การปรับปรุงโลชั่นสไตล์ Hada Labo เพื่อความชุ่มชื้นและปัญหาเนื้อสัมผัสครีมกันแดดทำเอง

ถามโดย: forgetmenot_fc เมื่อ: May 02, 2013 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

หนูเพิ่งเคยเริ่มทำโลชั่นสไตล์ Hada Labo และครีมกันแดดเองเป็นครั้งแรกค่ะ มีคำถามเกี่ยวกับการพัฒนาสูตรและส่วนผสมค่ะ

สำหรับโลชั่นสไตล์ Hada Labo:

หนูต้องการเพิ่มส่วนผสมต่อไปนี้เพื่อเสริมประสิทธิภาพด้านความชุ่มชื้นค่ะ

  • Sea Kelp Bioferment
  • Soy Extract (Isoflavones 40%)
  • Glycerin (Vegetable)
  • Propylene Glycol

คำถามของหนูคือ:

  1. Sea Kelp Bioferment มีประสิทธิภาพสูงในการให้ความชุ่มชื้นผิว 5-100% ควรใส่เท่าไหร่คะ หรือไม่จำกัดปริมาณ? เหมาะกับผิวแพ้ง่ายมากๆ ไหมคะ และมีโอกาสทำให้เป็นขุยเวลาแต่งหน้าไหมคะ หากใช้เป็น Day Time Moisturizer?
  2. Soy Extract (Isoflavones 40%) 3-5% ระบุว่าอุณหภูมิของเครื่องสำอางควรต่ำกว่า 30°C หมายถึงเราผสมลงไปในอุณหภูมิห้องปกติได้เลยใช่ไหมคะ แล้วมีโอกาสแพ้หรือเปล่า?
  3. Glycerin (Vegetable) ช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางนุ่มลื่นน่าใช้ อันนี้ใส่ได้ตามต้องการเลยใช่ไหมคะ แบบว่าอยากให้ลื่นมากก็ใส่มากอะไรอย่างเงี้ย?
  4. Propylene Glycol 1-20% ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ลดการสูญเสียน้ำของผิว หน้าที่หลักเป็นแค่ Skin-feel มากกว่าให้ประโยชน์จริงไหมคะ?

โดยรวมแล้ว การใส่ส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเรื่องความชุ่มชื้นได้ไหมคะ เข้ากันได้กับสูตรพื้นฐานหรือเปล่า อันไหนควรใส่ ไม่ควรใส่ หรือจำเป็นต้องใส่คะ?

และขอสอบถามเพิ่มเติมค่ะ:

  • % ที่ทางเว็บแจ้งคือ % เทียบกับน้ำใช่ไหมคะ (เช่น ใส่สาร X 10% คือ น้ำ 100ml ใส่สาร X 10ml)?
  • ควรใส่อันไหนก่อนหลัง (ทั้งหมดนี้เท่าที่เข้าใจไม่ต้องใช้ความร้อนใช่ไหมคะ)?
  • ผลิตภัณฑ์ที่ทำเสร็จแล้วบรรจุในขวดพลาสติกใสได้ไหม หรือว่าต้องทึบอย่างเดียวคะ?
  • ในข้อ 3 (Glycerin) กับ 4 (Propylene Glycol) ควรใช้อันไหนมากกว่ากันคะ แล้วทั้ง 2 อันมีโอกาสก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือเปล่าคะ?

สำหรับครีมกันแดดทำเอง:

หนูลองทำครีมกันแดดโดยใช้เชียบัตเตอร์ น้ำมันมะพร้าว และซิงค์ออกไซด์ ตามที่เว็บแนะนำคือให้เอาส่วนผสมทั้งหมดไปละลายแล้วเอาไปตีด้วยเครื่องตีแป้งทำขนมให้เนื้อสัมผัสคล้ายวิปปิ้งครีม แต่พอหนูตีแล้วมันกลับไม่ขึ้นเลยค่ะ

คำถามคือ:

  • ต้องใช้น้ำมันมะพร้าวแบบไหนคะ (มันมีแบบที่โดนอากาศเย็นแล้วเป็นไขกับไม่เป็นไขนะคะ) หนูใช้แบบที่ไม่เป็นไขแล้วมันไม่ขึ้น ถ้าเปลี่ยนเป็นแบบเป็นไขจะช่วยได้หรือเปล่าคะ?
  • ถ้าใช้น้ำมันมะพร้าวแบบเป็นไขแล้วยังไม่ได้เนื้อแบบที่ต้องการ จะมีสารตัวไหนที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีลักษณะคล้ายๆ เนื้อมูสแบบแน่นๆ ไหมคะ?

