การผสมสารแอคทีฟลงในเบส การใช้ผลิตภัณฑ์ และบริการ MySkinRecipes

ถามโดย: nongj เมื่อ: December 31, 2012 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

มีคำถามหลายข้อเกี่ยวกับการผสมสารแอคทีฟลงในเบสสำเร็จรูป การใช้ผลิตภัณฑ์ และบริการต่างๆ ค่ะ:

  1. สามารถผสมสารแอคทีฟต่อไปนี้ลงในเบสไฮยา Hada Labo Nano 80% และเบสวิตซี MAP ของ Avalon 80% ได้หรือไม่? มีข้อควรพิจารณาเรื่องความเข้ากันได้และเนื้อสัมผัสอย่างไรบ้าง?
    • B3 4%
    • NAC 4%
    • Apple Stem Cell 2%
    • Sea Kelp 10%
  2. ลำดับการทาผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องระหว่างผลิตภัณฑ์ไฮยาและผลิตภัณฑ์วิตซี MAP ควรเป็นอย่างไร?
  3. ควรทำความเข้าใจปริมาณการใช้ Sea Kelp Extract ที่ระบุเป็นเปอร์เซ็นต์ (5%-100%) อย่างไร โดยเฉพาะเมื่อขนาดบรรจุภัณฑ์ที่ซื้อคือ 20 กรัม?
  4. สภาวะการเก็บรักษาที่แนะนำสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ผสมเสร็จแล้วซึ่งมีส่วนผสมของ Pure-NAC, Apple Stem Cell Extract, Sea Kelp Extract, Magnesium Ascorbyl Phosphate, Hyaluronic Acid (Nano Molecule), Acetyl Hexapeptide-8 (Argireline), Pal-GHK, Pal-GQPR (Matrixyl 3000), และ Pep®-Leupha (Leuphasyl) คืออะไร? จำเป็นต้องแช่ตู้เย็นหรือไม่ และควรจัดการอย่างไรเมื่อเดินทาง?
  5. บริการรับปรุง Ready-to-Use เปิดให้บริการอยู่หรือไม่ และใช้ระยะเวลาประมาณเท่าใด?
  6. สามารถเพิ่ม Pep®-Leupha (Leuphasyl) ลงในครีมที่มีอยู่ซึ่งมีส่วนผสมของ Acetyl Hexapeptide-8 (Argireline) และ Pal-GHK, Pal-GQPR (Matrixyl 3000) ได้หรือไม่? วิธีการและปริมาณการใช้ที่แนะนำคือเท่าใด และควรพิจารณาความคุ้มค่าด้านราคาด้วยหรือไม่?
  7. เกี่ยวกับความปลอดภัยและการรับรองผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบของ MySkinRecipes จำเป็นต้องมี อย. หรือไม่? บทบาทของ MySkinRecipes เกี่ยวกับ GMP และการจดแจ้ง อย. สำหรับผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปคืออะไร?

คำตอบ

คำแนะนำการปรุงส่วนผสมและข้อมูลผลิตภัณฑ์

นี่คือคำตอบสำหรับคำถามของคุณเกี่ยวกับการปรุงส่วนผสมเครื่องสำอางและข้อสงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ค่ะ:

1. การผสมสารแอคทีฟลงในเบส

จากสารแอคทีฟที่คุณต้องการผสม (B3 4%, NAC 4%, Apple Stem Cell 2%, Sea Kelp 10%) และเบสที่คุณกล่าวถึง (ไฮยา Hada Labo Nano 80% และวิตซี MAP ของ Avalon 80%) เบสทั้งสองชนิดดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีสำหรับการผสมสารแอคทีฟเหล่านี้ค่ะ

  • เบสไฮยา Hada Labo Nano: น่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นน้ำหรือเจล ซึ่งสูตรที่เป็นน้ำมักจะซึมเข้าสู่ผิวได้ดี
  • เบสวิตซี MAP ของ Avalon: คุณได้ให้รายการส่วนผสมมา และจากการวิเคราะห์ การเพิ่มสารแอคทีฟเข้าไปดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีค่ะ เบสนี้เป็นลักษณะครีม ซึ่งอาจให้ความรู้สึกที่เข้มข้นกว่าบนผิว

