การปรับสูตรเซรั่ม Vitamin C E Ferulic: ปัญหาความขุ่นและการเพิ่ม L-Ascorbic Acid เป็น 20%

ถามโดย: parunchai_t เมื่อ: October 07, 2015 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ฉันกำลังพยายามทำเซรั่ม Vitamin C E Ferulic โดยอิงจากแนวคิดของผลิตภัณฑ์อย่าง Timeless และ Skinceuticals ฉันพบปัญหาว่าส่วนผสมของเฟส A และ เฟส B เกิดความขุ่น นอกจากนี้ ฉันต้องการเพิ่มความเข้มข้นของ L-Ascorbic Acid จาก 15% เป็น 20% ฉันควรปรับสูตรอย่างไรเพื่อให้ได้ตามต้องการ โดยให้แน่ใจว่าละลายได้และมีความเสถียร และจะแก้ไขปัญหาความขุ่นได้อย่างไร?

สูตรปัจจุบันของฉัน (สำหรับ 100 กรัม) คือ:

เฟส A:

  • น้ำ: 43.7 กรัม
  • Triethanolamine: 2.5 กรัม
  • Ferulic Acid: 0.5 กรัม
  • Panthenol: 0.5 กรัม

เฟส B:

  • Ethoxydiglycol: 20 กรัม
  • Propylene Glycol: 10 กรัม
  • Glycerin: 3 กรัม
  • Laureth-23: 3 กรัม
  • d-Alpha Tocopherol (Vitamin E): 1 กรัม

เฟส C:

  • L-Ascorbic Acid: 15 กรัม

เฟส D:

  • Hyaluronic Standard: 0.3 กรัม
  • Hyaluronic Nano: 0.5 กรัม

รวม: 100 กรัม

คำตอบ

สวัสดีครับ! ยอดเยี่ยมมากที่คุณทดลองปรับสูตรตามประสบการณ์ที่คุณชื่นชอบจากผลิตภัณฑ์ Timeless และ Skinceuticals เป้าหมายของคุณในการเพิ่มความเข้มข้นของ L-Ascorbic Acid เป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ต้องพิจารณาส่วนประกอบของสูตรอย่างรอบคอบ

การแก้ปัญหาความขุ่น (การผสมเฟส A และ B)

สำหรับปัญหาความขุ่นที่คุณพบเมื่อผสมเฟส A และ B (ก่อนเติมวิตามินซี) น่าจะเกี่ยวข้องกับอิมัลซิไฟเออร์ Laureth-23 และกระบวนการผสม Laureth-23 เป็นอิมัลซิไฟเออร์ชนิดแข็งที่ต้องใช้ความร้อนเพื่อให้ละลายในเฟสน้ำมัน (หรือเฟสที่มีส่วนประกอบที่ละลายในน้ำมัน) ก่อนนำไปผสมกับเฟสน้ำ คำแนะนำของเจ้าหน้าที่ที่ให้ลองอุ่นส่วนผสมเบาๆ อาจช่วยแก้ปัญหาความขุ่นนี้ได้ โดยให้แน่ใจว่า Laureth-23 ละลายเข้ากันดีแล้ว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณให้ความร้อนเฟส B (ซึ่งมี Ethoxydiglycol, Propylene Glycol, Glycerin, Laureth-23 และ Vitamin E) เพียงพอ (60-70°C ตามคำอธิบายของ Laureth-23) เพื่อละลาย Laureth-23 ก่อนนำไปผสมกับเฟส A

การเพิ่ม L-Ascorbic Acid เป็น 20%

ส่วนเรื่องการเพิ่มความเข้มข้นของ L-Ascorbic Acid จาก 15% เป็น 20%: การลดน้ำลง 5 กรัม แล้วเพิ่ม L-Ascorbic Acid เข้าไป 5 กรัม อาจไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุดเพียงอย่างเดียว เนื่องจาก L-Ascorbic Acid มีข้อจำกัดในการละลายในน้ำ และการเพิ่มความเข้มข้นจำเป็นต้องพิจารณาระบบตัวทำละลายอย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่าวิตามินซีละลายหมดและมีความเสถียร สูตรเดิมใช้ Ethoxydiglycol, Propylene Glycol และ Glycerin เป็นตัวทำละลายร่วม ซึ่งช่วยในการละลาย L-Ascorbic Acid และส่วนผสมอื่นๆ เช่น Ferulic Acid

