การปรับปรุงโลชั่นสไตล์ Hada Labo เพื่อความชุ่มชื้นและปัญหาเนื้อสัมผัสครีมกันแดดทำเอง
คำถาม
หนูเพิ่งเคยเริ่มทำโลชั่นสไตล์ Hada Labo และครีมกันแดดเองเป็นครั้งแรกค่ะ มีคำถามเกี่ยวกับการพัฒนาสูตรและส่วนผสมค่ะ
สำหรับโลชั่นสไตล์ Hada Labo:
หนูต้องการเพิ่มส่วนผสมต่อไปนี้เพื่อเสริมประสิทธิภาพด้านความชุ่มชื้นค่ะ
- Sea Kelp Bioferment
- Soy Extract (Isoflavones 40%)
- Glycerin (Vegetable)
- Propylene Glycol
คำถามของหนูคือ:
- Sea Kelp Bioferment มีประสิทธิภาพสูงในการให้ความชุ่มชื้นผิว 5-100% ควรใส่เท่าไหร่คะ หรือไม่จำกัดปริมาณ? เหมาะกับผิวแพ้ง่ายมากๆ ไหมคะ และมีโอกาสทำให้เป็นขุยเวลาแต่งหน้าไหมคะ หากใช้เป็น Day Time Moisturizer?
- Soy Extract (Isoflavones 40%) 3-5% ระบุว่าอุณหภูมิของเครื่องสำอางควรต่ำกว่า 30°C หมายถึงเราผสมลงไปในอุณหภูมิห้องปกติได้เลยใช่ไหมคะ แล้วมีโอกาสแพ้หรือเปล่า?
- Glycerin (Vegetable) ช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางนุ่มลื่นน่าใช้ อันนี้ใส่ได้ตามต้องการเลยใช่ไหมคะ แบบว่าอยากให้ลื่นมากก็ใส่มากอะไรอย่างเงี้ย?
- Propylene Glycol 1-20% ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ลดการสูญเสียน้ำของผิว หน้าที่หลักเป็นแค่ Skin-feel มากกว่าให้ประโยชน์จริงไหมคะ?
โดยรวมแล้ว การใส่ส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเรื่องความชุ่มชื้นได้ไหมคะ เข้ากันได้กับสูตรพื้นฐานหรือเปล่า อันไหนควรใส่ ไม่ควรใส่ หรือจำเป็นต้องใส่คะ?
และขอสอบถามเพิ่มเติมค่ะ:
- % ที่ทางเว็บแจ้งคือ % เทียบกับน้ำใช่ไหมคะ (เช่น ใส่สาร X 10% คือ น้ำ 100ml ใส่สาร X 10ml)?
- ควรใส่อันไหนก่อนหลัง (ทั้งหมดนี้เท่าที่เข้าใจไม่ต้องใช้ความร้อนใช่ไหมคะ)?
- ผลิตภัณฑ์ที่ทำเสร็จแล้วบรรจุในขวดพลาสติกใสได้ไหม หรือว่าต้องทึบอย่างเดียวคะ?
- ในข้อ 3 (Glycerin) กับ 4 (Propylene Glycol) ควรใช้อันไหนมากกว่ากันคะ แล้วทั้ง 2 อันมีโอกาสก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือเปล่าคะ?
สำหรับครีมกันแดดทำเอง:
หนูลองทำครีมกันแดดโดยใช้เชียบัตเตอร์ น้ำมันมะพร้าว และซิงค์ออกไซด์ ตามที่เว็บแนะนำคือให้เอาส่วนผสมทั้งหมดไปละลายแล้วเอาไปตีด้วยเครื่องตีแป้งทำขนมให้เนื้อสัมผัสคล้ายวิปปิ้งครีม แต่พอหนูตีแล้วมันกลับไม่ขึ้นเลยค่ะ
คำถามคือ:
- ต้องใช้น้ำมันมะพร้าวแบบไหนคะ (มันมีแบบที่โดนอากาศเย็นแล้วเป็นไขกับไม่เป็นไขนะคะ) หนูใช้แบบที่ไม่เป็นไขแล้วมันไม่ขึ้น ถ้าเปลี่ยนเป็นแบบเป็นไขจะช่วยได้หรือเปล่าคะ?
- ถ้าใช้น้ำมันมะพร้าวแบบเป็นไขแล้วยังไม่ได้เนื้อแบบที่ต้องการ จะมีสารตัวไหนที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีลักษณะคล้ายๆ เนื้อมูสแบบแน่นๆ ไหมคะ?
ขอบคุณมากค่ะสำหรับความช่วยเหลือ!
คำตอบ
การปรับปรุงสูตรโลชั่นสไตล์ Hada Labo และครีมกันแดดทำเอง
