การพัฒนาสูตรครีมทาผิวเนื้อเข้มข้นคล้าย L'occitane
คำถาม
กำลังต้องการพัฒนาสูตรครีมทาผิวเนื้อเข้มข้นที่คล้ายคลึงกับ L'occitane Ultra Rich Cream โดยได้ศึกษาเบื้องต้นพบว่าส่วนผสมหลักใน L'occitane คือ Shea butter, sodium PCA, tocopherol และน้ำมันธรรมชาติหลายชนิด
จึงได้ร่างสูตรครีมทาผิวขึ้นมาดังนี้:
- Shea butter 10%
- Sweet almond oil 5%
- Hydro protein 3%
- Amino acid 3%
- Cococin 3%
- Aloe vera extract 3%
- Urea 3%
- Glucosamine 4%
- Vitamin B3 2%
สำหรับตัวประสานและสารเพิ่มความข้น ไม่แน่ใจว่าควรใช้ตัวใดตัวหนึ่ง หรือสามารถใช้รวมกันตามนี้ได้หรือไม่:
- Light Cream Maker™ 3% (ใช้ละลาย aloe vera และให้ความนุ่มลื่น)
- Cetyl alcohol 1%
- Glyceryl stearate SE 1%
ขอคำแนะนำเกี่ยวกับความเหมาะสมของสูตรและระบบ Emulsifier ที่เลือกใช้ รวมถึงวิธีการปรับสูตรเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ใกล้เคียงกับ L'occitane Ultra Rich Cream ครับ
คำตอบ
คำแนะนำสำหรับการทำครีมทาผิวเนื้อเข้มข้น
เพื่อให้ได้เนื้อครีมทาผิวที่เข้มข้นคล้ายกับ L'occitane Ultra Rich Cream โดยมีการใส่ Shea butter และ Sweet almond oil ตามที่คุณต้องการ นี่คือคำแนะนำในการปรับสูตร โดยอิงจากสูตรที่คุณเสนอ ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ และข้อมูลผลิตภัณฑ์:
การปรับส่วนผสมและปริมาณ
- Shea Butter (10%) และ Sweet Almond Oil (5%): สองส่วนผสมนี้เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ดีเยี่ยมและสอดคล้องกับส่วนผสมหลักในสูตร L'occitane คุณสามารถเริ่มต้นด้วยปริมาณนี้ได้ หากต้องการเนื้อที่หนักขึ้น สามารถเพิ่มปริมาณ Shea butter ได้ ปริมาณสูงสุดที่สามารถใส่ได้ขึ้นอยู่กับระบบ Emulsifier ที่เลือกใช้และความคงตัวของสูตรโดยรวม แต่โดยทั่วไปแล้วทั้งสองตัวสามารถใช้ได้ในปริมาณสูง
- Vitamin B3 (Niacinamide): ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เพิ่ม Vitamin B3 จาก 2% เป็น 4% เพื่อให้เห็นผลกับผิวได้ชัดเจนขึ้น เช่น ช่วยลดรอยแดง และเสริมเกราะป้องกันผิว Safe-B3™ สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยถึง 10% ดังนั้น 4% จึงเป็นปริมาณที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
- Vitamin E (dl-alpha tocopherol): ควรเพิ่ม Vitamin E ประมาณ 1% ลงในสูตร ส่วนผสมนี้มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ต้นแบบและมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและช่วยบำรุงผิว ควรผสมในส่วนของน้ำมัน
- Urea: Urea 3% ในสูตรช่วยให้ความชุ่มชื้น สำหรับผิวที่แห้งมาก การเพิ่ม Urea เป็น 5% จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้ความชุ่มชื้นได้ดียิ่งขึ้น หากใช้ Urea ตั้งแต่ 5% ขึ้นไป ควรพิจารณาใช้ Gluconolactone (ประมาณ 15% ของปริมาณ Urea) และอาจใช้ Triacetin (ประมาณ 1:10 ของปริมาณ Urea) เพื่อช่วยให้ Urea คงตัวและป้องกันค่า pH เปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเก็บในที่อุณหภูมิสูง
- Hydrolyzed Silk Protein (ในฐานะ Hydro protein) และ Natural Moisturizing Amino Acids (ในฐานะ Amino acid): ปริมาณ 3% ของทั้งสองตัวอยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับการบำรุงผิวและให้ความชุ่มชื้น Natural Moisturizing Amino Acids ที่ 3% มีประสิทธิภาพในการให้ความชุ่มชื้น
- Aloe Vera Extract: ปริมาณ 3% อยู่ในช่วงการใช้งานที่แนะนำสำหรับการให้ความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิว โปรดทราบว่า Aloe Vera Extract เป็นอิเล็กโทรไลต์ ซึ่งอาจส่งผลต่อความหนืดของสารเพิ่มความข้น/อิมัลซิไฟเออร์บางชนิด เช่น Light Cream Maker™
- GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine): ปริมาณ 4% เป็นความเข้มข้นที่ดี โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับ Vitamin B3 เพื่อประโยชน์ในการลดจุดด่างดำและกระตุ้นการสร้าง Hyaluronic acid
