การผสมสกินแคร์เจลที่มี Alpha Arbutin, Niacinamide, Panthenol, Vitamin C เพื่อดูแลรอยสิว ผิวขาวกระจ่างใส และรอยแผลเป็น

ถามโดย: hiphop5142 เมื่อ: September 05, 2013 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ฉันมีส่วนผสมดังนี้:

  • alpha arbutin 2%
  • Vitamin B3 (Niacinamide) 5%
  • Vitamin B5 (Panthenol) 5%
  • Pure Aloe Vera Gel 88%

ฉันต้องการนำมาผสมกันเพื่อทำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกาย โดยมีเป้าหมายเพื่อลดรอยสิว ผิวขาว และรอยแผลเป็น และต้องการเนื้อสัมผัสที่ไม่เหนอะหนะ

  1. สามารถเพิ่ม Vitamin C (Ascorbic Acid) เข้าไปในส่วนผสมนี้ได้หรือไม่?
  2. หากได้ จะมีวิธีการผสมอย่างไร? สามารถคนให้เข้ากันได้เลยหรือไม่?
  3. เบส Pure Aloe Vera Gel มีเนื้อสัมผัสเป็นอย่างไร?
  4. สำหรับสูตรผิวกาย ฉันกำลังพิจารณาใช้ Vitamin B3 5%, Vitamin B5 5%, Vitamin C (Ascorbic Acid) 15%, และ Pure Aloe Vera Gel 75% สามารถทำได้หรือไม่ และควรผสมอย่างไร?

คำตอบ

คำแนะนำการผสมสกินแคร์สำหรับผิวเป็นสิว มีปัญหารอยแผลเป็น และต้องการความกระจ่างใส

จากคำถามโดยละเอียดของคุณและส่วนผสมที่คุณมีอยู่ นี่คือคำแนะนำในการผสมผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกายของคุณเองค่ะ

การดูแลผิวหน้า

ปัจจุบันคุณดูแลปัญหาสิวด้วย Clinda M, Benzac AC 5%, Differin และ BHA 2% ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่คุณสามารถควบคุมสิวได้แล้ว คุณมี Alpha Arbutin 2%, Vitamin B3 (Niacinamide) 5%, Vitamin B5 (Panthenol) 5% และ Pure Aloe Vera Gel 88% และต้องการนำมาผสมกันเพื่อใช้กับผิวหน้า

  • ความเข้ากันได้: การผสม Alpha Arbutin, Niacinamide และ Panthenol ในเบส Pure Aloe Vera Gel โดยทั่วไปสามารถทำได้ ส่วนผสมเหล่านี้ละลายน้ำได้ดีและเข้ากันได้กับเบสเจล
  • ประโยชน์:

    • Alpha Arbutin: ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและสีผิวสม่ำเสมอขึ้น โดยลดการผลิตเม็ดสีเมลานิน
    • Niacinamide (Vitamin B3): มีประโยชน์หลายด้าน รวมถึงช่วยลดรอยแดงและรอยดำ (hyperpigmentation), เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว, ลดความมัน และมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งดีเยี่ยมสำหรับผิวที่เป็นสิวง่ายและช่วยลดรอยสิว การใช้ที่ความเข้มข้น 5% เป็นระดับที่เหมาะสม
    • Panthenol (Vitamin B5): มีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิว ให้ความชุ่มชื้น และช่วยสมานแผล ช่วยลดการอักเสบและรอยแดง เร่งการฟื้นฟูผิว และช่วยลดการเกิดแผลเป็น การใช้ที่ความเข้มข้น 5% มีประสิทธิภาพ แต่ควรสังเกตว่าทำให้รู้สึกเหนอะหนะหรือหน้ามันเกินไปหรือไม่
    • Pure Aloe Vera Gel: เป็นเบสที่บางเบา ไม่เหนอะหนะ ช่วยปลอบประโลมผิว ให้ความชุ่มชื้น และลดการระคายเคือง เหมาะสำหรับผิวผสมถึงผิวมันของคุณ
  • การเพิ่ม Vitamin C (Ascorbic Acid): คุณถามเกี่ยวกับการเพิ่ม Ascorbic Acid แม้ว่า L-Ascorbic Acid จะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยให้ผิวกระจ่างใสที่มีประสิทธิภาพสูง แต่มีความไม่เสถียรอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อผสมในสูตรที่มีน้ำและมีส่วนผสมอื่นๆ รวมถึงค่า pH ที่ไม่เหมาะสม จะทำงานได้ดีที่สุดที่ค่า pH ต่ำ (ประมาณ 2.0-4.0) ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ การผสมลงในเบส Aloe Vera Gel โดยตรงอาจทำให้เกิดการออกซิเดชันอย่างรวดเร็วและลดประสิทธิภาพ หากต้องการใช้ Vitamin C ควรพิจารณาใช้ในรูปแบบอนุพันธ์ที่มีความเสถียรมากกว่า เช่น Ethyl Ascorbic Acid, Ascorbyl Glucoside, Sodium Ascorbyl Phosphate หรือรูปแบบที่ละลายในน้ำมันอย่าง Ascorbyl Tetraisopalmitate ซึ่งผสมได้ง่ายกว่าและมีความเสถียรในเบสและค่า pH ที่หลากหลาย หรือใช้ L-Ascorbic Acid ในผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ถูกออกแบบมาอย่างเหมาะสมแยกต่างหาก

