การพัฒนาสูตรครีม Anti-Aging: ค่า pH, ปริมาณสารออกฤทธิ์, ปริมาณน้ำ และความคงตัว

ถามโดย: piyada.benz2521 เมื่อ: November 16, 2017 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

กำลังพัฒนาสูตรครีมบำรุงผิวหน้าสำหรับลดเลือนริ้วรอย (anti-aging) โดยใช้สารออกฤทธิ์หลายชนิด มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำสูตรดังนี้ค่ะ:

  1. ค่า pH ควรวัดได้ที่ pH 4.0-7.0 หลังทำครีมเสร็จแล้วใช่หรือไม่?
  2. ปริมาณสาร active ละลายในน้ำ รวมกันแล้วจะต้องไม่ควรเกินกี่%คะ?
  3. ปริมาณน้ำ Distilled Water ที่ต้องใช้ในสูตรครีมต้องใช้อย่างน้อยกี่%คะ?
  4. ใช้เครื่องตวง Digital สำหรับทำ bakery มาชั่งส่วนผสมเครื่องสำอางได้มั้ยคะ?

สูตรที่ใช้มีปริมาณสารออกฤทธิ์รวมค่อนข้างสูง ต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและการปรับสูตรค่ะ

คำตอบ

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณสำหรับสูตรครีม anti-aging ที่แชร์มานะคะ ดิฉันได้ตรวจสอบส่วนผสมต่างๆ ในสูตรเบื้องต้นแล้วค่ะ สูตรนี้มีส่วนผสมของสารออกฤทธิ์ (active ingredients) จำนวนมาก ซึ่งมีประโยชน์ต่อผิวในหลายด้าน ทั้งการลดเลือนริ้วรอย เพิ่มความกระจ่างใส และให้ความชุ่มชื้นค่ะ

อย่างไรก็ตาม การผสมสารออกฤทธิ์หลายชนิดในความเข้มข้นสูงเช่นนี้ อาจมีความท้าทายในเรื่องความเข้ากันได้ของส่วนผสม (compatibility) ความคงตัวของสูตร (stability) และอาจเพิ่มโอกาสในการระคายเคืองผิวได้ค่ะ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย

ดิฉันขอตอบคำถามที่คุณลูกค้าสอบถามมาก่อนนะคะ

คำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำสูตรครีมบำรุงหน้า

  1. ค่า pH ควรวัดได้ที่ pH 4.0-7.0 หลังทำครีมเสร็จแล้ว?
    ค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าโดยทั่วไปจะอยู่ในช่วง 4.0-7.0 ค่ะ อย่างไรก็ตาม สำหรับสูตรที่มีสารออกฤทธิ์หลายชนิด การควบคุม pH ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับสารแต่ละตัวเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้สารออกฤทธิ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคงตัว จากส่วนผสมในสูตรของคุณลูกค้า ค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับสารออกฤทธิ์ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงประมาณ 4-6 ค่ะ ดังนั้น การตั้งเป้า pH ในช่วง 4.0-6.0 อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเพื่อให้สารออกฤทธิ์ทำงานได้เต็มที่และลดโอกาสการระคายเคืองที่อาจเกิดจาก pH ที่สูงหรือต่ำเกินไปค่ะ

  2. ปริมาณสาร active ละลายในน้ำ รวมกันแล้วจะต้องไม่ควรเกินกี่%คะ?
    ไม่มีข้อกำหนดตายตัวว่าปริมาณสาร active ที่ละลายในน้ำรวมกันแล้วจะต้องไม่เกินกี่เปอร์เซ็นต์ค่ะ แต่การใช้สารออกฤทธิ์ในความเข้มข้นสูงเกินไป (เช่น 41% ในสูตรส่วนที่ 1 ของคุณลูกค้า) อาจทำให้สูตรไม่คงตัว แยกชั้น หรือทำให้เนื้อสัมผัสไม่ดี นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงในการระคายเคืองผิวอย่างมากค่ะ โดยทั่วไปแล้วในสูตรเครื่องสำอาง ปริมาณสารออกฤทธิ์รวมมักจะอยู่ในช่วงที่ต่ำกว่านี้มาก การใช้สารออกฤทธิ์หลายชนิดร่วมกันควรพิจารณาถึงความเข้มข้นที่แนะนำสำหรับสารแต่ละตัว และผลรวมเมื่อใช้ร่วมกันค่ะ

