การพัฒนาสูตรครีมเนื้อสมัยใหม่: เนื้อสัมผัสเจลลี่วิปพร้อมสารออกฤทธิ์สูง

ถามโดย: fern.19092543 เมื่อ: July 28, 2025 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

อยากสร้างเนื้อครีมแบบสมัยใหม่ ที่มีส่วนผสมของ Shea Butter โดยไม่ต้องการให้ผิวเหนอะหนะเวลาทา, ไม่เป็นคราบขาว, และซึมซาบเร็ว เนื้อครีมที่ต้องการคือสไตล์ครีมกึ่งเจลลี่ดึ๋งๆ เหมือนโยเกิร์ต เนื้อไม่หนัก เบาสบายผิว แต่ยังคงดูแน่นสวยฟูแบบวิปครีม ทาแล้วลื่น และสารสกัดสามารถเข้าสู่ผิวได้ดี ซึมไวค่ะ

การทำเนื้อครีมแบบนี้ต้องผสมผสานระหว่างเฟสน้ำ เฟสน้ำมัน และมีเจลรวมด้วย ดิฉันมีข้อสงสัยดังนี้ค่ะ:

  • ควรเลือกสารสร้างเนื้อเจลตัวไหนดีคะ? เช่น Carbomer สามารถใช้ได้ไหมคะ?
  • สามารถเข้ากับค่า pH ของสารออกฤทธิ์ได้ไหมคะ? โดยเฉพาะเมื่อมีส่วนผสมของ Vitamin C (Ascorbic Acid), Niacinamide, Kojic Acid, Alpha Arbutin, Tranexamic Acid และมีสารปลอบประโลมเล็กน้อยกับสารสกัดธรรมชาติ Mulberry Extract เพียงตัวเดียว
  • ต้องใช้น้ำและน้ำมันในปริมาณเท่าไหร่เป็นเปอร์เซ็นต์ เพื่อให้ได้เนื้อครีมในลักษณะที่ต้องการนี้ โดยเฉพาะเมื่อใส่สารออกฤทธิ์แบบเต็มที่เต็มโดสเลยค่ะ

จะสามารถทำได้อย่างไรบ้างคะ?

คำตอบ

การสร้างเนื้อครีมแบบสมัยใหม่ที่มีส่วนผสมของ Shea Butter โดยให้เนื้อสัมผัสเบาสบาย ไม่เหนอะหนะ ซึมไว ไม่เป็นคราบขาว และมีลักษณะคล้ายครีมกึ่งเจลลี่หรือวิปครีมนั้น สามารถทำได้โดยการเลือกใช้สารสร้างเนื้อเจล (gelling agent) ที่เหมาะสม และปรับสัดส่วนของเฟสน้ำและเฟสน้ำมันให้ลงตัวค่ะ

การเลือกสารสร้างเนื้อเจล (Gelling Agent)

สำหรับสูตรที่มีสารออกฤทธิ์เข้มข้นสูง เช่น Vitamin C (Ascorbic Acid) ซึ่งมักจะต้องการค่า pH ที่เป็นกรด (ประมาณ 3.5) รวมถึง Niacinamide, Kojic Acid, Alpha Arbutin, Tranexamic Acid และสารสกัดธรรมชาติอย่าง Mulberry Extract ซึ่งบางชนิดอาจเป็นอิเล็กโทรไลต์ (electrolyte) หรือมีผลต่อค่า pH ของสูตร การเลือกสารสร้างเนื้อเจลจึงเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ

  • Carbomer: โดยทั่วไปแล้ว Carbomer 940 ไม่แนะนำสำหรับสูตรที่มีอิเล็กโทรไลต์สูงหรือค่า pH ต่ำกว่า 5 เพราะจะทำให้เนื้อเจลไม่ขึ้นหรือเหลวได้ อย่างไรก็ตาม Carbomer U21 มีความทนทานต่อ pH ที่กว้างขึ้น (pH 5-11) แต่ก็ยังอาจไม่เหมาะกับ Vitamin C ที่ต้องการ pH ต่ำมาก และความทนทานต่ออิเล็กโทรไลต์ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควรค่ะ