ขอบคุณมากค่ะสำหรับความช่วยเหลือ!

คำตอบ

การปรับปรุงสูตรโลชั่นสไตล์ Hada Labo และครีมกันแดดทำเอง

สวัสดีค่ะ ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะที่สนใจทดลองทำเครื่องสำอางใช้เอง เรามาดูคำถามของคุณเกี่ยวกับการปรับปรุงสูตรโลชั่นสไตล์ Hada Labo และปัญหาที่พบกับการทำครีมกันแดดเองนะคะ

การปรับปรุงสูตรโลชั่นสไตล์ Hada Labo

คุณต้องการเพิ่ม Sea Kelp Bioferment, Soy Extract, Glycerin และ Propylene Glycol เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ส่วนผสมเหล่านี้เป็นตัวเลือกที่ดีในการเพิ่มความชุ่มชื้นและคุณประโยชน์อื่นๆ ให้กับสูตรที่เป็นเบสหลักเป็นน้ำแบบโลชั่นสไตล์ Hada Labo ค่ะ

  • Sea Kelp Extract: สารสกัดจากสาหร่ายทะเลชนิดนี้ขึ้นชื่อเรื่องการให้ความชุ่มชื้นและบำรุงผิว ช่วยเสริมสร้างผิวที่แพ้ง่ายให้แข็งแรงขึ้น นอกจากให้ความชุ่มชื้นแล้ว ยังให้สารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระด้วย สามารถใช้ในอัตราส่วน 1-10% โดยทั่วไปแนะนำที่ 1-3% สำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว การใช้อัตราส่วนสูงอาจมีกลิ่นทะเลเล็กน้อยได้ค่ะ
  • Soy Extract (Isoflavones): สารสกัดจากถั่วเหลืองในรูปที่ละลายน้ำได้ (Isoflaqua™) มีคุณสมบัติช่วยชะลอวัย (กระตุ้นคอลลาเจน) ทำให้ผิวกระจ่างใส ให้ความชุ่มชื้น (โดยเสริมเกราะป้องกันผิว) และต้านการอักเสบ สามารถผสมในเฟสน้ำได้โดยตรงที่อุณหภูมิห้อง อัตราส่วนการใช้ที่แนะนำคือ 0.1-1.0% เช่นเดียวกับส่วนผสมอื่นๆ การแพ้ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละบุคคลค่ะ
  • Glycerin: เป็นสาร Humectant คลาสสิก หมายถึงช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิว นอกจากนี้ยังช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์นุ่มลื่นน่าใช้ สามารถใช้ได้ตั้งแต่ 1% จนถึงความเข้มข้นสูง แต่โดยทั่วไป 1-10% ก็เพียงพอในโลชั่นค่ะ ใช่ค่ะ การใส่มากขึ้นจะเพิ่มความลื่น แต่ถ้ามากเกินไปอาจรู้สึกเหนอะหนะได้
  • Propylene Glycol: เช่นเดียวกับ Glycerin เป็น Humectant ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและปรับปรุงเนื้อสัมผัสและความคงตัวของสูตร ละลายน้ำได้และสามารถใช้ได้ในอัตราส่วน 1-20% โดยทั่วไปผสมเข้ากันได้ง่ายค่ะ

ส่วนผสมเหล่านี้เข้ากันได้กับสูตรพื้นฐานของคุณ และจะช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านความชุ่มชื้นและให้คุณประโยชน์เพิ่มเติมแก่ผิวได้อย่างแน่นอนค่ะ

การปรับลดปริมาณ Hyaluronic Acid

สูตรเดิมของคุณใช้ Hyaluronic Acid รวม 1% (Standard 0.5% + Nano 0.5%) จากคำแนะนำทั่วไป ความเข้มข้นรวมของ Hyaluronic Acid ที่เหมาะสมคือ 0.05-0.1% สำหรับผิวธรรมดา/ขาดน้ำ, 0.1-0.3% สำหรับผิวแห้ง และ 0.3-0.5% สำหรับผิวแห้งมาก การใช้ 1% อาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะหรือหนักผิวได้ค่ะ เนื่องจากคุณได้เพิ่มสาร Humectant อื่นๆ เข้าไปแล้ว คุณอาจพิจารณาลดความเข้มข้นรวมของ Hyaluronic Acid ลงมาอยู่ในช่วง 0.1-0.5% ขึ้นอยู่กับว่าต้องการความชุ่มชื้นและความหนืดของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปมากน้อยเพียงใด โดยยังคงอัตราส่วนของโมเลกุล Standard ต่อ Nano ไว้ (เช่น 50:50) เพื่อให้ได้ประโยชน์จากทั้งสองขนาดค่ะ