  3. ปริมาณน้ำ Distilled Water ที่ต้องใช้ในสูตรครีมต้องใช้อย่างน้อยกี่%คะ?
    ไม่มีปริมาณขั้นต่ำที่ตายตัวสำหรับน้ำกลั่นในสูตรครีมค่ะ ปริมาณน้ำที่ต้องใช้ขึ้นอยู่กับปริมาณรวมของส่วนผสมอื่นๆ ในสูตร และประเภทของเนื้อครีมที่ต้องการ (เช่น เนื้อหนักหรือเนื้อเบา) น้ำเป็นส่วนประกอบหลักของวัฏภาคที่เป็นน้ำ (water phase) ซึ่งจำเป็นต่อการละลายสารที่ละลายน้ำได้และการสร้างอิมัลชันค่ะ สิ่งสำคัญคือควรใช้น้ำกลั่น (Distilled Water) หรือน้ำ Deionized Water ที่มีความบริสุทธิ์สูง เพื่อป้องกันไอออนในน้ำประปาไปรบกวนความคงตัวของสูตรค่ะ

  4. ใช้เครื่องตวง Digital สำหรับทำ bakery ได้มั้ยคะ?
    สามารถใช้เครื่องชั่งดิจิทัลสำหรับทำเบเกอรี่ได้ค่ะ แต่ควรเลือกเครื่องชั่งที่มีความละเอียดเพียงพอสำหรับการชั่งส่วนผสมเครื่องสำอาง ซึ่งมักใช้ในปริมาณน้อยๆ โดยเฉพาะสารออกฤทธิ์ที่ใช้ในอัตราส่วนต่ำๆ แนะนำให้ใช้เครื่องชั่งที่สามารถวัดได้ละเอียดถึงทศนิยม 2 ตำแหน่ง (0.01 กรัม) เพื่อให้ได้ปริมาณส่วนผสมที่แม่นยำค่ะ

การประเมินและปรับสูตร

สูตรที่คุณลูกค้าให้มามีส่วนผสมที่ดีหลายชนิดที่มีคุณสมบัติ anti-aging และช่วยเรื่องความกระจ่างใสค่ะ อย่างไรก็ตาม ด้วยปริมาณสารออกฤทธิ์ที่รวมกันค่อนข้างสูง (ประมาณ 66% ของสูตร) อาจทำให้เกิดปัญหาดังที่กล่าวไปข้างต้นได้ค่ะ

หากต้องการปรับสูตรโดยเน้น Centella Asiatica Extract (Madecassoside) และยังคงคุณสมบัติ anti-aging และ brightening ดิฉันขอแนะนำให้พิจารณาปรับลดปริมาณสารออกฤทธิ์บางชนิดลง และเลือกใช้สารออกฤทธิ์ที่มีคุณสมบัติเสริมกัน เพื่อให้สูตรมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และคงตัวมากขึ้นค่ะ

ข้อเสนอแนะในการปรับสูตร (ตัวอย่าง):

  • ลดปริมาณสารออกฤทธิ์รวม: พิจารณาเลือกใช้สารออกฤทธิ์หลักๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณลูกค้าจริงๆ และลดปริมาณสารอื่นๆ ที่อาจมีคุณสมบัติซ้ำซ้อนกัน หรือใช้ในปริมาณที่ต่ำลงตามช่วงที่แนะนำของแต่ละสาร
  • ตรวจสอบความเข้ากันได้และ pH: สารออกฤทธิ์บางชนิดมีช่วง pH ที่ทำงานได้ดีแตกต่างกัน การรวมสารหลายชนิดอาจทำให้ยากต่อการควบคุม pH ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับทุกตัว ควรตรวจสอบข้อมูลของสารแต่ละชนิดและปรับ pH ของสูตรให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสารออกฤทธิ์หลักที่ต้องการเน้นค่ะ
  • ขั้นตอนการผสม: สารออกฤทธิ์บางชนิด เช่น Resveratrol และ Oxyresveratrol เป็นผงที่ต้องละลายในตัวทำละลายเฉพาะก่อนนำไปผสมในสูตรน้ำ ควรปรับขั้นตอนการผสมให้ถูกต้องตามคำแนะนำของสารแต่ละชนิด นอกจากนี้ Coenzyme Q10 และ Full & Lift เป็นสารที่ละลายในน้ำมันและอาจต้องใช้ความร้อนในการละลาย ควรปรับขั้นตอนการผสมวัฏภาคน้ำมันให้เหมาะสมกับการละลายสารเหล่านี้ค่ะ
  • ระบบกันเสีย: Phenoxyethanol SA (Optiphen Plus) ที่ใช้ 0.5% อาจไม่เพียงพอสำหรับการป้องกันเชื้อในสูตรที่มีส่วนผสมหลากหลายและอยู่ในบรรจุภัณฑ์แบบกระปุก (ซึ่งมีการเปิด-ปิดบ่อย) แนะนำให้เพิ่มปริมาณเป็น 1.0-1.25% หรือพิจารณาระบบกันเสียอื่นๆ ที่เหมาะสม และ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการทดสอบ Challenge Test เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของระบบกันเสียในสูตรสำเร็จรูปค่ะ
  • สูตร Night Cream: การเปลี่ยนน้ำเป็น Rose Water และเพิ่ม Evening Primrose Oil สามารถทำได้ค่ะ แต่ต้องคำนวณปริมาณวัฏภาคน้ำและน้ำมันใหม่ และตรวจสอบว่าปริมาณวัฏภาคน้ำมันรวมยังอยู่ในช่วงที่ Satin Cream Maker สามารถทำอิมัลชันได้ (ไม่เกิน 25%)