- Cococin: ไม่พบผลิตภัณฑ์ชื่อ "Cococin" ที่เฉพาะเจาะจงในฐานข้อมูล โปรดตรวจสอบชื่อส่วนผสมที่ถูกต้องอีกครั้ง
- ส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นเพิ่มเติม: สำหรับผิวที่แห้งมาก อาจพิจารณาเพิ่ม MOIST72™ ในปริมาณ 2-5% เพื่อช่วยให้ความชุ่มชื้นยาวนาน หากผิวมีอาการระคายเคือง Beta Glucan (สารสกัดจากข้าวโอ๊ต) ในปริมาณ 0.1-1% ก็เป็นประโยชน์ได้ แม้ว่าอาจจะเหมาะกับผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้ามากกว่าเนื่องจากราคาสูงกว่า
ระบบ Emulsifier และสารเพิ่มความข้น
คุณควรเลือกใช้ระบบ Emulsifier และสารเพิ่มความข้น เพียงระบบเดียว ไม่ควรใช้ Light Cream Maker™ ร่วมกับ Cetyl Alcohol และ Glyceryl Stearate SE ตามที่คุณเสนอ
- ทางเลือกที่ 1: Light Cream Maker™ (แนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญ): ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้ Light Cream Maker™ ในปริมาณ 1.5-2% เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์ต้นแบบ Light Cream Maker™ เป็น Emulsifier และสารเพิ่มความข้นที่ทำงานแบบ Cold Process ซึ่งใช้งานง่าย หากสูตรของคุณมีอิเล็กโทรไลต์ (เช่น Aloe Vera Extract หรือ Natural Moisturizing Amino Acids) คุณอาจต้องใช้ปริมาณที่สูงขึ้นเล็กน้อยในช่วงนี้ (1.5-2%) หรือมากกว่า เพื่อให้ได้ความหนืดที่ต้องการ เนื่องจากอิเล็กโทรไลต์อาจลดความหนืดของ Light Cream Maker™ ได้ สามารถรองรับปริมาณน้ำมันได้ถึง 20% และอาจมากกว่านั้นหากมีการปรับสูตรอย่างระมัดระวัง
- ทางเลือกที่ 2: Cetyl Alcohol + Glyceryl Stearate SE: ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าปริมาณ 1% ของแต่ละตัวไม่เพียงพอสำหรับครีมเนื้อเข้มข้น หากเลือกใช้ระบบนี้ คุณจะต้องใช้ปริมาณที่สูงขึ้นของทั้งสองส่วนผสม และต้องใช้วิธีการผสมแบบ Hot Process โดยต้องหลอมส่วนผสมทั้งสองในส่วนของน้ำมัน
การใช้ Light Cream Maker™ จะง่ายกว่าเนื่องจากไม่ต้องใช้ความร้อน และผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าอาจให้เนื้อสัมผัสที่ใกล้เคียงกับครีม L'occitane มากกว่า
สรุปการปรับเปลี่ยนที่แนะนำ
เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสและประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกับที่ต้องการ โดยอิงจากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ:
- เพิ่ม Vitamin B3 เป็น 4%
- เพิ่ม Vitamin E (dl-alpha tocopherol) ประมาณ 1%
- เลือกใช้ Light Cream Maker™ ในปริมาณ 1.5-2% (ปรับตามความหนืดที่ต้องการและปริมาณอิเล็กโทรไลต์) หรือใช้ Cetyl Alcohol + Glyceryl Stearate SE ในปริมาณที่สูงกว่า 1% ของแต่ละตัว (ซึ่งต้องใช้วิธีผสมแบบใช้ความร้อน)
- พิจารณาเพิ่ม Shea Butter หากต้องการเนื้อที่หนักขึ้น โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่า Emulsifier ที่เลือกใช้สามารถรองรับปริมาณน้ำมันได้
- พิจารณาเพิ่ม MOIST72™ (2-5%) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้ความชุ่มชื้น
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบสารกันเสีย (เช่น Propylene Glycol + สารกันเสียอื่นๆ) มีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับทั้งสูตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีสารสกัดจากธรรมชาติ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Aloe Vera Extract (อัตราสกัด 10:1 FullAssay™)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Shea Butter (Refined , Deodorised)

NaturalProfile™ Sweet Almond Oil (Cold-Pressed)

Vitamin E (dl-alpha tocopherol)

Light Cream Maker™

Urea (High Purity, Cosmetics, Powder)

Cetyl Alcohol

Natural Moisturizing Amino Acids (e.q. Prodew 400)

MOIST72™