การคำนวณเปอร์เซ็นต์

ในการทำสูตรเครื่องสำอาง โดยทั่วไปจะคำนวณเปอร์เซ็นต์โดย น้ำหนัก (w/w) ไม่ใช่ปริมาตร (w/v) ดังนั้น หากสูตรทั้งหมดมีน้ำหนัก 100 กรัม การใส่ส่วนผสม 10% หมายถึงการใส่ส่วนผสมนั้น 10 กรัม และปรับส่วนผสมอื่นๆ ให้รวมเป็น 100 กรัม สำหรับสูตรที่เป็นเบสน้ำ น้ำ 100ml จะมีน้ำหนักประมาณ 100g ดังนั้นปริมาณน้ำเริ่มต้นของคุณ (99ml) ก็ใกล้เคียงกับ 99g ค่ะ คุณควรคำนวณน้ำหนักของส่วนผสมแต่ละตัวตามน้ำหนักรวมที่ต้องการของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป (เช่น 100g) แล้วชั่งตวงด้วยน้ำหนักค่ะ

ลำดับการผสมและอุณหภูมิ

สำหรับโลชั่นของคุณ โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องใช้ความร้อนสูงค่ะ ผง Hyaluronic Acid จำเป็นต้องละลายในน้ำเย็น ซึ่งอาจต้องใช้เวลาและการคน/ปั่นที่ดี และมักต้องแช่เย็นเพื่อให้ผงละลายเข้ากับน้ำได้เต็มที่โดยไม่จับตัวเป็นก้อน เมื่อ Hyaluronic Acid ละลายแล้ว คุณสามารถเติมส่วนผสมอื่นๆ ที่ละลายน้ำได้ เช่น Sea Kelp Extract, Soy Extract, Glycerin และ Propylene Glycol ที่อุณหภูมิห้องได้เลยค่ะ เติมสารกันเสียเป็นลำดับสุดท้ายตามคำแนะนำของสารกันเสียนั้นๆ ดังนั้น ลำดับการผสมโดยทั่วไปคือ: ละลาย Hyaluronic Acid ในน้ำ -> เติมส่วนผสมอื่นๆ ที่ละลายน้ำได้ -> เติมสารกันเสีย

ภาชนะบรรจุ

ควรเก็บผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางใน ขวดทึบแสงหรืออย่างน้อยก็ขวดขุ่น มากกว่าขวดใสค่ะ เพื่อช่วยปกป้องส่วนผสมจากการเสื่อมสภาพเนื่องจากแสง ซึ่งอาจลดประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เมื่อเวลาผ่านไป

Glycerin กับ Propylene Glycol และการระคายเคือง

ทั้ง Glycerin และ Propylene Glycol เป็น Humectant ที่มีประสิทธิภาพและช่วยปรับปรุงเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ ไม่มีตัวใดตัวหนึ่งที่ระคายเคืองมากกว่าอีกตัวโดยธรรมชาติในอัตราส่วนการใช้ที่แนะนำในเครื่องสำอาง (Glycerin 1-10%, Propylene Glycol 1-20%) ทั้งสองตัวถูกใช้อย่างแพร่หลายและถือว่าปลอดภัย การระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นมักเกิดจากการแพ้เฉพาะบุคคล ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับส่วนผสมเกือบทุกชนิดค่ะ Glycerin มักถูกมองว่าเป็นธรรมชาติมากกว่าเล็กน้อย

