การพัฒนาสูตรครีมบำรุงผิวหน้าด้วยสารออกฤทธิ์หลายชนิด: ความเข้ากันได้และวิธีการทำ

ถามโดย: lung_jame เมื่อ: March 12, 2014 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ต้องการทำครีมบำรุงผิวหน้าโดยใช้ส่วนผสมดังนี้:

  • Salicylic Acid (BHA)
  • Azelaic Acid (Potassium Azeloyl Diglycinate)
  • Licorice Extract
  • Phenoxyethanol
  • Warp Cream Maker™
  • Glucosamine (N-acetyl-D)
  • Vitamin B3 (Niacinamide)
  • Copper Peptide (GHK-Cu, 1000ppm Solution)
  • น้ำหอม
  • สี

ขอคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องต่อไปนี้:

  1. Salicylic Acid เหมาะสมกับสูตรนี้หรือไม่ เมื่อใช้ร่วมกับส่วนผสมอื่นๆ
  2. ส่วนผสมอื่นๆ ที่เลือกมา สามารถใช้ร่วมกันในเบสครีมได้หรือไม่
  3. มีปริมาณการใช้ที่แนะนำสำหรับส่วนผสมเหล่านี้ในสูตรครีมบำรุงผิวหน้าอย่างไรบ้าง
  4. มีขั้นตอนการผสมที่ถูกต้องในการทำเนื้อครีมอย่างไร โดยเฉพาะการใช้ Warp Cream Maker™ และส่วนผสมที่ไม่ทนความร้อน
  5. ควรใส่น้ำหอมและสีในขั้นตอนใดของสูตร
  6. มีข้อควรพิจารณาเรื่องความเสถียร การเก็บรักษา และความเป็นไปได้ในการนำไปทำขายในอนาคตอย่างไรบ้าง

คำตอบ

การทำครีมบำรุงผิวหน้าด้วยส่วนผสมที่คุณเลือก

การปรับปรุงส่วนผสม

  • Salicylic Acid (BHA): ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ Salicylic Acid ไม่เหมาะกับสูตรนี้ เนื่องจากมีค่า pH ที่ต่ำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเสถียรและประสิทธิภาพของส่วนผสมอื่นๆ ในสูตรได้ จึงควรงดใช้ Salicylic Acid ในสูตรนี้ค่ะ
  • ส่วนผสมอื่นๆ: ส่วนผสมอื่นๆ ที่คุณเลือกมา เช่น Azelaic Acid (Potassium Azeloyl Diglycinate), Licorice Extract, Phenoxyethanol, Warp Cream Maker™ (โดยจะแนะนำเป็น Light Cream Maker™ ที่มีความเข้ากันได้ดี), Glucosamine (N-acetyl-D), Vitamin B3 (Niacinamide), และ Copper Peptide สามารถใช้ร่วมกันได้ในสูตรครีมบำรุงผิวหน้า แต่ต้องคำนึงถึงช่วง pH ที่เหมาะสมของแต่ละส่วนผสมเพื่อให้สูตรมีความเสถียรและมีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วง pH ที่เหมาะสมสำหรับส่วนผสมส่วนใหญ่ที่คุณเลือกจะอยู่ที่ประมาณ 4.5-6.5

ปริมาณการใช้ส่วนผสมที่แนะนำ

ปริมาณที่แนะนำเหล่านี้เป็นปริมาณทั่วไปสำหรับการเริ่มต้น คุณสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการและผลลัพธ์ที่ต้องการค่ะ