การเลือกระหว่างสองเบสขึ้นอยู่กับความชอบในเนื้อสัมผัสค่ะ สูตรที่เป็นน้ำมักจะซึมเร็วและให้ความรู้สึกเบา ซึ่งอาจเหมาะกับการทาผลิตภัณฑ์อื่นทับ ส่วนเบสครีมจะให้ความชุ่มชื้นและบำรุงผิวได้ดีกว่า ทั้งสองเบสสามารถนำพาสารแอคทีฟเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สูตรโดยรวมของผลิตภัณฑ์เบส (นอกเหนือจากส่วนผสมหลัก) ก็มีส่วนสำคัญต่อประสิทธิภาพด้วยค่ะ

2. ลำดับการทาผลิตภัณฑ์ไฮยาและวิตซี MAP

โดยทั่วไปแล้ว เมื่อทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลายชนิด ควรทาเรียงตามลำดับจากเนื้อสัมผัสที่บางเบาที่สุดไปยังเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นที่สุดค่ะ เซรั่มหรือเจลที่เป็นน้ำมักจะทาก่อนครีมหรือโลชั่น

  • หากคุณผสมสารแอคทีฟลงใน เบสไฮยา Hada Labo Nano โดยทั่วไปแล้ว คุณจะทาเซรั่ม/เจลนี้ก่อน แล้วตามด้วยครีมวิตซี MAP ของ Avalon ค่ะ
  • หากคุณผสมสารแอคทีฟลงใน เบสวิตซี MAP ของ Avalon และคุณยังต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ไฮยาแยกต่างหาก (เช่น เซรั่มไฮยาเดี่ยวๆ) คุณจะทาผลิตภัณฑ์ไฮยาเดี่ยวนั้นก่อน แล้วจึงตามด้วยครีมวิตซี Avalon ที่คุณผสมเองค่ะ

3. ความเข้าใจเกี่ยวกับปริมาณ Sea Kelp (%)

ปริมาณการใช้ Sea Kelp Extract ที่ระบุเป็นเปอร์เซ็นต์ (5%-100%) หมายถึงความเข้มข้นของส่วนผสมนั้นในผลิตภัณฑ์สุดท้ายโดยน้ำหนักค่ะ 100% หมายถึงการใช้ Sea Kelp Extract แบบเพียวๆ ไม่ผสมอะไรเลย หากต้องการใช้ Sea Kelp Extract ที่ความเข้มข้น 10% ในสูตรของคุณ คุณจะต้องคำนวณน้ำหนักของ Sea Kelp Extract ตามน้ำหนักรวมของผลิตภัณฑ์สุดท้ายของคุณค่ะ

ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการทำผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 100 กรัม และต้องการ Sea Kelp Extract 10% คุณจะต้องใช้ Sea Kelp Extract 10 กรัม และใช้เบสกับส่วนผสมอื่นๆ รวมกัน 90 กรัมค่ะ ปริมาณ 20 กรัมที่คุณสั่งซื้อเป็นเพียงน้ำหนักของวัตถุดิบที่คุณซื้อเท่านั้นค่ะ

4. การเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ที่ผสมเสร็จแล้ว

เพื่อรักษาประสิทธิภาพและความคงตัวสูงสุดของสารแอคทีฟที่คุณใช้ โดยเฉพาะสารอย่าง Pure-NAC, Apple Stem Cell Extract, Sea Kelp Extract, Magnesium Ascorbyl Phosphate, Hyaluronic Acid (Nano Molecule), Acetyl Hexapeptide-8 (Argireline), Pal-GHK, Pal-GQPR (Matrixyl 3000) และ Pep®-Leupha (Leuphasyl) แนะนำอย่างยิ่งให้เก็บในตู้เย็น (อุณหภูมิ 4-8°C) สำหรับการเก็บรักษาระยะยาวค่ะ แม้ว่าการเก็บที่อุณหภูมิห้องโดยไม่โดนแสงแดดอาจยอมรับได้สำหรับส่วนผสมบางชนิดหรือในช่วงเวลาสั้นๆ แต่อุณหภูมิที่เย็นในตู้เย็นจะช่วยรักษาประสิทธิภาพของสารแอคทีฟในเครื่องสำอางหลายชนิดได้ดีกว่าค่ะ

เมื่อเดินทาง การที่ผลิตภัณฑ์สัมผัสความร้อนเป็นเวลานานอาจเร่งให้สารแอคทีฟที่ไวต่อความร้อนเสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้ หากเป็นไปได้ ควรเก็บผลิตภัณฑ์ไว้ในที่เย็นหรือกระเป๋าเก็บความเย็นระหว่างเดินทางค่ะ สำหรับการใช้ในชีวิตประจำวันที่บ้าน การเก็บในตู้เย็นเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้สารออกฤทธิ์คงประสิทธิภาพได้นานที่สุดค่ะ

