ข้อเสนอแนะการปรับปรุงสูตรและขั้นตอนการผสม

ขอบคุณสำหรับสูตรและคำถามที่คุณเสนอมาค่ะ จากส่วนผสมที่คุณแจ้งและข้อเสนอแนะก่อนหน้านี้ มีประเด็นที่คุณควรทราบเกี่ยวกับสูตรนี้ค่ะ

ตามที่ทีมงานได้แจ้งไป ความท้าทายหลักของสูตรนี้คือ ความเสถียรของวิตามินซี (แอล-แอสคอร์บิก แอซิด) โดยเฉพาะที่ความเข้มข้นสูงถึง 15% ในเนื้อครีม วิตามินซีชนิดนี้เสื่อมสภาพได้ง่ายมากเมื่อสัมผัสกับน้ำ แสง และอากาศ ทำให้ประสิทธิภาพลดลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังต้องการค่า pH ที่ต่ำมาก (โดยทั่วไปคือ 2.5-3.5) เพื่อให้มีประสิทธิภาพและคงตัว ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ได้และคงไว้ในสูตรครีมที่มีส่วนผสมซับซ้อน และอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ค่ะ

แม้ว่าการทำสูตรครีมที่มีแอล-แอสคอร์บิก แอซิด จะมีความท้าทาย แต่เรามีขั้นตอนการผสมที่แนะนำสำหรับสูตรที่คุณเสนอมา โดยคำนึงถึงประเด็นเรื่องความเสถียรด้วยค่ะ

ขั้นตอนการผสมที่แนะนำ (สำหรับสูตรที่ 2)

1. เตรียมส่วนน้ำ:

   • รวมน้ำกลั่น, ทราเนซามิก แอซิด, และ เลมอน พีล ไบโอเฟอร์เมนต์ เข้าด้วยกัน คนให้ผงละลาย
   • ในภาชนะเล็กๆ แยกต่างหาก ละลาย กรดเฟอรูลิก ใน เอทอกซีไดไกลคอล เมื่อละลายแล้ว ให้เทส่วนผสมนี้ลงในส่วนน้ำหลักและคนให้เข้ากัน
   • พยายามละลายผง วิตามินซี (แอล-แอสคอร์บิก แอซิด) อัลตร้า-ไฟน์ 15% ลงในส่วนน้ำนี้ ซึ่งจะทำได้ยากเนื่องจากละลายน้ำได้น้อย โดยเฉพาะที่ความเข้มข้นสูง คุณอาจต้องอุ่นส่วนผสมเบาๆ (ต่ำกว่า 40°C) หรือใช้เครื่องกวนแม่เหล็กไฟฟ้าหากมี หมายเหตุ: การละลายให้หมดและคงความเสถียรที่ความเข้มข้น 15% ในเนื้อครีมนี้เป็นความท้าทายหลักค่ะ

2. เตรียมส่วนน้ำมัน:

   • รวม น้ำมันอะโวคาโด (Refined) และ ซอฟท์ ครีม เมคเกอร์ ในภาชนะที่ทนความร้อน อุ่นเบาๆ ที่อุณหภูมิประมาณ 70°C คนจน ซอฟท์ ครีม เมคเกอร์ ละลายเข้ากับน้ำมันจนหมด
   • นำออกจากความร้อนและปล่อยให้เย็นลงเล็กน้อย
   • เติม วิตามินอี (ดีแอล-อัลฟ่า โทโคฟีรอล) และ น้ำมันมะนาว ลงในส่วนน้ำมัน พิจารณาลดปริมาณวิตามินอีลงเหลือ 0.5-1% เพื่อลดความเหนอะหนะ
   • เติม ซิม-ไวท์ (ฟีนิลเอทิล รีซอร์ซินอล) ลงในส่วนน้ำมันและคนจนละลาย ซิม-ไวท์ ละลายได้ดีในน้ำมัน จึงควรอยู่ในส่วนน้ำมันก่อนการผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน

3. รวมส่วนผสม:

   • เมื่อส่วนน้ำและส่วนน้ำมันมีอุณหภูมิใกล้เคียงกัน (ประมาณ 70°C หรือตามคำแนะนำเฉพาะของ ซอฟท์ ครีม เมคเกอร์ หากแตกต่าง) ค่อยๆ เทส่วนน้ำมันลงในส่วนน้ำ พร้อมกับคนหรือใช้เครื่องโฮโมจีไนเซอร์อย่างต่อเนื่อง
   • คนต่อไปจนได้เนื้อครีมที่เข้ากันดี