ตัวอย่างการปรับสูตร (เพื่อลดความซับซ้อนและปริมาณ Active รวม):

หากเน้น Centella Asiatica Extract (Madecassoside) เป็นหลัก อาจพิจารณาสูตรที่เรียบง่ายขึ้น เช่น:

  • Centella Asiatica Extract (Madecassoside): 1-2% (ตามที่คุณลูกค้าต้องการ)
  • สารออกฤทธิ์ Anti-aging/Brightening อื่นๆ ที่เสริมฤทธิ์กันและเข้ากันได้ดี (เลือก 2-3 ชนิด): เช่น Safe-B3™ (Niacinamide) 3-5%, Acetyl Hexapeptide-8 (Argireline) 3-5%, หรือ Tranexamic Acid 3%
  • สารให้ความชุ่มชื้น/ลดการระคายเคือง: Allantoin 0.5%, น้ำมันบำรุงผิว (เช่น Argan Oil, Rose Hip Oil, Avocado Oil) รวม 5-10%
  • Cream Maker: Satin Cream Maker 1-2% (ปรับตามปริมาณน้ำมันที่ใช้)
  • สารกันเสีย: Phenoxyethanol SA (Optiphen Plus) 1.0-1.25%
  • Disodium EDTA: 0.2%
  • น้ำกลั่น หรือ Rose Water (สำหรับ Night Cream): ส่วนที่เหลือ

สูตรนี้เป็นเพียงตัวอย่างแนวทางในการปรับลดความซับซ้อนและปริมาณสารออกฤทธิ์รวมค่ะ การปรับสูตรจริงควรพิจารณาจากผลลัพธ์ที่ต้องการ ลักษณะผิวของผู้ใช้ และทำการทดสอบความคงตัวและประสิทธิภาพของสูตรอย่างละเอียดค่ะ

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาสูตรของคุณลูกค้านะคะ หากมีคำถามเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้เลยค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline)
Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline)
เครื่องสำอาง
Alpha Arbutin (Switzerland)
Alpha Arbutin (Switzerland)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Allantoin
Allantoin
เครื่องสำอาง
Natural Bisabolol (Brazil Chamomile)
Natural Bisabolol (Brazil Chamomile)
เครื่องสำอาง
Rose Hip Oil (Extra Virgin Organic)
Rose Hip Oil (Extra Virgin Organic)
เครื่องสำอาง
Argan Oil (Organic - Virgin - Deodorized)
Argan Oil (Organic - Virgin - Deodorized)
เครื่องสำอาง
Avocado Oil (Refined)
Avocado Oil (Refined)
เครื่องสำอาง
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
เครื่องสำอาง
Disodium EDTA
Disodium EDTA
เครื่องสำอาง
Azelaic Acid (Liquid Azelaic™, e.q. Azeloglicina)
Azelaic Acid (Liquid Azelaic™, e.q. Azeloglicina)
เครื่องสำอาง
Witch Hazel (Alcohol Free, Paraben Free) Plus Allantoin
Witch Hazel (Alcohol Free, Paraben Free) Plus Allantoin
เครื่องสำอาง
Satin Cream Maker™
Satin Cream Maker™
เครื่องสำอาง
DMAE (SkinTight MD™) Liquid
DMAE (SkinTight MD™) Liquid
เครื่องสำอาง
Centella Asiatica Extract (Madecassoside 90%)
Centella Asiatica Extract (Madecassoside 90%)
เครื่องสำอาง
Coenzyme Q10 (98%, Powder, Oil-Soluble)
Coenzyme Q10 (98%, Powder, Oil-Soluble)
เครื่องสำอาง
Dipalmitoyl Hydroxyproline (DPHP)
Dipalmitoyl Hydroxyproline (DPHP)
เครื่องสำอาง
AcneBee™ Extra สารสกัดนมผึ้ง
AcneBee™ Extra สารสกัดนมผึ้ง
เครื่องสำอาง
Phenoxyethanol SA (eq. Optiphen Plus)
Phenoxyethanol SA (eq. Optiphen Plus)
เครื่องสำอาง
Artocarpus Lakoocha Wood Extract (Oxyresveratrol 98%)
Artocarpus Lakoocha Wood Extract (Oxyresveratrol 98%)
เครื่องสำอาง
Tranexamic Acid (Trans-White™)
เครื่องสำอาง
Pomegranate Seed Oil (Refined)
เครื่องสำอาง