  • Azelaic Acid (Potassium Azeloyl Diglycinate) (เช่น Azela-Lip™): ใช้ประมาณ 0.1-2.0% ช่วยลดความมันและปัญหาสิวอุดตัน
  • Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble): ใช้ประมาณ 0.5-1.0% ช่วยลดการอักเสบและรอยแดง
  • Phenoxyethanol (เช่น Chlorphenesin / Phenoxyethanol): ใช้ประมาณ 0.6-1.0% ทำหน้าที่เป็นสารกันเสีย
  • Light Cream Maker™: ใช้ประมาณ 1-1.5% เพื่อสร้างเนื้อครีม ควรปรับปริมาณตามปริมาณส่วนผสมที่เป็นน้ำมันและเนื้อครีมที่ต้องการ
  • Glucosamine (N-acetyl-D) (เช่น GlucoBright™): ใช้ประมาณ 1-8% (แนะนำ 4% เมื่อใช้ร่วมกับ Niacinamide) ช่วยเรื่องผิวกระจ่างใสและกระตุ้นการสร้าง Hyaluronic Acid
  • Vitamin B3 (Niacinamide) (เช่น Extreme-B3™): ใช้ประมาณ 1-10% (แนะนำ 5%) ช่วยลดริ้วรอย จุดด่างดำ เสริมเกราะป้องกันผิว และควบคุมความมัน
  • Copper Peptide (GHK-Cu, 1000ppm Solution): ใช้ประมาณ 1-3% ช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิวและริ้วรอย

หมายเหตุ: ปริมาณส่วนผสมอื่นๆ (เช่น น้ำบริสุทธิ์, สารให้ความชุ่มชื้นอื่นๆ ถ้ามี) จะเป็นส่วนที่เหลือเพื่อให้ครบ 100% ของสูตร

วิธีการทำเนื้อครีม (โดยใช้ Light Cream Maker™)

Light Cream Maker™ เป็น Emulsifier ที่ใช้งานง่ายแบบ Cold Process (ไม่ต้องใช้ความร้อน) เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น

  1. เตรียมส่วนน้ำ (Water Phase): ชั่งน้ำบริสุทธิ์ และส่วนผสมที่ละลายน้ำได้และไม่ทนความร้อนสูงทั้งหมด (เช่น Glucosamine, Vitamin B3, Copper Peptide, Licorice Extract) รวมกันในภาชนะ คนหรือปั่นให้ละลายเข้ากันดี
  2. เตรียมส่วนน้ำมัน (Oil Phase): หากสูตรมีส่วนผสมที่เป็นน้ำมัน (เช่น น้ำมันบำรุงผิว) ให้ชั่งรวมกันในอีกภาชนะหนึ่ง
  3. ผสม Cream Maker: เติม Light Cream Maker™ ลงในส่วนน้ำมัน (ถ้ามี) หรือเติมลงในส่วนน้ำ (ถ้าไม่มีส่วนน้ำมัน) คนหรือปั่นให้กระจายตัว
  4. รวมส่วนผสม: ค่อยๆ เทส่วนน้ำ (ข้อ 1) ลงในส่วนที่มี Cream Maker (ข้อ 3) พร้อมกับคนหรือปั่นอย่างต่อเนื่อง เนื้อครีมจะเริ่มก่อตัวขึ้นภายใน 1-5 นาที ปั่นหรือคนต่อไปเพื่อให้เนื้อครีมเนียนสม่ำเสมอ
  5. เติมสารกันเสียและส่วนผสมอื่นๆ ที่ไม่ทนความร้อน/มีข้อจำกัด pH: เมื่อได้เนื้อครีมที่เนียนแล้ว และอุณหภูมิของครีมต่ำกว่า 40°C จึงค่อยๆ เติม Phenoxyethanol และส่วนผสมอื่นๆ ที่อาจมีข้อจำกัดเรื่องอุณหภูมิหรือ pH ที่แคบกว่า เช่น Azelaic Acid คนหรือปั่นเบาๆ ให้เข้ากัน
  6. ปรับ pH (ถ้าจำเป็น): ตรวจสอบค่า pH ของครีมสำเร็จรูป หากอยู่นอกช่วง 4.5-6.5 อาจต้องปรับด้วยสารปรับ pH ที่เหมาะสมสำหรับเครื่องสำอาง
  7. เติมสีและน้ำหอม (ถ้าต้องการ): เติมสีที่ละลายในน้ำหรือน้ำมันตามชนิดของสี และน้ำหอมที่ละลายในน้ำมัน (ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่) ในขั้นตอนนี้ คนหรือปั่นเบาๆ ให้เข้ากัน

