การพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์รอบดวงตา เจลกลางวันสำหรับผิวมัน และเจลกลางคืนสำหรับผิวแห้ง
คำถาม
ต้องการคำแนะนำในการพัฒนาสูตรเครื่องสำอาง 3 ชนิด ดังนี้ค่ะ:
ผลิตภัณฑ์บำรุงรอบดวงตา: เพื่อแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ บวม ไม่กระชับ และมีถุงใต้ตาหย่อน ทำให้ดูเหมือนอายุมากกว่าความเป็นจริง (อายุ 20 ปี) ต้องการทราบว่าควรใช้สารออกฤทธิ์ตัวไหนดีที่ปรุงง่ายๆ
เจลทากลางวันสำหรับผิวมัน: ต้องการเนื้อเจลที่เบา ไม่เหนอะหนะ สบายผิว เหมาะกับผิวมันที่มีสิวผดอุดตัน และผดจะขึ้นเมื่ออากาศร้อน/เหงื่อออกมากๆ ต้องการผลลัพธ์เรื่องความขาว ควบคุมความมัน และช่วยเรื่องสิว สูตรที่ลองเสนอคือ:
alpha arbutin 2%
vit b3 4%
N-Acetyl 4%
licorice 1%
green tea ECEG 5%
phenoxyetnal 1%
xanthan gam 1%
น้ำกลั่น 82%
ควรเพิ่มอะไรในสูตรนี้อีกไหมคะ
เจลทากลางคืนสำหรับผิวค่อนข้างแห้ง: ต้องการเนื้อเจลที่ชุ่มชื้นมาก รู้สึกเด้งๆ เพื่อฟื้นฟูผิวที่อาจแห้งจากการรักษาสิว และช่วยปรับสมดุลผิว สูตรที่ลองเสนอคือ:
sodinm latate plus 5%
nmaa 5%
seakelp 20%
ใบบัวบก 5%
phenoxyetnal 1%
xanthan gam 1%
น้ำกลั่น
(ไม่ได้ระบุปริมาณ)
นอกจากคำถามเกี่ยวกับสูตรเฉพาะแล้ว ยังมีคำถามทั่วไปเกี่ยวกับกระบวนการทำสูตรดังนี้ค่ะ:
- วิธีการผสมส่วนผสมและสูตรเหล่านี้ที่ถูกต้องควรทำอย่างไร?
- สารกันเสีย
phenoxyetnal
ที่ 1% เพียงพอไหมคะ มีตัวอื่นที่ดีกว่านี้ไหม? - ภาชนะพลาสติกเหมาะสำหรับบรรจุผลิตภัณฑ์เหล่านี้หรือไม่?
- ผลิตภัณฑ์ทำเองเหล่านี้ที่เก็บในอุณหภูมิห้องมีอายุการใช้งานประมาณเท่าไรคะ ควรเก็บในตู้เย็นไหม?
- จำเป็นต้องปรับค่า pH ของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปหรือไม่?
คำตอบ
การบำรุงรอบดวงตา
สำหรับปัญหาใต้ตาคล้ำ บวม และไม่กระชับ คำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีค่ะ คุณสามารถใช้ส่วนผสมเหล่านี้ร่วมกันได้:
- REGU-AGE: ช่วยลดรอยคล้ำและอาการบวมใต้ตา
- Pep-Eye (Acetyl Tetrapeptide-5): ช่วยลดรอยคล้ำและถุงใต้ตาเช่นกัน
- Matrixyl 3000 (Pal-GHK, Pal-GQPR): กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อเพิ่มความกระชับและลดริ้วรอย
- Vitamin B3 (Safe-B3): ช่วยเรื่องรอยคล้ำและสุขภาพผิวรอบดวงตาโดยรวม ใช้ในความเข้มข้นไม่เกิน 2% ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
ส่วนผสมเหล่านี้โดยทั่วไปสามารถนำไปผสมในเบสเซรั่มหรือเจลได้ง่ายค่ะ
เจลทากลางวันสำหรับผิวมัน
สูตรที่คุณเสนอมาเป็นแนวคิดที่ดีค่ะ จากคำแนะนำของเจ้าหน้าที่และคุณสมบัติของส่วนผสม มีข้อเสนอแนะดังนี้ค่ะ:
- สารสร้างเนื้อเจล: Xanthan Gum 1% อาจทำให้เนื้อสัมผัสเหนอะหนะหรือหนัก ซึ่งคุณต้องการหลีกเลี่ยงสำหรับผิวมันและต้องการความรู้สึกเบาสบาย การใช้ Silicone Gel Base ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เป็นทางเลือกที่ดีมาก จะให้ความรู้สึกเบา ไม่เหนอะหนะ คุณสามารถใช้ Silicone Gel Base สำเร็จรูป แล้วค่อยๆ เติมสารออกฤทธิ์ลงไป
- Green Tea EGCG: เจ้าหน้าที่แนะนำให้ลดหรือตัด Green Tea EGCG ที่ 5% ออก เนื่องจากอาจทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์หนักขึ้น คุณอาจลองลดเหลือ 1-2% หรือตัดออกไปเลยเพื่อให้เนื้อเบาขึ้น เนื่องจากประโยชน์หลักในที่นี้คือสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งส่วนผสมอื่นก็มีส่วนช่วยได้