  • วิธีการผสม: สำหรับส่วนผสมที่เป็นผงอย่าง Alpha Arbutin, Niacinamide และ Panthenol ให้เติมลงในเบส Pure Aloe Vera Gel ที่อุณหภูมิห้อง คนให้เข้ากัน 3-5 นาที พักไว้ 15-30 นาทีเพื่อให้ผงละลายและกระจายตัวเต็มที่ แล้วคนอีกครั้งจนกว่าจะละลายหมดและเป็นเนื้อเดียวกัน สำหรับส่วนผสมที่เป็นของเหลว เพียงแค่คนให้เข้ากัน 1-3 นาทีจนเป็นเนื้อเดียว

การดูแลผิวกาย

สำหรับผิวกาย คุณต้องการลดรอยแผลเป็นและทำให้ผิวขาวขึ้น โดยต้องการเนื้อสัมผัสที่ไม่เหนอะหนะ และมีส่วนผสมของ Vitamin B3 5%, Vitamin B5 5%, Vitamin C (Ascorbic Acid) 15% และ Pure Aloe Vera Gel 75%

  • ความเข้ากันได้และประโยชน์: เช่นเดียวกับผิวหน้า Niacinamide และ Panthenol มีประโยชน์ต่อผิวกายในด้านสีผิว ความชุ่มชื้น การเสริมเกราะป้องกันผิว และการสมานแผล การใช้ Pure Aloe Vera Gel เป็นเบสจะช่วยให้ได้เนื้อสัมผัสที่บางเบา ไม่เหนอะหนะ
  • Vitamin C (Ascorbic Acid) ที่ 15%: ความเข้มข้น 15% ของ L-Ascorbic Acid มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยให้ผิวกระจ่างใสและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้านความเสถียรและค่า pH ยังคงมีอยู่เช่นเดียวกับผิวหน้า การผสม L-Ascorbic Acid 15% ลงในเบส Aloe Vera Gel อย่างง่ายๆ โดยการคน อาจไม่ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเสถียรหรือมีประสิทธิภาพสูงสุด และอาจทำให้เกิดการระคายเคืองอย่างมาก สำหรับผลิตภัณฑ์ผิวกาย โดยเฉพาะที่ความเข้มข้นนี้ การใช้อนุพันธ์ Vitamin C ที่มีความเสถียร หรือผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ถูกออกแบบมาอย่างเหมาะสม จะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า
  • วิธีการผสม: ใช้วิธีการผสมเช่นเดียวกับผิวหน้าสำหรับผง Niacinamide และ Panthenol ในเบส Aloe Vera Gel หากคุณตัดสินใจที่จะลองผสม L-Ascorbic Acid (ด้วยความระมัดระวัง) ให้แน่ใจว่าละลายหมด แต่โปรดทราบถึงปัญหาด้านความเสถียร

ครีมกันแดด

ครีมกันแดดจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทั้งผิวหน้าและผิวกาย โดยเฉพาะเมื่อใช้ส่วนผสมที่ทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น (เช่น BHA และเรตินอยด์) และเพื่อป้องกันการเกิดรอยดำเพิ่มเติม การหาครีมกันแดดที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ

  • คุณสมบัติ: มองหาครีมกันแดดสำหรับผิวหน้าและผิวกายที่ระบุว่าเป็น non-comedogenic (ไม่อุดตันรูขุมขน), oil-free, และให้เนื้อสัมผัสแบบ matte หรือไม่เหนอะหนะ ค่า SPF 20-30 ที่มี PA+++ เป็นระดับการป้องกันที่เพียงพอสำหรับการเผชิญแสงแดดในชีวิตประจำวันที่ไม่มากนัก
  • การผสมครีมกันแดด: การผสมครีมกันแดดมีความซับซ้อนและต้องใช้สารกรองรังสี UV เฉพาะ รวมถึงการทดสอบเพื่อให้แน่ใจในประสิทธิภาพและความเสถียร โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ครีมกันแดดสำเร็จรูปที่มีการผสมและทดสอบอย่างถูกต้องแล้ว

การใช้สารลดริ้วรอยเมื่ออายุ 22 ปี

การเริ่มดูแลผิวเพื่อป้องกันริ้วรอยก่อนวัยเมื่ออายุ 22 ปี ไม่ถือว่าเร็วเกินไป ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือการป้องกันแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ส่วนผสมหลายชนิดที่คุณกำลังใช้อยู่หรือพิจารณาใช้ เช่น Vitamin C, Vitamin E, Niacinamide, Panthenol และ Retinoids (เช่น Differin ที่คุณใช้) ล้วนมีประโยชน์สำคัญในการช่วยชะลอวัย โดยช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายจากสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการสร้างคอลลาเจน และปรับปรุงสภาพผิว

โดยสรุป คุณสามารถผสม Alpha Arbutin, Niacinamide และ Panthenol ใน Pure Aloe Vera Gel สำหรับผิวหน้าและผิวกายได้ (ปรับเปอร์เซ็นต์สำหรับผิวกายได้หากจำเป็น โดยคง Panthenol ในระดับที่ต่ำลงหากกังวลเรื่องความเหนอะหนะ) โปรดใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งในการเพิ่ม L-Ascorbic Acid เนื่องจากปัญหาด้านความเสถียร พิจารณาใช้อนุพันธ์ที่มีความเสถียรหรือผลิตภัณฑ์แยกต่างหากสำหรับ Vitamin C ควรทดสอบกับผิวบริเวณเล็กๆ ก่อนเสมอเมื่อลองสูตรใหม่ๆ และใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพเป็นประจำทุกวัน

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
เครื่องสำอาง
Alpha Arbutin (Switzerland)
Alpha Arbutin (Switzerland)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
เครื่องสำอาง
Salicylic Acid (BHA) กรดซาลิไซลิค
Salicylic Acid (BHA) กรดซาลิไซลิค
เครื่องสำอาง
Aloe Vera Gel (Heavy)
Aloe Vera Gel (Heavy)
เครื่องสำอาง
Ascorbyl Glucoside (AA-2G Stabilized Vitamin C)
Ascorbyl Glucoside (AA-2G Stabilized Vitamin C)
เครื่องสำอาง
Perfect-C™ (Ascorbyl Tetraisopalmitate)
Perfect-C™ (Ascorbyl Tetraisopalmitate)
เครื่องสำอาง
Aloe Vera Gel (Lite)
Aloe Vera Gel (Lite)
เครื่องสำอาง
Alpha Arbutin (China, Powder, Enzymatic Synthesis)
Alpha Arbutin (China, Powder, Enzymatic Synthesis)
เครื่องสำอาง
Willow Bark Extract (Natural Salicylic Acid)
Willow Bark Extract (Natural Salicylic Acid)
เครื่องสำอาง
D-Panthenol Care (Pro-Vitamin B5, 100% Liquid)
D-Panthenol Care (Pro-Vitamin B5, 100% Liquid)
เครื่องสำอาง
Vitamin E (Tocopheryl Acetate) Water-Soluble
Vitamin E (Tocopheryl Acetate) Water-Soluble
เครื่องสำอาง
Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C SAP, e.q. Stay C50)
Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C SAP, e.q. Stay C50)
เครื่องสำอาง
Extreme-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Highest Purity)
Extreme-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Highest Purity)
เครื่องสำอาง