สวัสดีค่ะ ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะที่สนใจทดลองทำเครื่องสำอางใช้เอง เรามาดูคำถามของคุณเกี่ยวกับการปรับปรุงสูตรโลชั่นสไตล์ Hada Labo และปัญหาที่พบกับการทำครีมกันแดดเองนะคะ
การปรับปรุงสูตรโลชั่นสไตล์ Hada Labo
คุณต้องการเพิ่ม Sea Kelp Bioferment, Soy Extract, Glycerin และ Propylene Glycol เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ส่วนผสมเหล่านี้เป็นตัวเลือกที่ดีในการเพิ่มความชุ่มชื้นและคุณประโยชน์อื่นๆ ให้กับสูตรที่เป็นเบสหลักเป็นน้ำแบบโลชั่นสไตล์ Hada Labo ค่ะ
- Sea Kelp Extract: สารสกัดจากสาหร่ายทะเลชนิดนี้ขึ้นชื่อเรื่องการให้ความชุ่มชื้นและบำรุงผิว ช่วยเสริมสร้างผิวที่แพ้ง่ายให้แข็งแรงขึ้น นอกจากให้ความชุ่มชื้นแล้ว ยังให้สารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระด้วย สามารถใช้ในอัตราส่วน 1-10% โดยทั่วไปแนะนำที่ 1-3% สำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว การใช้อัตราส่วนสูงอาจมีกลิ่นทะเลเล็กน้อยได้ค่ะ
- Soy Extract (Isoflavones): สารสกัดจากถั่วเหลืองในรูปที่ละลายน้ำได้ (Isoflaqua™) มีคุณสมบัติช่วยชะลอวัย (กระตุ้นคอลลาเจน) ทำให้ผิวกระจ่างใส ให้ความชุ่มชื้น (โดยเสริมเกราะป้องกันผิว) และต้านการอักเสบ สามารถผสมในเฟสน้ำได้โดยตรงที่อุณหภูมิห้อง อัตราส่วนการใช้ที่แนะนำคือ 0.1-1.0% เช่นเดียวกับส่วนผสมอื่นๆ การแพ้ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละบุคคลค่ะ
- Glycerin: เป็นสาร Humectant คลาสสิก หมายถึงช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิว นอกจากนี้ยังช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์นุ่มลื่นน่าใช้ สามารถใช้ได้ตั้งแต่ 1% จนถึงความเข้มข้นสูง แต่โดยทั่วไป 1-10% ก็เพียงพอในโลชั่นค่ะ ใช่ค่ะ การใส่มากขึ้นจะเพิ่มความลื่น แต่ถ้ามากเกินไปอาจรู้สึกเหนอะหนะได้
- Propylene Glycol: เช่นเดียวกับ Glycerin เป็น Humectant ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและปรับปรุงเนื้อสัมผัสและความคงตัวของสูตร ละลายน้ำได้และสามารถใช้ได้ในอัตราส่วน 1-20% โดยทั่วไปผสมเข้ากันได้ง่ายค่ะ
ส่วนผสมเหล่านี้เข้ากันได้กับสูตรพื้นฐานของคุณ และจะช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านความชุ่มชื้นและให้คุณประโยชน์เพิ่มเติมแก่ผิวได้อย่างแน่นอนค่ะ
การปรับลดปริมาณ Hyaluronic Acid