- ส่วนผสมของคุณ: Alpha Arbutin (2%), Vitamin B3 (Safe-B3, 4%), N-Acetyl Glucosamine (GlucoBright, 4%), และ Licorice Extract (1%) เหมาะสมสำหรับช่วยให้ผิวกระจ่างใส ควบคุมความมัน และช่วยเรื่องสิว/การอักเสบตามที่คุณตั้งใจค่ะ
- แนวทางการปรับสูตร: แทนที่จะเริ่มจากน้ำและ Xanthan Gum ลองใช้ Silicone Gel Base ค่ะ ละลายสารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำได้ (Alpha Arbutin, Vitamin B3, N-Acetyl Glucosamine, Licorice Extract, Green Tea EGCG ที่ลดปริมาณลง) ในน้ำปริมาณเล็กน้อยก่อน จากนั้นค่อยๆ ผสมส่วนของน้ำนี้เข้ากับ Silicone Gel Base แล้วจึงเติม Phenoxyethanol ในขั้นตอนสุดท้าย
เจลทากลางคืนสำหรับผิวค่อนข้างแห้ง
สำหรับเจลกลางคืนที่เน้นความชุ่มชื้นและการฟื้นฟูผิว คำแนะนำจากเจ้าหน้าที่มีประโยชน์มากค่ะ:
- Sodium Lactate Plus: เจ้าหน้าที่แนะนำให้เปลี่ยน Sodium Lactate Plus เป็น Liquid Beta Glucan (Beta Glucan 70%) Sodium Lactate Plus มีคุณสมบัติผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ซึ่งอาจจะมากเกินไปหากคุณกำลังใช้ยารักษาสิวอยู่ Liquid Beta Glucan ดีเยี่ยมในการปลอบประโลมและเสริมเกราะป้องกันผิว ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผิวที่กำลังฟื้นฟูจากการรักษาสิว
- Sea Kelp Extract: การลด Sea Kelp Extract จาก 20% เหลือ 10% เป็นความคิดที่ดีค่ะ แม้จะให้ความชุ่มชื้น แต่ความเข้มข้นสูงอาจทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะหรือเป็นคราบได้ตามที่เจ้าหน้าที่กล่าวถึง
- สารออกฤทธิ์เพิ่มเติม: การเพิ่ม Vitamin B3 (Safe-B3), Vitamin B5 (Panthenol), และ N-Acetyl Glucosamine (GlucoBright) ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่จะช่วยเสริมประสิทธิภาพของสูตรในการให้ความชุ่มชื้น ปลอบประโลมผิว (โดยเฉพาะ Vitamin B5 ที่ช่วยลดรอยแดง) และปรับปรุงสุขภาพผิวให้กระจ่างใสขึ้นอย่างมาก
- สารสร้างเนื้อเจล: เช่นเดียวกับเจลกลางวัน Xanthan Gum อาจไม่ให้ความรู้สึก "เด้ง" และชุ่มชื้นล้ำลึกตามที่ต้องการ การใช้ Double Hyaluronic Gel Base (ผสมผสาน Hyaluronic Acid Standard Molecule และ Hyaluronic Acid Small Molecule) ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการให้ความชุ่มชื้นหลายระดับชั้นและให้เนื้อสัมผัสที่น่าใช้ รู้สึกอิ่มฟู เหมาะสำหรับผิวแห้ง
- แนวทางการปรับสูตร: ใช้ Double Hyaluronic Gel Base ค่ะ ผสมสารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำได้ (Liquid Beta Glucan, Sea Kelp Extract ที่ลดปริมาณลง, Vitamin B3, Vitamin B5, N-Acetyl Glucosamine, Centella Asiatica Extract) เข้ากับเบสเจล แล้วจึงเติม Phenoxyethanol ในขั้นตอนสุดท้าย
คำถามทั่วไป
- วิธีการผสม: วิธีการทั่วไปในการเติมส่วนผสมลงในน้ำก่อนนั้นถูกต้องสำหรับส่วนผสมที่ละลายน้ำได้ อย่างไรก็ตาม สารสร้างเนื้อเจลแบบผง เช่น Xanthan Gum หรือ Hyaluronic Acid ต้องการวิธีการกระจายตัวที่เฉพาะเจาะจง (เช่น ผสมกับกลีเซอรีนก่อน หรือใช้เครื่องปั่นความเร็วสูง/แช่เย็น) เพื่อให้ละลายน้ำและขึ้นเนื้อเจลได้ดีโดยไม่จับตัวเป็นก้อน เมื่อใช้เบสเจลสำเร็จรูป (Silicone Gel Base, Double Hyaluronic Gel Base) โดยทั่วไปจะละลายสารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำได้ในน้ำปริมาณเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ผสมส่วนของน้ำนี้เข้ากับเบสเจลและคนให้เข้ากัน