  • สารสร้างเนื้อเจลที่แนะนำเป็นพิเศษ:

    • AnyGel™: เป็นสารสร้างเนื้อเจลที่โดดเด่นมากสำหรับความต้องการของคุณค่ะ AnyGel™ มีคุณสมบัติพิเศษคือ ทนทานต่อกรด ด่าง และอิเล็กโทรไลต์ได้ดีเยี่ยม ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสูตรที่มีสารออกฤทธิ์หลากหลายและเข้มข้น นอกจากนี้ เนื้อเจลที่ได้จาก AnyGel™ ยังมีสัมผัสที่ไม่เหนอะหนะ ซึมซาบเร็ว และแห้งไปกับผิวได้ทันที ซึ่งตรงกับความต้องการของคุณที่อยากได้เนื้อครีมที่ไม่เหนียวเหนอะหนะและซึมไวค่ะ
    • Sepimax Zen: เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีเยี่ยมค่ะ Sepimax Zen เป็นสารสร้างเนื้อเจลที่ ทนทานต่อเกลือและค่า pH ได้สูง สามารถช่วยสร้างเนื้อเจลในส่วนของเฟสน้ำได้ดี และยังทำหน้าที่เป็นสารช่วยคงสภาพอิมัลชันได้ด้วยค่ะ
  • สำหรับเนื้อสัมผัสแบบพุดดิ้ง/วิปครีม:

    • Pro Polymer™ (Gel Maker): สามารถสร้างเนื้อครีมที่มีลักษณะคล้ายพุดดิ้งได้เมื่อใช้ในปริมาณที่สูง (มากกว่า 3%) และมีความทนทานต่ออิเล็กโทรไลต์ได้ดี อย่างไรก็ตาม อาจมีสัมผัสเหนอะหนะเล็กน้อยในช่วง 30 วินาทีแรกของการทา ก่อนที่จะเคลือบผิวบางๆ และแห้งไปค่ะ หากต้องการเนื้อสัมผัสแบบวิปครีมที่ฟูเบา อาจต้องพิจารณาเทคนิคการผสมเพิ่มเติม เช่น การตีด้วยความเร็วสูงหลังจากการขึ้นเนื้อแล้ว
  • สารช่วยลดความเหนอะหนะ:

    • WaterSil™ 8/12 (Water Gel Detackifier): หากต้องการลดความเหนอะหนะในเจลน้ำใสให้ดียิ่งขึ้น WaterSil™ 8/12 สามารถช่วยลดความเหนอะหนะในเจลน้ำได้ดี ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่มลื่นและซึมซาบเร็วขึ้นค่ะ

สัดส่วนของเฟสน้ำและเฟสน้ำมัน

การสร้างเนื้อครีมกึ่งเจลลี่ที่เบาสบายผิวแต่มีส่วนผสมของ Shea Butter และสารออกฤทธิ์เข้มข้น แนะนำสัดส่วนดังนี้ค่ะ:

  • เฟสน้ำ (Water Phase): ควรเป็นสัดส่วนหลักของสูตร อยู่ที่ประมาณ 70-85% หรือมากกว่า เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่เบา ซึมไว และไม่เหนอะหนะ เฟสน้ำนี้จะเป็นส่วนที่ใช้สารสร้างเนื้อเจลและสารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำได้
  • เฟสน้ำมัน (Oil Phase): สำหรับ Shea Butter และน้ำมันอื่นๆ เพื่อให้ได้เนื้อครีมที่เบาสบายและไม่เหนียวเหนอะหนะ ควรควบคุมสัดส่วนของเฟสน้ำมันให้อยู่ที่ประมาณ 5-15% ค่ะ การใช้ Shea Butter ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยบำรุงผิวโดยไม่ทำให้รู้สึกหนักหรือเหนอะหนะ หากต้องการความรู้สึกที่เบาเป็นพิเศษ อาจพิจารณาใช้น้ำมันที่ซึมซาบเร็วและไม่หนักผิวร่วมด้วย