4. เติมสารกันเสีย:

   • ปล่อยให้เนื้อครีมเย็นลงจนอุณหภูมิต่ำกว่า 40°C
   • เติม ฟีน็อกซีเอทานอล เอสเอ (ออพติเฟน พลัส) และคนให้กระจายตัวทั่วถึง

5. ปรับค่า pH (สำคัญมากสำหรับแอล-แอสคอร์บิก แอซิด):

   • วัดค่า pH ของเนื้อครีมที่ได้ สำหรับ วิตามินซี (แอล-แอสคอร์บิก แอซิด) ที่มีประสิทธิภาพและคงตัว ค่า pH ควรอยู่ในช่วง 2.5 ถึง 3.5
   • หากค่า pH สูงกว่านี้ คุณจะต้องค่อยๆ ปรับลดลงโดยใช้สารละลายกรดเจือจาง (เช่น สารละลายกรดซิตริก) อย่างไรก็ตาม การปรับค่า pH ของเนื้อครีมให้ต่ำขนาดนี้เป็นเรื่องยากมาก และอาจทำให้เนื้อครีมแยกชั้นหรือส่งผลต่อความเสถียรของส่วนผสมอื่นๆ และอาจระคายเคืองต่อผิวได้

การละลายของแอล-แอสคอร์บิก แอซิด

ดังที่กล่าวไป แอล-แอสคอร์บิก แอซิด ไม่ละลายน้ำได้ง่ายนัก โดยเฉพาะที่ความเข้มข้นสูง ในสูตรเซรั่มวิตามินซีที่คงตัว (เช่น สูตร วิตามินซี อี เฟอรูลิก) จะใช้ตัวทำละลายเฉพาะ (เช่น เอทอกซีไดไกลคอล หรือ โพรพิลีน ไกลคอล) และควบคุมค่า pH ให้ต่ำมากเพื่อช่วยในการละลายและคงตัว ในสูตรครีมของคุณมีการใช้ เอทอกซีไดไกลคอล สำหรับ กรดเฟอรูลิก ซึ่งอาจช่วยได้บ้าง แต่การละลาย วิตามินซี 15% ให้มีประสิทธิภาพและคงตัวในเนื้อครีมนี้เป็นความท้าทายหลักค่ะ

ข้อเสนอแนะการปรับปรุง/พิจารณา

• ความเสถียรของแอล-แอสคอร์บิก แอซิด: ปัญหาใหญ่ที่สุดยังคงเป็นความเสถียรของ วิตามินซี (แอล-แอสคอร์บิก แอซิด) 15% ในรูปแบบครีม มีโอกาสสูงที่วิตามินซีจะเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว ตามที่ทีมงานแนะนำ หากคุณต้องการสูตรครีมที่มีวิตามินซีที่คงตัว ควรพิจารณาใช้ อนุพันธ์วิตามินซีที่เสถียรกว่า (เช่น Ascorbyl Glucoside, Sodium Ascorbyl Phosphate, หรือ Ethyl Ascorbic Acid) อนุพันธ์เหล่านี้มีความเสถียรที่ค่า pH สูงกว่า ซึ่งเข้ากันได้ดีกับเนื้อครีม
• ปริมาณวิตามินอี: ลดปริมาณ วิตามินอี (ดีแอล-อัลฟ่า โทโคฟีรอล) ลงเหลือ 0.5-1% เพื่อให้เนื้อสัมผัสดีขึ้นและลดความเหนอะหนะ
• ลำดับการผสม: ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ซิม-ไวท์ ละลายในส่วนน้ำมัน และพยายามละลาย วิตามินซี ในส่วนน้ำ ก่อน การนำทั้งสองส่วนมารวมกัน

เนื่องจากความซับซ้อนและปัญหาความเสถียรของ วิตามินซี (แอล-แอสคอร์บิก แอซิด) 15% ในเนื้อครีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำสูตร การทำตามสูตรเซรั่มที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าคงตัว (เช่น สูตร วิตามินซี อี เฟอรูลิก) หรือการใช้อนุพันธ์วิตามินซีที่เสถียรในสูตรครีมของคุณ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จและความเสถียรของผลิตภัณฑ์ได้อย่างมากค่ะ