การปรับสูตรแฮนด์ครีมเพื่อเนื้อสัมผัส ความเสถียร และการเพิ่มส่วนผสม

ขอบคุณสำหรับคำถามและข้อมูลสูตร Hand cream ที่ให้มานะคะ และดีใจที่ข้อมูลเกี่ยวกับสูตรสำหรับกลางวันและกลางคืนจากทีมงานมีประโยชน์ค่ะ

จากสูตร Hand cream ที่คุณให้มา ดิฉันขอให้คำแนะนำเพิ่มเติมตามคำถามของคุณดังนี้ค่ะ

คำตอบสำหรับสูตร Hand cream ที่ให้มา

สูตรที่คุณให้มามีส่วนผสมที่น่าสนใจหลายตัวค่ะ แต่เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่เหมาะสมและมีความเสถียรที่ดี อาจต้องมีการปรับปรุงเล็กน้อยค่ะ

1. สูตรนี้ต้องปรับเพิ่มลดอะไรบ้างรึป่าวคะ

   • ปริมาณน้ำมัน/บัตเตอร์: สูตรของคุณมี Shea Butter 18% และ Kukui Nut Oil 3% รวมเป็น 21% ซึ่งค่อนข้างสูงสำหรับ Hand cream ทั่วไป ปริมาณน้ำมันที่สูงนี้จะให้ความรู้สึกเคลือบผิวได้ดี เหมาะสำหรับผิวที่แห้งมากหรือใช้ตอนกลางคืน แต่หากต้องการเนื้อที่ซึมเร็วขึ้นสำหรับการใช้ระหว่างวัน อาจต้องลดปริมาณน้ำมัน/บัตเตอร์ลงค่ะ
   • ปริมาณ Emulsifier (Light Cream Maker): คุณใช้ Light Cream Maker 2% สำหรับปริมาณน้ำมันรวม 21% อาจจะน้อยเกินไปที่จะทำให้อิมัลชั่นมีความเสถียรในระยะยาว มีความเสี่ยงที่สูตรจะแยกชั้นได้ง่าย แนะนำให้เพิ่มปริมาณ Light Cream Maker เป็น 3-4% เพื่อช่วยประสานน้ำกับน้ำมันให้เข้ากันได้ดีขึ้นและสูตรมีความเสถียรมากขึ้นค่ะ หรือหากต้องการเนื้อที่เบาลงและลดปริมาณน้ำมัน ก็สามารถใช้ Emulsifier ในปริมาณที่น้อยลงได้ตามสัดส่วนที่เหมาะสมค่ะ
   • การปรับตามเนื้อสัมผัสที่ต้องการ:
     • สำหรับสูตรกลางวัน (เน้นซึมเร็ว): ลดปริมาณ Shea Butter และ Kukui Nut Oil ลง อาจจะเหลือรวมกันไม่เกิน 10-15% และปรับ Emulsifier (Light Cream Maker) ให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำมันที่ลดลง (อาจจะ 2-3%) เพิ่มส่วนของน้ำและ Humectant (เช่น Methyl Gluceth-20) ให้มากขึ้น
     • สำหรับสูตรกลางคืน (เน้นเคลือบผิว): ปริมาณน้ำมัน/บัตเตอร์ 21% ถือว่าให้การเคลือบผิวที่ดีอยู่แล้ว แต่ต้องเพิ่ม Emulsifier (Light Cream Maker) เป็น 3-4% เพื่อความเสถียรที่ดีขึ้นค่ะ

2. สูตรนี้ต้องเพิ่มสาร Ethoxydiglycol หรือ Butylene Glycol หรือ 1,3-Propanediol รึป่าวคะ และ 3. ถ้าต้องเพิ่มสารในข้อ 2 ต้องเพิ่มตัวไหนบ้างคะ

   • สารเหล่านี้ (Ethoxydiglycol, Butylene Glycol, 1,3-Propanediol) ไม่ได้จำเป็นต้องมีในทุกสูตร แต่สามารถช่วยปรับปรุงคุณสมบัติของสูตรได้ค่ะ
   • Butylene Glycol หรือ 1,3-Propanediol: ทั้งสองตัวนี้ทำหน้าที่เป็น Humectant (ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น) และเป็นตัวช่วยปรับเนื้อสัมผัส (Texture Enhancer) ทำให้เนื้อครีมเกลี่ยง่ายขึ้น ลดความเหนอะหนะจากน้ำมันได้เล็กน้อย และช่วยนำพาสารสำคัญบางตัวเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น หากต้องการให้เนื้อครีมเกลี่ยง่ายขึ้นและเพิ่มความชุ่มชื้น สามารถพิจารณาเพิ่ม Butylene Glycol หรือ 1,3-Propanediol (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง) ในปริมาณ 2-5% โดยลดส่วนของน้ำลงค่ะ 1,3-Propanediol มักเป็นที่นิยมเนื่องจากมาจากธรรมชาติ
   • Ethoxydiglycol: ตัวนี้เป็น Solvent/Carrier ที่ดีเยี่ยม มักใช้เพื่อช่วยละลายสารสำคัญที่ละลายน้ำได้ยาก หรือช่วยนำพาสารสำคัญเข้าสู่ผิวได้ลึกขึ้น หากสารสกัดที่คุณใช้ (สารสกัดมะหาด, Cucumber Extract, Chamomile Extract) ละลายน้ำได้ดีอยู่แล้ว หรือคุณสมบัติของสูตรปัจจุบันเป็นที่พอใจ ก็อาจไม่จำเป็นต้องเพิ่ม Ethoxydiglycol ค่ะ แต่ถ้าต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการนำพาสารสกัดเข้าสู่ผิว อาจพิจารณาเพิ่มได้ในปริมาณเล็กน้อย (เช่น 1-3%) โดยลดส่วนของน้ำลง

   สรุปคือ ไม่จำเป็นต้องเพิ่มสารเหล่านี้ แต่การเพิ่ม Butylene Glycol หรือ 1,3-Propanediol ในปริมาณเล็กน้อย (2-5%) สามารถช่วยปรับปรุงเนื้อสัมผัสและความชุ่มชื้นของสูตรได้ค่ะ

3. ในกรณีที่ต้องการเพิ่ม scent เข้าไปสามารถใส่เข้าไปได้เลยหรือไม่คะ

   • โดยทั่วไปสามารถเพิ่มน้ำหอม (Fragrance Oil) หรือน้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) เข้าไปในสูตรครีมได้ค่ะ
   • วิธีการเพิ่ม: ควรเติมน้ำหอมหรือน้ำมันหอมระเหยในช่วงท้ายของการเตรียมสูตร หลังจากที่อิมัลชั่นก่อตัวและเริ่มเย็นตัวลงแล้ว (อุณหภูมิประมาณ 40-50°C) คนให้เข้ากัน
   • ข้อควรระวัง: น้ำหอมบางชนิดอาจส่งผลต่อความเสถียรของอิมัลชั่นหรือความหนืดของเนื้อครีมได้ แนะนำให้ทดลองในปริมาณน้อยๆ ก่อน และใช้ในปริมาณที่เหมาะสม (โดยทั่วไปไม่เกิน 0.1-1% สำหรับ Hand cream)

หวังว่าคำแนะนำนี้จะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงสูตร Hand cream ของคุณนะคะ หากมีคำถามเพิ่มเติม ถามได้เลยค่ะ