การทำเนื้อครีมสไตล์ครีมกึ่งเจลลี่ดึ๋งๆดูเหมือนโยเกิร์ต เนื้อไม่หนัก เบาสบายผิว แต่เนื้อมองดูก็แน่นสวยฟูแบบวิปครีม

  1. เลือกสารสร้างเนื้อเจลที่เหมาะสม: เน้น AnyGel™ หรือ Sepimax Zen เป็นหลัก เนื่องจากทนทานต่อสารออกฤทธิ์และค่า pH ที่หลากหลาย
  2. การขึ้นเนื้อ:
    • เฟสน้ำ: ผสมสารสร้างเนื้อเจลในเฟสน้ำตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์ (เช่น AnyGel™ ผสมในน้ำแล้วปั่น/คนจนขึ้นเจล)
    • เฟสน้ำมัน: หลอม Shea Butter และผสมกับน้ำมันอื่นๆ รวมถึงสารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำมัน
    • การรวมเฟส: ค่อยๆ เติมเฟสน้ำมันลงในเฟสน้ำที่ขึ้นเจลแล้ว พร้อมกับปั่นหรือคนด้วยความเร็วปานกลางจนเกิดเป็นเนื้อครีมที่เข้ากันดี
  3. การปรับเนื้อสัมผัส:
    • ความฟูแบบวิปครีม: หลังจากที่เนื้อครีมขึ้นแล้ว หากต้องการความฟูเบาแบบวิปครีม อาจลองปั่นด้วยความเร็วสูงขึ้นอีกเล็กน้อยในช่วงสั้นๆ เพื่อตีอากาศเข้าไปในเนื้อครีม แต่ระวังอย่าปั่นนานเกินไปจนเนื้อแตกหรือเหลว
    • ลดความเหนอะหนะ: หากยังรู้สึกเหนอะหนะ สามารถเติม WaterSil™ 8/12 ในเฟสน้ำได้ตั้งแต่ต้น เพื่อช่วยให้เนื้อเจลที่ได้มีสัมผัสที่ลื่นและไม่เหนียวเหนอะหนะ
  4. การเติมสารออกฤทธิ์:
    • สารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำ: เช่น Niacinamide, Tranexamic Acid, Mulberry Extract สามารถเติมในเฟสน้ำได้
    • สารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำมัน: เช่น Kojic Acid (บางรูปแบบ), Alpha Arbutin (บางรูปแบบ) สามารถเติมในเฟสน้ำมันได้
    • Vitamin C (Ascorbic Acid): เนื่องจากต้องการ pH ที่เป็นกรดมาก ควรเติมในเฟสน้ำหลังจากที่สารสร้างเนื้อเจลขึ้นเนื้อแล้ว และปรับ pH ของสูตรให้เหมาะสมกับ Vitamin C โดยเฉพาะ โดยเลือกใช้สารสร้างเนื้อเจลที่ทนทานต่อ pH ต่ำได้ดี เช่น AnyGel™

การทดลองปรับสัดส่วนของสารสร้างเนื้อเจลและเฟสน้ำมัน รวมถึงเทคนิคการผสม จะช่วยให้คุณได้เนื้อครีมในแบบที่คุณต้องการได้อย่างแม่นยำที่สุดค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Pro Polymer™ (Gel Maker)
Pro Polymer™ (Gel Maker)
เครื่องสำอาง
Carbomer 940 (EasyDisperse™, France)
Carbomer 940 (EasyDisperse™, France)
เครื่องสำอาง
AnyGel™
AnyGel™
เครื่องสำอาง
Sepimax Zen
Sepimax Zen
เครื่องสำอาง
WaterSil™ 8/12 (Water Gel Detackifier)
WaterSil™ 8/12 (Water Gel Detackifier)
เครื่องสำอาง