คำแนะนำการผสมครีม

คุณต้องการผสมครีมโดยใช้ส่วนผสมหลายชนิด และต้องการทราบว่าจะใช้ Soy Lecithin เป็นสารประสานเนื้อครีม (emulsifier) ได้หรือไม่ และจำเป็นต้องเพิ่มน้ำหรือน้ำมัน รวมถึงส่วนผสมอื่นๆ อีกหรือไม่

นี่คือรายละเอียดตามส่วนผสมที่คุณระบุ:

การใช้ Soy Lecithin เป็นสารประสานเนื้อครีม

ใช่, Soy Lecithin สามารถใช้เป็นสารประสานเนื้อครีมได้ มีหลายรูปแบบ เช่น Soy Lecithin แบบของเหลว หรือแบบผง เช่น LeciCream™ โดยทั่วไป Soy Lecithin จะสร้างอิมัลชันแบบ Water-in-Oil (W/O) ซึ่งมักจะเป็นเนื้อครีมที่ข้นและหนักกว่า

• Soy Lecithin (ของเหลว): ชนิดนี้ (เช่น Soy Lecithin (Soy Bean Oil, Liquid Lecithin)) เป็นสารประสานเนื้อแบบ Water-in-Oil แต่ไม่ได้ช่วยเพิ่มความข้นหนืดด้วยตัวเอง คุณจะต้องเพิ่มสารเพิ่มความข้นหนืดแยกต่างหาก เช่น Xanthan Gum เพื่อให้ได้เนื้อครีม มักจะละลายในส่วนของน้ำมันโดยใช้ความร้อน
• LeciCream™: เป็นสารประสานเนื้อธรรมชาติที่ทำจาก Hydrogenated Lecithin (เช่น LeciCream™ (Natural Emulsifier / Cream Maker)) เหมาะสำหรับครีมเนื้อหนัก เป็นผงที่กระจายตัวในส่วนของน้ำมัน
• LecithinGel™: ผลิตภัณฑ์นี้ (เช่น LecithinGel™) เป็นสารผสมที่ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมน้ำกับน้ำมันและเป็นสารเพิ่มความข้นหนืด ทำให้ได้เนื้อครีมที่ใช้ง่าย สามารถใช้ได้ทั้งแบบ Hot Process และ Cold Process และช่วยนำพาส่วนผสมเข้าสู่ผิวได้ดี

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Lecithin ชนิดใดจะส่งผลต่อวิธีการผสมและเนื้อสัมผัสสุดท้ายของครีม

ส่วนผสมพื้นฐานที่จำเป็น (น้ำและน้ำมัน)

ในการสร้างเนื้อครีมแบบอิมัลชัน คุณจำเป็นต้องมีทั้ง ส่วนของน้ำ (water phase) และ ส่วนของน้ำมัน (oil phase) ส่วนผสมที่คุณระบุมาส่วนใหญ่เป็นสารออกฤทธิ์ (active ingredients) เปอร์เซ็นต์ที่คุณให้มา (รวมกันได้ 31.4%) คือสำหรับสารออกฤทธิ์เหล่านี้ ส่วนที่เหลือของสูตรจะเป็นส่วนประกอบพื้นฐาน ซึ่งรวมถึง:

• น้ำบริสุทธิ์: ใช้เป็นส่วนของน้ำ (water phase) ควรใช้น้ำกลั่นหรือน้ำ Deionized Water
• น้ำมัน/Emollients: ใช้เป็นส่วนของน้ำมัน (oil phase) ชนิดและปริมาณของน้ำมันจะส่งผลต่อความรู้สึกหลังใช้และความเข้มข้นของครีม

คุณจะต้องกำหนดสัดส่วนของส่วนของน้ำและน้ำมันตามเนื้อครีมที่ต้องการและข้อกำหนดของสารประสานเนื้อครีมที่คุณเลือกใช้

ส่วนผสมอื่นๆ ที่จำเป็น

นอกเหนือจากส่วนของน้ำ น้ำมัน และสารประสานเนื้อครีมที่คุณเลือกใช้ การทำสูตรครีมที่เสถียรและมีประสิทธิภาพจะต้องมีส่วนผสมเพิ่มเติม:

• สารเพิ่มความข้นหนืด/สารช่วยให้คงตัว: ดังที่กล่าวไป Lecithin บางชนิดต้องการสารเพิ่มความข้นหนืด (เช่น Xanthan Gum) เพื่อให้ได้ความหนืดของครีมที่คงตัว สารอื่นๆ เช่น Activated Resorcinol™ ก็ต้องการสารช่วยให้คงตัว (เช่น Pro Polymer หรือ AnyGel ที่ระบุในรายละเอียดสินค้า)
• สารกันเสีย: เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีปริมาณน้ำสูงและมีสารสกัดจากธรรมชาติ (Ume Extract, Soy Extract)
• สารปรับค่า pH: เพื่อปรับค่า pH สุดท้ายของครีม นี่เป็นสิ่งสำคัญมากเนื่องจากสารออกฤทธิ์ของคุณมีช่วง pH ที่เหมาะสมสำหรับความเสถียรและประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน:
  • Azelaic Acid (Liquid Azelaic™): pH 5-11
  • Soy Extract: pH 5-7
  • Phenylethyl Resorcinol (Sym-White): pH 4-5
  • Activated Resorcinol™: pH 4.5-5.5
  • Vitamin B6: เสถียรที่ pH 2-6 แต่จะทำให้ pH ของสูตรลดลง
  • Disodium EDTA: pH 3-9
    
