คำแนะนำการปรับสูตรจากเบส Stabilized Vitamin C Serum

ขอบคุณสำหรับคำถามและสูตรที่คุณเสนอมาค่ะ เป็นเรื่องที่ดีมากที่คุณได้ทดลองผสมสารออกฤทธิ์ต่างๆ

จากข้อมูลเกี่ยวกับ Stabilized Vitamin C (Natural-C Glycol™) Serum เบสสำเร็จรูปนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปแล้ว และ ไม่เหมาะสำหรับการผสมส่วนผสมอื่นๆ เพิ่มเติม นอกเหนือจากน้ำหอม (ไม่เกิน 1%) และสี การเพิ่มสารออกฤทธิ์อื่นๆ อาจส่งผลกระทบต่อความเสถียรของวิตามินซีในเบสได้ และทางผู้ผลิตไม่สามารถรับประกันความเสถียรของผลิตภัณฑ์สุดท้ายได้ ข้อจำกัดนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาสำหรับทั้งสองสูตรที่คุณเสนอมาค่ะ

ขอตอบคำถามของคุณเป็นข้อๆ ดังนี้ค่ะ:

1. สามารถเพิ่ม L-ascorbic acid เป็น 20% ได้ไหม? ไม่แนะนำให้เพิ่มผง L-ascorbic acid ลงในเบส Stabilized Vitamin C Serum ค่ะ เบสนี้มี L-ascorbic acid 15% ที่ถูกทำให้เสถียรแล้วด้วยไกลคอล การเพิ่มผง L-ascorbic acid ซึ่งไม่เสถียรอย่างยิ่งในน้ำหากไม่มีสารทำให้เสถียรที่เหมาะสม (เช่น Ferulic Acid + Vitamin E หรือ Glutathione) และอาจมีการนำน้ำเข้ามาจากส่วนผสมอื่นๆ จะทำให้วิตามินซีในเบสไม่เสถียรและส่งผลต่อความเสถียรโดยรวมของสูตร หากคุณต้องการวิตามินซีความเข้มข้นสูงและผสมสารออกฤทธิ์หลายชนิด ควรพิจารณาการขึ้นสูตรใหม่ตั้งแต่ต้นโดยใช้ผง L-ascorbic acid และเทคนิคการทำให้เสถียรที่เหมาะสมแทนการปรับเปลี่ยนเบสสำเร็จรูปค่ะ

2. สาร active ที่มีสถานะเป็นผง สามารถผสมลงไปได้ไหม? ไม่แนะนำให้ผสมสารที่มีสถานะเป็นผงลงในเบส Stabilized Vitamin C Serum โดยตรงค่ะ สารที่เป็นผงจำเป็นต้องถูกละลายหรือกระจายตัวในเฟสที่เหมาะสมก่อนนำไปผสมในสูตรหลัก การละลายผงที่ละลายน้ำได้จะนำน้ำเข้ามาในสูตร ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อความเสถียรของ L-ascorbic acid ในเบสนี้ได้ นอกจากนี้ เบสนี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับการเพิ่มส่วนผสมอื่นๆ ค่ะ

3. สามารถนำสารที่เป็นน้ำมันหรือละลายด้วยน้ำมันมาผสมได้ไหม? แม้ว่าคุณได้ตัด LipidSoft™ Moist ออกจากสูตรที่ปรับปรุงแล้ว แต่โดยทั่วไปแล้ว การเพิ่มส่วนผสมที่เป็นน้ำมันหรือละลายในน้ำมันลงในเบสเซรั่มที่เป็นน้ำหรือไฮโดร-ไกลคอล อย่าง Stabilized Vitamin C Serum จะต้องใช้สารประสานน้ำ-น้ำมัน (emulsifier) เพื่อให้ได้สูตรที่เสถียร หากไม่มีสารประสาน เฟสน้ำมันและน้ำจะแยกชั้นกัน อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดหลักคือเบสนี้ไม่เหมาะสำหรับการเพิ่มส่วนผสมใดๆ เพิ่มเติมค่ะ

4. มีสารอื่นหรือข้อแนะนำเพิ่มเติมไหม? จากข้อจำกัดของเบส Stabilized Vitamin C (Natural-C Glycol™) Serum ในการนำไปพัฒนาสูตรเพิ่มเติม หากคุณต้องการสร้างเซรั่มหรือโทนเนอร์ที่มีสารออกฤทธิ์หลายชนิด แนะนำให้ขึ้นสูตรใหม่ตั้งแต่ต้น ค่ะ วิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือกใช้วิตามินซีในรูปแบบที่เสถียรและเข้ากันได้กับสารออกฤทธิ์อื่นๆ ที่คุณต้องการ และสามารถควบคุมค่า pH ได้อย่างเหมาะสม อนุพันธ์วิตามินซีที่เสถียรและละลายน้ำได้อื่นๆ เช่น Ethyl Ascorbic Acid หรือ Ascorbyl Glucoside (AA-2G) มักจะเหมาะสำหรับการผสมในสูตรที่ซับซ้อนมากกว่า และเข้ากันได้ดีกับส่วนผสมอื่นๆ รวมถึง Niacinamide (แม้ว่า AA2G จะมีข้อจำกัดในการเข้ากันได้กับ Safe-B3™ และ Zinc PCA แต่ Ethyl Ascorbic Acid โดยทั่วไปจะเข้ากันได้ดีกว่ากับวิตามินบี 3) อนุพันธ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณมีความยืดหยุ่นในการพัฒนาสูตรมากขึ้นค่ะ

เกี่ยวกับข้อจำกัดในการผสม วิตามินบี 3 (Niacinamide) กับ L-ascorbic acid ตามที่ทีมงานได้แจ้งไป การผสมสารสองชนิดนี้อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่า "Complexation" เกิดเป็นสารใหม่คือ Niacinamide ascorbate ซึ่งยังไม่ทราบแน่ชัดว่าสารประกอบใหม่นี้มีผลต่อผิวอย่างไร จึงไม่แนะนำให้ผสมสารสองชนิดนี้เข้าด้วยกัน แม้ว่าสารแต่ละตัวจะเสถียรที่ค่า pH เป้าหมายก็ตาม ข้อนี้เกี่ยวข้องกับสูตรโทนเนอร์ที่คุณเสนอมาซึ่งมีทั้ง Safe-B3™ และเบสวิตามินซีค่ะ

โดยสรุป แม้ว่าสารออกฤทธิ์ที่คุณเลือกมาจะมีประโยชน์ต่อผิว แต่การนำไปผสมในเบส Stabilized Vitamin C (Natural-C Glycol™) Serum ไม่เป็นที่แนะนำ เนื่องจากข้อจำกัดโดยธรรมชาติของเบสที่ไม่เหมาะกับการเพิ่มส่วนผสมอื่น และปัญหาการเข้ากันได้ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ระหว่าง Niacinamide และ L-ascorbic acid การขึ้นสูตรใหม่โดยใช้ส่วนผสมที่เข้ากันได้และรูปแบบวิตามินซีที่เหมาะสมจะเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพมากกว่าในการพัฒนาสูตรเซรั่มและโทนเนอร์เฉพาะของคุณค่ะ