):
- Avocado Oil (Refined): 3-7%
- Argan Oil (Organic - Virgin - Deodorized): 1-3%
- Emulsifier (เช่น Ceteareth-25, LeciCream™, PhosphoMax™ หรือ SoftGel 305): 3-7% (ปรับตาม % น้ำมันและชนิด Emulsifier)
- Laureth-23: 1-3% (เสริมได้)
- เฟส C (เติมหลังเย็นตัว - อุณหภูมิต่ำกว่า 40°C):
- Cationic Conditioning Agent (เช่น สารละลาย Cetrimonium Chloride หรือใช้ SoftGel 305 ในเฟส B): 1-5%
- สารกันเสีย (เช่น Mild Preserved Eco™, PE 1090 Preservative, Coco-Preserve™): 0.5-1.5% (ตรวจสอบอัตราการใช้จากผู้จำหน่าย)
- น้ำหอม/น้ำมันหอมระเหย: 0.1-0.5% (ถ้าต้องการ)
- สารปรับ pH (เช่น สารละลาย Citric Acid): เล็กน้อย (ปรับจนได้ pH 4.5-5.5)
วิธีการผสมฉบับปรับปรุง (สำหรับ O/W Emulsion)
- ชั่งส่วนผสมในเฟส A และเฟส B แยกกันในภาชนะที่ทนความร้อน
- นำทั้งสองเฟสไปอุ่นบนหม้อตุ๋น (หรือใช้เตาไฟฟ้าควบคุมอุณหภูมิ) จนส่วนผสมในเฟสที่หลอมยากละลายหมด และทั้งสองเฟสมีอุณหภูมิใกล้เคียงกัน (ประมาณ 70-75°C)
- ค่อยๆ เทเฟส B (เฟสน้ำมัน) ลงในเฟส A (เฟสน้ำ) พร้อมกับคนหรือปั่นด้วยเครื่องปั่น (เช่น stick blender) ด้วยความเร็วปานกลางถึงสูง เป็นเวลา 3-5 นาที เพื่อช่วยให้เกิดอิมัลชันที่ละเอียดและเสถียร
- เปลี่ยนมาใช้ไม้พายหรือที่คนธรรมดา คนเป็นระยะๆ ในขณะที่อิมัลชันค่อยๆ เย็นตัวลงจนถึงอุณหภูมิประมาณ 40°C หรือต่ำกว่า
- เติมส่วนผสมในเฟส C (สารกันเสีย, น้ำหอม ฯลฯ) ลงไป คนผสมให้เข้ากัน
- วัด pH ด้วยกระดาษวัด pH หรือเครื่องวัด และค่อยๆ เติมสารปรับ pH (เช่น สารละลาย Citric Acid) ทีละน้อย คนให้เข้ากัน แล้ววัดใหม่ จนได้ pH ที่ต้องการ (4.5-5.5)
- บรรจุลงในภาชนะที่สะอาด
การทำอิมัลชันต้องอาศัยการฝึกฝน โดยเฉพาะการปรับให้ได้เนื้อสัมผัสและความเสถียรที่ต้องการ ลองเริ่มจากปริมาณน้อยๆ ก่อนนะคะ ขอให้สนุกกับการทำเซรั่มค่ะ!
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Argan Oil (Organic - Virgin - Deodorized)

Avocado Oil (Refined)

Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)

Laureth-23

Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)

Ceteareth-25

Hydroxyethyl Cellulose (HEC) (4500mPa.s)

PE 1090 Preservative

LeciCream™ (Natural Emulsifier / Cream Maker)

Coco-Preserve™ (Preservative from Coconut Extract)