การทำครีมกันแดดเอง

สำหรับครีมกันแดดที่คุณลองทำเองโดยใช้เชียบัตเตอร์ น้ำมันมะพร้าว และซิงค์ออกไซด์ เป็นเรื่องปกติที่สูตรพื้นฐานง่ายๆ แบบนี้จะไม่สามารถตีขึ้นเป็นเนื้อมูสหรือวิปครีมที่คงตัวได้ค่ะ การตีให้ขึ้นฟูต้องอาศัยส่วนผสมเฉพาะ (เช่น อิมัลซิไฟเออร์บางชนิด หรือแว็กซ์) ที่สามารถดักจับและคงสภาพอากาศไว้ในเนื้อผสมได้ ซึ่งมักต้องทำร่วมกับการควบคุมอุณหภูมิและการตีที่เหมาะสม การผสมไขมันกับผงธรรมดาๆ ไม่เพียงพอที่จะสร้างเนื้อสัมผัสแบบนั้นได้ค่ะ

  • ชนิดของน้ำมันมะพร้าว: คุณเข้าใจถูกต้องค่ะว่าน้ำมันมะพร้าวแบบธรรมดา (Virgin หรือ Unrefined) จะแข็งตัวที่อุณหภูมิเย็น (ต่ำกว่าประมาณ 25°C) ในขณะที่ Fractionated Coconut Oil จะยังคงเป็นของเหลว การใช้แบบที่แข็งตัวจะทำให้ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปมีความแข็งขึ้นเมื่อเย็นลง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ตีขึ้นฟูเป็นเนื้อมูสได้เองค่ะ แบบที่เป็นของเหลว (Fractionated) จะทำให้เนื้อนุ่มและเหลวมากขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุที่ตีไม่ขึ้นฟูค่ะ
  • การทำเนื้อสัมผัสแบบมูส: หากต้องการเนื้อสัมผัสแบบมูสที่คงตัว โดยทั่วไปจะต้องสร้างอิมัลชั่น (ผสมเฟสน้ำและเฟสน้ำมันเข้าด้วยกันโดยใช้อิมัลซิไฟเออร์) และ/หรือใช้สารสร้างเนื้อ (Texturizers) หรือแว็กซ์บางชนิดที่ออกแบบมาเพื่อสร้างโครงสร้างที่โปร่งเบาและคงตัวเมื่อตีและทำให้เย็นลงค่ะ การผสมแค่ไขมันกับผงไม่เพียงพอค่ะ
  • ข้อควรระวังที่สำคัญ: การทำครีมกันแดดเองโดยใช้แค่น้ำมัน บัตเตอร์ และซิงค์ออกไซด์ เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่งในการทำให้ผงซิงค์ออกไซด์กระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งเนื้อผลิตภัณฑ์ การกระจายตัวที่ไม่สม่ำเสมอหมายความว่าคุณจะไม่ได้รับการปกป้องผิวจากรังสี UV ที่สม่ำเสมอ และค่า SPF/PA ที่ได้จะไม่น่าเชื่อถือและมีแนวโน้มที่จะต่ำกว่าที่ตั้งใจไว้มาก เพื่อการปกป้องแสงแดดที่มีประสิทธิภาพ แนะนำอย่างยิ่งให้ใช้ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่ผลิตในเชิงพาณิชย์ ซึ่งมีการทดสอบและรับรองการกระจายตัวและค่า SPF/PA แล้วค่ะ

การทำเครื่องสำอางเองเป็นกระบวนการที่สนุกและได้เรียนรู้ค่ะ ขอให้สนุกกับการทดลองและเรียนรู้ต่อไปนะคะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Sea Kelp Extract
Sea Kelp Extract
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
เครื่องสำอาง
Shea Butter (Refined , Deodorised)
Shea Butter (Refined , Deodorised)
เครื่องสำอาง
Propylene Glycol
Propylene Glycol
เครื่องสำอาง
Glycerin (USP/Food Grade)
Glycerin (USP/Food Grade)
เครื่องสำอาง
Fractionated Coconut Oil
Fractionated Coconut Oil
เครื่องสำอาง
Shea Butter (Ultra Soft)
Shea Butter (Ultra Soft)
เครื่องสำอาง
Zinc Oxide 200nm EasyDisperse™
Zinc Oxide 200nm EasyDisperse™
เครื่องสำอาง
Zinc Oxide (Micronized)
Zinc Oxide (Micronized)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons)
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 2000daltons)
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 2000daltons)
เครื่องสำอาง
Isoflaqua™ (Water Soluble Soy Isoflavones)
Isoflaqua™ (Water Soluble Soy Isoflavones)
เครื่องสำอาง
Zinc Oxide (Ultra-Fine, Non-Yellow, Non-Coated, USP)
Zinc Oxide (Ultra-Fine, Non-Yellow, Non-Coated, USP)
เครื่องสำอาง