ในการเพิ่ม L-Ascorbic Acid เป็น 20% คุณจะต้องลดปริมาณรวมของส่วนผสมอื่นๆ ลง 5 กรัม นอกจากการลดน้ำแล้ว คุณอาจต้องปรับสัดส่วนของตัวทำละลายร่วม (Ethoxydiglycol, Propylene Glycol, Glycerin) เล็กน้อยเพื่อรักษาความสามารถในการละลายและความเสถียร วิธีทั่วไปคือการลดน้ำและอาจรวมถึงไกลคอล/Ethoxydiglycol บางส่วนตามสัดส่วน

นี่คือแนวคิดสำหรับการปรับสูตรให้มี L-Ascorbic Acid 20% (รวม 100 กรัม): สำหรับการทำ 100 กรัม:

  • เฟส A:
    • น้ำ: 38.7 กรัม (ลดจาก 43.7 กรัม)
    • Triethanolamine: 2.5 กรัม
    • Ferulic Acid: 0.5 กรัม
    • Panthenol: 0.5 กรัม
  • เฟส B:
    • Ethoxydiglycol: 20 กรัม
    • Propylene Glycol: 10 กรัม
    • Glycerin: 3 กรัม
    • Laureth-23: 3 กรัม
    • d-Alpha Tocopherol (Vitamin E): 1 กรัม
  • เฟส C:
    • L-Ascorbic Acid: 20 กรัม (เพิ่มจาก 15 กรัม)
  • เฟส D:
    • Hyaluronic Standard: 0.3 กรัม
    • Hyaluronic Nano: 0.5 กรัม

รวม: 100 กรัม

ข้อควรพิจารณาที่สำคัญ:

  • การละลาย: ตรวจสอบให้แน่ใจว่า L-Ascorbic Acid 20 กรัมละลายหมดในระบบตัวทำละลายที่ปรับแล้ว คุณอาจต้องอุ่นส่วนผสมเบาๆ (อุณหภูมิต่ำกว่า 70°C) เพื่อช่วยในการละลาย ดังที่ระบุในคำอธิบายของ L-Ascorbic Acid
  • ค่า pH: L-Ascorbic Acid จะมีความเสถียรและมีประสิทธิภาพสูงสุดที่ค่า pH ระหว่าง 2.0 ถึง 4.0 โดยเฉพาะอย่างยิ่งประมาณ 3.5 คุณอาจต้องปรับค่า pH หลังจากเติม L-Ascorbic Acid Triethanolamine ถูกใช้เพื่อปรับค่า pH ในสูตรเดิม แต่คุณอาจต้องใช้สารปรับค่า pH ตัวอื่นหรือปริมาณที่แตกต่างกันเพื่อให้ได้ค่า pH ที่ต้องการเมื่อใช้ L-Ascorbic Acid 20% ควรตรวจสอบและปรับค่า pH สุดท้ายเสมอ
  • ความเสถียร: L-Ascorbic Acid ที่ความเข้มข้นสูงอาจมีความเสถียรน้อยลง การเลือกบรรจุภัณฑ์ (ขวดปั๊มสุญญากาศ, ขวดทึบแสง) และการเก็บรักษา (ในตู้เย็น) มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาประสิทธิภาพของเซรั่ม การมี Ferulic Acid และ Vitamin E ช่วยเพิ่มความเสถียร
  • การระคายเคืองผิว: แม้ว่าคุณจะใช้ Vitamin C 20% จาก Timeless ได้โดยไม่รู้สึกระคายเคือง แต่สูตรที่ทำเองอาจแตกต่างกันไป ควรทดสอบกับผิวบริเวณเล็กๆ ก่อนเสมอ

ปัญหาความขุ่นของเฟส A และ B ควรแก้ไขก่อน โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่า Laureth-23 ได้รับความร้อนและผสมเข้ากันดีแล้ว เมื่อปัญหานี้ได้รับการแก้ไข คุณจึงจะสามารถลองผสม L-Ascorbic Acid 20% โดยสังเกตการละลายและปรับค่า pH อย่างระมัดระวัง

เป็นเรื่องที่ดีมากที่คุณสนุกกับการทำเครื่องสำอางด้วยตัวเอง! การทดลองเป็นสิ่งสำคัญ แต่ควรดำเนินการด้วยความระมัดระวังและทดสอบผลิตภัณฑ์ที่คุณทำขึ้นเสมอครับ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin C E Ferulic
Vitamin C E Ferulic
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
เครื่องสำอาง
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
เครื่องสำอาง
Pure-Ferulic Acid™
Pure-Ferulic Acid™
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)
เครื่องสำอาง
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
เครื่องสำอาง
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
เครื่องสำอาง
Propylene Glycol
Propylene Glycol
เครื่องสำอาง
Triethanolamine 99%
Triethanolamine 99%
เครื่องสำอาง
Glycerin (USP/Food Grade)
Glycerin (USP/Food Grade)
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Standard)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Standard)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons)
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons)
เครื่องสำอาง