สูตรเดิมของคุณใช้ Hyaluronic Acid รวม 1% (Standard 0.5% + Nano 0.5%) จากคำแนะนำทั่วไป ความเข้มข้นรวมของ Hyaluronic Acid ที่เหมาะสมคือ 0.05-0.1% สำหรับผิวธรรมดา/ขาดน้ำ, 0.1-0.3% สำหรับผิวแห้ง และ 0.3-0.5% สำหรับผิวแห้งมาก การใช้ 1% อาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะหรือหนักผิวได้ค่ะ เนื่องจากคุณได้เพิ่มสาร Humectant อื่นๆ เข้าไปแล้ว คุณอาจพิจารณาลดความเข้มข้นรวมของ Hyaluronic Acid ลงมาอยู่ในช่วง 0.1-0.5% ขึ้นอยู่กับว่าต้องการความชุ่มชื้นและความหนืดของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปมากน้อยเพียงใด โดยยังคงอัตราส่วนของโมเลกุล Standard ต่อ Nano ไว้ (เช่น 50:50) เพื่อให้ได้ประโยชน์จากทั้งสองขนาดค่ะ
การคำนวณเปอร์เซ็นต์
ในการทำสูตรเครื่องสำอาง โดยทั่วไปจะคำนวณเปอร์เซ็นต์โดย น้ำหนัก (w/w) ไม่ใช่ปริมาตร (w/v) ดังนั้น หากสูตรทั้งหมดมีน้ำหนัก 100 กรัม การใส่ส่วนผสม 10% หมายถึงการใส่ส่วนผสมนั้น 10 กรัม และปรับส่วนผสมอื่นๆ ให้รวมเป็น 100 กรัม สำหรับสูตรที่เป็นเบสน้ำ น้ำ 100ml จะมีน้ำหนักประมาณ 100g ดังนั้นปริมาณน้ำเริ่มต้นของคุณ (99ml) ก็ใกล้เคียงกับ 99g ค่ะ คุณควรคำนวณน้ำหนักของส่วนผสมแต่ละตัวตามน้ำหนักรวมที่ต้องการของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป (เช่น 100g) แล้วชั่งตวงด้วยน้ำหนักค่ะ
ลำดับการผสมและอุณหภูมิ
สำหรับโลชั่นของคุณ โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องใช้ความร้อนสูงค่ะ ผง Hyaluronic Acid จำเป็นต้องละลายในน้ำเย็น ซึ่งอาจต้องใช้เวลาและการคน/ปั่นที่ดี และมักต้องแช่เย็นเพื่อให้ผงละลายเข้ากับน้ำได้เต็มที่โดยไม่จับตัวเป็นก้อน เมื่อ Hyaluronic Acid ละลายแล้ว คุณสามารถเติมส่วนผสมอื่นๆ ที่ละลายน้ำได้ เช่น Sea Kelp Extract, Soy Extract, Glycerin และ Propylene Glycol ที่อุณหภูมิห้องได้เลยค่ะ เติมสารกันเสียเป็นลำดับสุดท้ายตามคำแนะนำของสารกันเสียนั้นๆ ดังนั้น ลำดับการผสมโดยทั่วไปคือ: ละลาย Hyaluronic Acid ในน้ำ -> เติมส่วนผสมอื่นๆ ที่ละลายน้ำได้ -> เติมสารกันเสีย
ภาชนะบรรจุ
ควรเก็บผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางใน ขวดทึบแสงหรืออย่างน้อยก็ขวดขุ่น มากกว่าขวดใสค่ะ เพื่อช่วยปกป้องส่วนผสมจากการเสื่อมสภาพเนื่องจากแสง ซึ่งอาจลดประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เมื่อเวลาผ่านไป
Glycerin กับ Propylene Glycol และการระคายเคือง
ทั้ง Glycerin และ Propylene Glycol เป็น Humectant ที่มีประสิทธิภาพและช่วยปรับปรุงเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ ไม่มีตัวใดตัวหนึ่งที่ระคายเคืองมากกว่าอีกตัวโดยธรรมชาติในอัตราส่วนการใช้ที่แนะนำในเครื่องสำอาง (Glycerin 1-10%, Propylene Glycol 1-20%) ทั้งสองตัวถูกใช้อย่างแพร่หลายและถือว่าปลอดภัย การระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นมักเกิดจากการแพ้เฉพาะบุคคล ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับส่วนผสมเกือบทุกชนิดค่ะ Glycerin มักถูกมองว่าเป็นธรรมชาติมากกว่าเล็กน้อย
การทำครีมกันแดดเอง