- สารกันเสีย Phenoxyethanol: Phenoxyethanol เป็นสารกันเสียที่นิยมใช้และค่อนข้างปลอดภัย การใช้ที่ 1% อยู่ในช่วงอัตราการใช้ทั่วไป (0.5-1.0%) มีประสิทธิภาพต่อแบคทีเรีย แต่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าต่อเชื้อรา ดังนั้นบางครั้งจึงใช้ร่วมกับสารกันเสียอื่นเพื่อให้ครอบคลุมเชื้อได้กว้างขึ้น ควรเติมในขั้นตอนสุดท้ายหลังจากขึ้นเนื้อเจลหรือครีมแล้ว และอุณหภูมิของผลิตภัณฑ์ต่ำกว่า 80°C (ควรต่ำกว่า 40°C สำหรับสารออกฤทธิ์ที่ไวต่อความร้อน) แนะนำให้ทำการทดสอบ Challenge Test เสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าสูตรของคุณได้รับการป้องกันเชื้ออย่างเพียงพอ
- ภาชนะพลาสติก: ภาชนะพลาสติกโดยทั่วไปเหมาะสำหรับเครื่องสำอาง อย่างไรก็ตาม ส่วนผสมบางชนิดหรือน้ำหอมบางประเภทอาจทำปฏิกิริยากับพลาสติกบางชนิดเมื่อเวลาผ่านไป ภาชนะแก้วมักจะถือว่ามีความเสถียรและไม่ทำปฏิกิริยา แต่พลาสติกก็เป็นที่นิยมใช้และยอมรับได้สำหรับสูตรส่วนใหญ่ โดยเฉพาะสำหรับการใช้ส่วนตัว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพลาสติกสะอาดและเหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
- การเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องและอายุการใช้งาน: การเก็บผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่อุณหภูมิห้องโดยทั่วไปทำได้ หาก ผลิตภัณฑ์ได้รับการป้องกันเชื้ออย่างเหมาะสม อายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ทำเองที่เก็บในอุณหภูมิห้องอาจแตกต่างกันไปอย่างมาก ขึ้นอยู่กับส่วนผสม ความสะอาดระหว่างการเตรียม และประสิทธิภาพของระบบสารกันเสีย หากมีการใช้สารกันเสียที่เหมาะสม (เช่น Phenoxyethanol 1% และมีการยืนยันด้วย Challenge Test หากทำได้) และรักษาความสะอาด ผลิตภัณฑ์สูตรน้ำที่เก็บในอุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดดและความร้อนโดยตรง อาจมีอายุการใช้งาน 6-12 เดือน หรือนานกว่านั้น การเก็บในตู้เย็นสามารถช่วยยืดอายุของส่วนผสมบางชนิดและผลิตภัณฑ์โดยรวมได้ แต่ไม่ใช่สิ่งทดแทนการใช้สารกันเสียที่เหมาะสม หากไม่มีการทดสอบ Challenge Test เป็นการยากที่จะระบุอายุการใช้งานที่แน่นอน แต่ควรระมัดระวังและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสี กลิ่น หรือเนื้อสัมผัส
- การปรับค่า pH: สำหรับส่วนผสมที่คุณใช้และเบสที่แนะนำ การปรับค่า pH อาจไม่จำเป็นอย่างเคร่งครัด หากค่า pH สุดท้ายอยู่ในช่วงที่ส่วนผสมของคุณมีความเสถียร (เช่น Phenoxyethanol เสถียรที่ pH 2-9, Niacinamide 3-8, Alpha Arbutin 3.5-6.5) อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบค่า pH สุดท้ายเป็นแนวปฏิบัติที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผสมสารออกฤทธิ์หลายชนิด เพื่อให้แน่ใจว่ามีประสิทธิภาพและความเสถียรสูงสุด หากจำเป็นต้องปรับ ให้ใช้สารละลายกรดเจือจาง (เช่น สารละลาย Citric Acid) หรือเบสเจือจาง (เช่น สารละลาย Sodium Hydroxide) อย่างระมัดระวัง
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการทำสูตรของคุณนะคะ!
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Pal-GHK, Pal-GQPR (eq Matrixyl 3000)

Alpha Arbutin (Switzerland)

Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Sea Kelp Extract

Hyaluronic Acid (Standard Molecule)

Hyaluronic Acid (Small Molecule)

Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Phenoxyethanol (Extra Pure)

REGU®-AGE

Xanthan Gum (ชนิดเจลใส, เนื้อเนียนไม่ยืด)

Centella Asiatica Extract (Madecassoside 90%)

Sodium Lactate Plus

Pure-EGCG™ (Green Tea Extract, 98% EGCG)

Pep®-Eye (Acetyl Tetrapeptide-5)