    การหาค่า pH เดียวที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสารทั้งหมดนี้เป็นเรื่องท้าทาย ช่วง pH เป้าหมายประมาณ 5-5.5 อาจเป็นค่าที่ประนีประนอมได้ แต่แนะนำให้ทำการทดสอบความเสถียรอย่างยิ่ง
• สารคีเลต (Chelating Agent): คุณได้รวม Disodium EDTA ที่ 0.2% ซึ่งเหมาะสมแล้ว ช่วยเพิ่มความเสถียรโดยการจับกับไอออนของโลหะในน้ำ
• สารต้านอนุมูลอิสระ/สารช่วยให้คงตัว: ส่วนผสมหลายชนิดของคุณ (Activated Resorcinol™, Phenylethyl Resorcinol (Sym-White), MSH White™, Vitamin B6) ไวต่อแสง ความร้อน หรือการเกิดออกซิเดชัน และอาจทำให้สีเปลี่ยนได้ แม้ว่า Disodium EDTA จะช่วยได้ การเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ActiveProtec™ OX (ที่กล่าวถึงในรายละเอียดส่วนผสมบางชนิด) สามารถช่วยเพิ่มความเสถียรและป้องกันการเปลี่ยนสีได้ดียิ่งขึ้น

ความซับซ้อนของสูตร

สูตรนี้ค่อนข้างซับซ้อนเนื่องจากมีสารออกฤทธิ์จำนวนมากและมีความต้องการที่หลากหลาย คุณมีส่วนผสมที่ละลายน้ำได้ (Ume Extract, Azelaic Acid (Liquid Azelaic™), Soy Extract, Vitamin B6, Disodium EDTA) และส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันได้ (ODA-White Plus™, Phenylethyl Resorcinol (Sym-White), MSH White™, Activated Resorcinol™)

แนวทางทั่วไปในการผสมอาจรวมถึง:

1. เตรียมส่วนของน้ำ (น้ำ, สารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำได้, Disodium EDTA, Vitamin B6 - เติมอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงความร้อน)
2. เตรียมส่วนของน้ำมัน (น้ำมัน, สารออกฤทธิ์ที่ละลายในน้ำมัน - บางชนิดอาจต้องใช้ความร้อนอ่อนๆ ช่วยในการละลาย เช่น MSH White™, Activated Resorcinol™, Phenylethyl Resorcinol (Sym-White))
3. รวมส่วนของน้ำและน้ำมันเข้าด้วยกันกับสารประสานเนื้อครีม (ตามคำแนะนำของสารประสานเนื้อครีมที่เลือกใช้ - บางชนิดต้องใช้ Hot Process บางชนิด Cold Process)
4. ปล่อยให้อิมัลชันเย็นตัวลง
5. เติมส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน (เช่น Soy Extract, Azelaic Acid (Liquid Azelaic™) หากยังไม่ได้เติมในขั้นตอนแรก และอาจรวมถึง Phenylethyl Resorcinol (Sym-White)/Activated Resorcinol™ หากเลือกเติมในขั้นตอน Cool-down)
6. เติมสารเพิ่มความข้นหนืดและสารกันเสีย
7. ปรับค่า pH ให้อยู่ในช่วงเป้าหมาย (น่าจะประมาณ 5-5.5)

เนื่องจากความต้องการ pH ที่ขัดแย้งกันและความไวของส่วนผสมหลายชนิด การทำให้ได้ผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่เสถียรและมีประสิทธิภาพจะต้องอาศัยการคิดค้นสูตรอย่างรอบคอบ การปรับค่า pH ที่แม่นยำ และอาจต้องมีการทดสอบความเสถียรเมื่อเวลาผ่านไป

สรุปคือ คุณจะต้องเพิ่มน้ำบริสุทธิ์และส่วนของน้ำมันลงในส่วนผสมของคุณ พร้อมด้วยสารเพิ่มความข้นหนืด สารกันเสีย และสารปรับค่า pH วิธีการผสมที่เฉพาะเจาะจงจะขึ้นอยู่กับชนิดของ Soy Lecithin ที่คุณเลือกใช้ และข้อกำหนดด้านการละลาย/ความเสถียรของสารออกฤทธิ์ทั้งหมดของคุณ นี่เป็นสูตรที่ค่อนข้างซับซ้อนและอาจต้องใช้การทดลองและปรับปรุงอย่างมาก