สำหรับครีมกันแดดที่คุณลองทำเองโดยใช้เชียบัตเตอร์ น้ำมันมะพร้าว และซิงค์ออกไซด์ เป็นเรื่องปกติที่สูตรพื้นฐานง่ายๆ แบบนี้จะไม่สามารถตีขึ้นเป็นเนื้อมูสหรือวิปครีมที่คงตัวได้ค่ะ การตีให้ขึ้นฟูต้องอาศัยส่วนผสมเฉพาะ (เช่น อิมัลซิไฟเออร์บางชนิด หรือแว็กซ์) ที่สามารถดักจับและคงสภาพอากาศไว้ในเนื้อผสมได้ ซึ่งมักต้องทำร่วมกับการควบคุมอุณหภูมิและการตีที่เหมาะสม การผสมไขมันกับผงธรรมดาๆ ไม่เพียงพอที่จะสร้างเนื้อสัมผัสแบบนั้นได้ค่ะ
- ชนิดของน้ำมันมะพร้าว: คุณเข้าใจถูกต้องค่ะว่าน้ำมันมะพร้าวแบบธรรมดา (Virgin หรือ Unrefined) จะแข็งตัวที่อุณหภูมิเย็น (ต่ำกว่าประมาณ 25°C) ในขณะที่ Fractionated Coconut Oil จะยังคงเป็นของเหลว การใช้แบบที่แข็งตัวจะทำให้ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปมีความแข็งขึ้นเมื่อเย็นลง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ตีขึ้นฟูเป็นเนื้อมูสได้เองค่ะ แบบที่เป็นของเหลว (Fractionated) จะทำให้เนื้อนุ่มและเหลวมากขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุที่ตีไม่ขึ้นฟูค่ะ
- การทำเนื้อสัมผัสแบบมูส: หากต้องการเนื้อสัมผัสแบบมูสที่คงตัว โดยทั่วไปจะต้องสร้างอิมัลชั่น (ผสมเฟสน้ำและเฟสน้ำมันเข้าด้วยกันโดยใช้อิมัลซิไฟเออร์) และ/หรือใช้สารสร้างเนื้อ (Texturizers) หรือแว็กซ์บางชนิดที่ออกแบบมาเพื่อสร้างโครงสร้างที่โปร่งเบาและคงตัวเมื่อตีและทำให้เย็นลงค่ะ การผสมแค่ไขมันกับผงไม่เพียงพอค่ะ
- ข้อควรระวังที่สำคัญ: การทำครีมกันแดดเองโดยใช้แค่น้ำมัน บัตเตอร์ และซิงค์ออกไซด์ เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่งในการทำให้ผงซิงค์ออกไซด์กระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งเนื้อผลิตภัณฑ์ การกระจายตัวที่ไม่สม่ำเสมอหมายความว่าคุณจะไม่ได้รับการปกป้องผิวจากรังสี UV ที่สม่ำเสมอ และค่า SPF/PA ที่ได้จะไม่น่าเชื่อถือและมีแนวโน้มที่จะต่ำกว่าที่ตั้งใจไว้มาก เพื่อการปกป้องแสงแดดที่มีประสิทธิภาพ แนะนำอย่างยิ่งให้ใช้ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่ผลิตในเชิงพาณิชย์ ซึ่งมีการทดสอบและรับรองการกระจายตัวและค่า SPF/PA แล้วค่ะ
การทำเครื่องสำอางเองเป็นกระบวนการที่สนุกและได้เรียนรู้ค่ะ ขอให้สนุกกับการทดลองและเรียนรู้ต่อไปนะคะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Sea Kelp Extract

Hyaluronic Acid (Standard Molecule)

Shea Butter (Refined , Deodorised)

Propylene Glycol

Glycerin (USP/Food Grade)

Fractionated Coconut Oil

Shea Butter (Ultra Soft)

Zinc Oxide 200nm EasyDisperse™

Zinc Oxide (Micronized)

Shea Butter (Melt, น้ำมันเหลวในอุณหภูมิห้อง)

Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons)

Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 2000daltons)

Isoflaqua™ (Water Soluble Soy Isoflavones)