ข้อควรระวัง: ไม่ควรปั่นด้วยความเร็วสูงเกิน 2500 รอบต่อนาที เพราะอาจทำให้โครงสร้างของ Cream Maker เสียหายได้

ระยะเวลาเห็นผล

ระยะเวลาเห็นผลขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่ใช้และความสม่ำเสมอในการใช้ โดยทั่วไป:

  • การให้ความชุ่มชื้น/ปรับสภาพผิว: อาจเห็นผลได้ภายในไม่กี่วันถึง 1-2 สัปดาห์
  • การลดรอยแดง/การอักเสบ (Licorice Extract, Azelaic Acid): อาจใช้เวลา 2-4 สัปดาห์
  • การลดจุดด่างดำ/ผิวกระจ่างใส (Vitamin B3, Glucosamine): อาจใช้เวลา 4-12 สัปดาห์ขึ้นไป
  • การลดริ้วรอย/รอยแผลเป็น (Copper Peptide, Vitamin B3): อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน

การใช้ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญในการเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ

การเก็บรักษา

  • ส่วนผสมแต่ละชนิด: ควรเก็บตามคำแนะนำบนฉลากของส่วนผสมนั้นๆ เช่น Copper Peptide และ Azelaic Acid บางชนิดอาจต้องเก็บในตู้เย็น
  • ครีมสำเร็จรูป: ควรเก็บในภาชนะที่ปิดสนิท หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อนสูง อุณหภูมิห้องปกติก็เพียงพอ แต่หากต้องการยืดอายุการใช้งานหรือส่วนผสมบางตัวต้องการอุณหภูมิต่ำ การเก็บในตู้เย็น (ช่องธรรมดา) ก็เป็นทางเลือกที่ดีค่ะ ควรใช้ให้หมดภายในระยะเวลาที่เหมาะสม (โดยทั่วไปประมาณ 6 เดือน - 1 ปี หากทำเองและใช้สารกันเสียในปริมาณที่เหมาะสม) การทำ Challenge Test เป็นสิ่งจำเป็นหากต้องการทำขาย

การใช้น้ำหอมและสี

  • น้ำหอม: ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ หากเป็นน้ำหอมที่ละลายในน้ำมัน ควรผสมในส่วนของน้ำมันก่อนนำไปรวมกับส่วนน้ำ หากเป็นน้ำหอมที่ละลายในน้ำได้ ให้เติมในขั้นตอนสุดท้ายพร้อมสารกันเสีย
  • สี: สามารถใช้สีสำหรับเครื่องสำอางโดยเฉพาะ ตรวจสอบชนิดของสีว่าละลายในน้ำหรือน้ำมัน และผสมตามประเภทของสีนั้นๆ สามารถดูตัวเลือกสีได้ในหมวดหมู่ "Other --> สี" บนเว็บไซต์

การทำเพื่อขาย

หากคุณต้องการพัฒนาสูตรเพื่อจำหน่ายในอนาคต มีข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมที่สำคัญมาก:

  • ความเสถียรของสูตร: ต้องทดสอบความเสถียรของสูตรในอุณหภูมิและสภาวะต่างๆ
  • ประสิทธิภาพของสารกันเสีย (Challenge Test): จำเป็นต้องส่งตรวจ Challenge Test เพื่อให้แน่ใจว่าสารกันเสียที่คุณใช้สามารถป้องกันการเจริญเติบโตของจุลชีพได้จริงตลอดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์
  • การขออนุญาต: การผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงการแจ้งจดหรือขออนุญาตกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

การเริ่มต้นทำใช้เองเป็นขั้นตอนที่ดีในการเรียนรู้ แต่การทำเพื่อขายต้องอาศัยความรู้และการทดสอบที่เข้มงวดมากขึ้นค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)
Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)
เครื่องสำอาง
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
เครื่องสำอาง
Light Cream Maker™
Light Cream Maker™
เครื่องสำอาง
Chlorphenesin / Phenoxyethanol (Microcare PHC eq.)
Chlorphenesin / Phenoxyethanol (Microcare PHC eq.)
เครื่องสำอาง
Extreme-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Highest Purity)
Extreme-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Highest Purity)
เครื่องสำอาง