คำแนะนำการทำครีมสำหรับฝ้าและผิวแห้งมาก

ขอบคุณสำหรับคำถามและสูตรที่คุณเสนอมาค่ะ จากคำถามของคุณและคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ นี่คือแนวทางที่ปรับปรุงแล้วและคำตอบสำหรับแต่ละข้อที่คุณถามค่ะ:

คำตอบสำหรับคำถามของคุณ:

1. ความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์แก้ฝ้า/ผิวขาว (ข้อ 1-5): รายการสารออกฤทธิ์ของคุณมีความเข้มข้นสูงค่ะ เจ้าหน้าที่แนะนำให้ใช้ Activated Resorcinol™ (1%), Tranexamic Acid (Trans-White™) (5%), Vitamin B3, Niacinamide (Safe-B3™) (3-5%), และ N-Acetyl-D Glucosamine (GlucoBright™) (4%) หากคุณใช้ Activated Resorcinol™ แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ Alpha Arbutin อีกค่ะ เจ้าหน้าที่ไม่แนะนำให้ใช้ Azelaic Acid (LIQUID AZELAIC™) ที่ความเข้มข้น 10% หากผิวของเพื่อนคุณแห้งมาก ระคายเคือง ลอก หรือแตก เนื่องจากเป็นสารผลัดเซลล์ผิวซึ่งอาจทำให้อาการแย่ลงได้ค่ะ

2. การแยกสูตรสารแก้ฝ้ากับสารให้ความชุ่มชื้น: สามารถรวมสารออกฤทธิ์แก้ฝ้า/ผิวขาวเข้ากับสารให้ความชุ่มชื้นในสูตรครีมเดียวได้ค่ะ ตามที่เจ้าหน้าที่ได้แนะนำในสูตรปรับปรุง อย่างไรก็ตาม รายการสารให้ความชุ่มชื้นเดิมของคุณมีจำนวนมากเกินไป และบางตัวอาจผสมเข้ากันได้ยากค่ะ

3. สารให้ความชุ่มชื้นสำหรับผิวแห้งมาก: เจ้าหน้าที่เห็นด้วยว่ารายการสารให้ความชุ่มชื้นเดิมของคุณมีจำนวนมากเกินไป สำหรับผิวที่แห้งมาก เจ้าหน้าที่แนะนำให้เน้นที่ Panthenol (Vitamin B5) ExtraLite™ (5%) และ MOIST72™ (2%) โดยแนะนำ MOIST72™ แทนการใช้ Urea และ PHA ร่วมกัน เนื่องจากผสมได้ง่ายกว่าค่ะ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังแนะนำให้เพิ่ม WaterLock™ (1-2%) เป็นทางเลือกเพื่อช่วยลดการสูญเสียน้ำจากผิวอีกชั้นหนึ่งค่ะ เจ้าหน้าที่ได้สอบถามเพิ่มเติมว่าผิวมีอาการลอก เป็นขุย หรือแตกหรือไม่ เนื่องจากข้อมูลนี้สำคัญต่อการเลือกใช้ส่วนผสมค่ะ

4. ปริมาณ Light Cream Maker™: เจ้าหน้าที่แนะนำว่าการใช้ Light Cream Maker™ ที่ 2-3% อาจทำให้เนื้อครีมข้นเกินไปสำหรับเนื้อครีมปกติ แนะนำให้ใช้ที่ 1-1.5% เพื่อให้ได้เนื้อครีมที่มีความข้นปกติ หากต้องการเนื้อครีมที่หนักขึ้น แนะนำให้พิจารณาใช้ Rich Cream Maker หรือ Luxury Cream Maker แทนค่ะ

5. การปรับค่า pH: แม้ว่าจะไม่จำเป็นสำหรับส่วนผสมทั้งหมด แต่การปรับค่า pH ของครีมสำเร็จรูปเป็นสิ่งที่ดีโดยทั่วไปเพื่อให้แน่ใจว่าสารออกฤทธิ์และระบบกันเสียมีความเสถียรและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สูตรเดิมของคุณที่ใช้ Urea ร่วมกับ Natural PHA จำเป็นต้องมีการปรับค่า pH อย่างระมัดระวัง (ให้อยู่ในช่วง pH ประมาณ 4.5-5.5) และต้องใช้เครื่องวัด pH อย่างแม่นยำ แม้ว่า MOIST72™ จะถูกแนะนำให้ใช้แทนเพื่อให้ผสมง่ายขึ้น แต่ก็ยังคงแนะนำให้ตรวจสอบและปรับค่า pH สุดท้ายของผลิตภัณฑ์ค่ะ

6. ปริมาณ Vitamin B3, Niacinamide (Safe-B3™): ความเข้มข้นที่แนะนำ 3-5% สำหรับ Vitamin B3, Niacinamide (Safe-B3™) เหมาะสมและสอดคล้องกับคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ค่ะ

สูตรปรับปรุงที่เจ้าหน้าที่แนะนำ (ตัวอย่าง):

จากคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ นี่คือสูตรที่ปรับปรุงให้ง่ายขึ้นสำหรับผิวแห้งมากที่ต้องการดูแลปัญหาฝ้าและปรับผิวขาว:

• Activated Resorcinol™ (4-butyl Resorcinol): 1%
• Tranexamic Acid (Trans-White™): 5%
• Vitamin B3, Niacinamide (Safe-B3™): 3-5%
• N-Acetyl-D Glucosamine (GlucoBright™): 4%
• Panthenol (Vitamin B5) ExtraLite™: 5%
• MOIST72™: 2%
• (ทางเลือก) WaterLock™: 1-2%
• LipidSoft™: 5%
• Light Cream Maker™: 1-1.5% (ปรับตามเนื้อครีมที่ต้องการ)
• (สารกันเสีย) Phenoxyethanol: 1% (หรือ Mild Preserved™ (Ethylhexylglycerin) 1% หากผิวแพ้ง่าย)
• Disodium EDTA: 0.2%
• น้ำ: ส่วนที่เหลือ

โปรดจำไว้ว่าการทำสูตรเครื่องสำอางต้องใช้การวัดที่แม่นยำ ขั้นตอนการผสมที่ถูกต้อง และมักจะต้องมีการทดสอบความเสถียรและความเข้ากันได้เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์สุดท้ายปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และคงตัวค่ะ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้งานสำหรับวัตถุดิบแต่ละชนิดเสมอค่ะ