5. บริการรับปรุง Ready-to-Use

ใช่ค่ะ ขณะนี้ทางแล็บเปิดรับออเดอร์การปรุง Ready-to-Use อีกครั้งแล้วค่ะ ระยะเวลาโดยประมาณในการปรุงผลิตภัณฑ์ Ready-to-Use พร้อมสารแอคทีฟที่คุณต้องการจะอยู่ที่ประมาณ 5-7 วัน ขึ้นอยู่กับคิวในช่วงเวลานั้นค่ะ

6. การเพิ่ม Leuphasyl ในครีม Argireline + Matrixyl

คุณเคยให้รายการส่วนผสมของครีมที่มี Acetyl Hexapeptide-8 (Argireline) และ Pal-GHK, Pal-GQPR (Matrixyl 3000) มาก่อนแล้วค่ะ ทางทีมงานได้พิจารณาสูตรนี้แล้วและแนะนำว่าเป็นสูตรที่ดีอยู่แล้วสำหรับการลดเลือนริ้วรอย แม้ว่า Pep®-Leupha (Leuphasyl) อาจช่วยเสริมประสิทธิภาพของ Argireline ได้ แต่ทางทีมงานแนะนำว่าประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นอาจไม่คุ้มค่ากับราคา เมื่อเทียบกับส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพอยู่แล้วในครีมของคุณค่ะ พวกเขาแนะนำให้คุณลองใช้ครีมปัจจุบันอย่างต่อเนื่องก่อน

หากคุณยังต้องการเพิ่ม Pep®-Leupha (Leuphasyl) โดยทั่วไปแล้วสามารถเติมลงในเบสครีมได้โดยตรงในขั้นตอนสุดท้ายของการผสม โดยให้แน่ใจว่าอุณหภูมิของครีมต่ำกว่า 40°C ค่ะ ปริมาณการใช้ Pep®-Leupha ทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 3% แต่สามารถใช้ได้ถึง 10% อย่างไรก็ตาม ตามคำแนะนำ ควรพิจารณาถึงประโยชน์ที่อาจเพิ่มขึ้นเทียบกับค่าใช้จ่าย ก่อนตัดสินใจเพิ่มลงในสูตรที่มีประสิทธิภาพอยู่แล้วของคุณค่ะ

7. ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และการรับรอง

MySkinRecipes เป็นผู้จำหน่ายวัตถุดิบเครื่องสำอาง ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำเร็จรูปค่ะ ดังนั้น วัตถุดิบเองจึงไม่จำเป็นต้องมี อย. ในลักษณะเดียวกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำเร็จรูปที่ขายให้ผู้บริโภคทั่วไปค่ะ ความรับผิดชอบในการขอ อย. (จดแจ้งสูตร) จะอยู่ที่บุคคลหรือบริษัทที่ซื้อวัตถุดิบไปผสมเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเพื่อจำหน่ายต่อสาธารณะค่ะ

MySkinRecipes ยึดมั่นในมาตรฐานคุณภาพ เช่น GMP (Good Manufacturing Practice) สำหรับวัตถุดิบที่จัดจำหน่าย เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยสำหรับการนำไปใช้ในสูตรเครื่องสำอางค่ะ นอกจากนี้ ทางบริษัทยังมีบริการช่วยเหลือลูกค้าในการดำเนินการจดแจ้ง อย. หากมีการซื้อวัตถุดิบในปริมาณมากสำหรับการผลิตเชิงพาณิชย์ค่ะ

ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ และสวัสดีปีใหม่ 2556 เช่นกันค่ะ (หมายเหตุ: ปี พ.ศ. 2556 ตรงกับปี ค.ศ. 2013-2014 ค่ะ)

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline)
Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline)
เครื่องสำอาง
Pal-GHK, Pal-GQPR (eq Matrixyl 3000)
Pal-GHK, Pal-GQPR (eq Matrixyl 3000)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Sea Kelp Extract
Sea Kelp Extract
เครื่องสำอาง
Magnesium Ascorbyl Phosphate
Magnesium Ascorbyl Phosphate
เครื่องสำอาง
Pure-NAC™ (N-acetylcarnosine)
Pure-NAC™ (N-acetylcarnosine)
เครื่องสำอาง
Apple Stem Cell Extract (AppleCell™ Powder)
Apple Stem Cell Extract (AppleCell™ Powder)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid Gel Base
Hyaluronic Acid Gel Base
เครื่องสำอาง
Pep®-Leupha (Pentapeptide-18)
Pep®-Leupha (Pentapeptide-18)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons)
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons)
เครื่องสำอาง