การผสม Repair Activator ใน Vitamin C E Ferulic Kit และความเสถียร

อ้างอิงจากคำตอบของทีมงาน:

1. L-Ascorbic acid-2-Phosphate: ทางบริษัทไม่มีจำหน่าย L-Ascorbic acid-2-Phosphate วิตามินซีชนิดนี้มี pH เป็นกลางและมีความคงตัวในน้ำได้ดี แต่ไม่สามารถให้ผลด้านความกระจ่างใส (whitening) ได้เหมือน L-Ascorbic Acid
2. วิตามินซีผงที่ดีที่สุด: ไม่มีวิตามินซีผงชนิดใดที่ดีที่สุดเพียงชนิดเดียว การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและความต้องการเฉพาะของคุณ
3. ประสบการณ์การใช้ Vitamin C E Ferulic Kit:
   • อาการแสบยิบๆ ที่ผิวหน้าเป็นเรื่องปกติในช่วงแรก และจะค่อยๆ หายไปหลังจากใช้ต่อเนื่องประมาณ 10 วันเมื่อผิวหน้าปรับตัวได้
   • หากต้องการเพิ่มคุณสมบัติด้านความชุ่มชื้นหรือลดริ้วรอยให้กับสูตร Vitamin C E Ferulic แนะนำให้ใช้ส่วนผสมที่ละลายในน้ำมัน การเติมส่วนผสมที่ละลายในน้ำ เช่น Repair Activator จะทำให้ L-Ascorbic Acid ในชุดทดลองเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้นมาก
   • ส่วนผสมที่ละลายในน้ำมันที่แนะนำ เช่น Bisabolol (เช่น 1% ละลายใน Flora Solve 3%) หรือเติม Vitamin E เพิ่มเติม กรุณาศึกษาอัตราส่วนการใช้ Flora Solve จากหน้าเว็บไซต์
4. การผสม Vitamin C และ Repair Activator: ไม่แนะนำอย่างยิ่งให้เติม Repair Activator ลงในชุด Vitamin C E Ferulic Kit เนื่องจากจะทำให้ Vitamin C (L-Ascorbic Acid) เสื่อมคุณภาพเร็วมาก แม้จะใช้หมดในเวลาอันสั้น หากต้องการใช้ทั้ง Vitamin C และ Repair Activator ทีมงานแนะนำให้เลือกใช้ Perfect-C (Ascorbyl Tetraisopalmitate) แทน เนื่องจากมีความเสถียรและเข้ากันได้ดีกับส่วนผสมอื่นๆ
5. การผสมน้ำหอม: น้ำหอมต้องละลายด้วย Flora Solve หรือ Flora Solve Clear ก่อนนำไปผสมในเบส โดยทั่วไปไม่ควรใส่น้ำหอมเกิน 1% ของสูตรทั้งหมด กรุณาศึกษาอัตราส่วนการใช้ Flora Solve จากหน้าเว็บไซต์
6. Stabilized Vit C / Natural C Glycol: สามารถทาเดี่ยวๆ ได้โดยตรง