การพัฒนาสูตรอิมัลชันเจลสำหรับดูแลช่องคลอด: เนื้อสัมผัสและสารออกฤทธิ์

ถามโดย: 63060757 เมื่อ: February 20, 2023 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ต้องการคำแนะนำในการพัฒนาสูตรอิมัลชันเจลสำหรับใช้บริเวณช่องคลอดเพื่อคุณสมบัติกระชับและกระจ่างใส โดยใช้โครงสร้างสูตรเบื้องต้นที่ให้มา ซึ่งมีสารสกัดหญ้ารีแพร์และสารสกัดข้าว ควรใช้สารสกัดในปริมาณเท่าใด และควรปรับหรือตัดส่วนผสมใดออกเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ไม่เหนอะหนะ?

คำตอบ

คำแนะนำสำหรับสูตร Emulsion Gel

การพัฒนา Emulsion Gel ที่มีเนื้อสัมผัสไม่เหนอะหนะต้องอาศัยการปรับสมดุลของส่วนผสมอย่างละเอียด นี่คือการวิเคราะห์สูตรของคุณและข้อควรพิจารณาบางประการค่ะ

การทำความเข้าใจส่วนประกอบในแต่ละเฟสของสูตร

  • ส่วน A (เฟสน้ำ): ประกอบด้วยน้ำ, สารให้ความชุ่มชื้น (Butylene Glycol, Glycerin) และสารก่อเจล (Sodium Polyacrylate) Sodium Polyacrylate เป็นสารเพิ่มความข้นหลักและมีผลอย่างมากต่อเนื้อสัมผัสและความเหนอะหนะของเจล
  • ส่วน B (เฟสน้ำมัน): ประกอบด้วยสารให้ความนุ่มลื่น (Isohexadecane, Caprylic/Capric Triglyceride) และอิมัลซิไฟเออร์ (Cetearyl Alcohol & Cetearyl Glucoside, Glyceryl Stearate SE) เฟสนี้ทำหน้าที่สร้างโครงสร้างอิมัลชันและมีส่วนช่วยให้เนื้อสัมผัสดีขึ้นบนผิว
  • ส่วน C (สารออกฤทธิ์ในน้ำ): ประกอบด้วยน้ำ, Sodium Hyaluronate (สารให้ความชุ่มชื้นและสร้างฟิล์มบนผิว ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะได้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักโมเลกุลและความเข้มข้น) และ Niacinamide
  • ส่วน D (เปปไทด์ในน้ำ): ประกอบด้วยน้ำ และ Palmitoyl Tripeptide-5
  • ส่วน E (สารสกัด/สารช่วยละลาย): ประกอบด้วย PEG-40 Castor Oil (น่าจะเป็นสารช่วยละลาย), สารสกัดว่านหางจระเข้ (Alovera extract), สารสกัดหญ้ารีแพร์ (Barbedgrass extract) และสารสกัดข้าว (ข้าว extract)
  • ส่วน F: Maltodextrin ซึ่งมักใช้เป็นสารตัวเติมหรือสารช่วยคงตัว บางครั้งใช้กับสารสกัดที่ผ่านการทำแห้งแบบพ่นฝอย
  • ส่วน G (สารกันเสีย): Phenoxyethanol และ Sodium Benzoate โปรดทราบว่า Sodium Benzoate จะมีประสิทธิภาพสูงสุดในสภาพความเป็นกรด (pH ต่ำ)
  • ส่วน H (ปรับค่า pH): น้ำ และ Lactic Acid Lactic Acid จะช่วยลดค่า pH และอาจให้ผลเรื่องความกระจ่างใสได้ที่ความเข้มข้นและค่า pH ที่เหมาะสม แต่บทบาทหลักในส่วนนี้ดูเหมือนจะเป็นการปรับค่า pH

สารออกฤทธิ์หลักและอัตราการใช้

  • Niacinamide: เป็นส่วนผสมที่ดีเยี่ยมสำหรับการปรับผิวให้กระจ่างใส, เสริมเกราะป้องกันผิว และลดรอยแดง จากข้อมูลผลิตภัณฑ์ อัตราการใช้ที่มีประสิทธิภาพโดยทั่วไปคือ 1-10% โดยมักแนะนำที่ 5% เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดโดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง (โดยเฉพาะเกรดที่มีความบริสุทธิ์สูง เช่น Safe-B3)
  • Palmitoyl Tripeptide-5: เป็นที่รู้จักในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดเลือนริ้วรอย ข้อมูลผลิตภัณฑ์แนะนำอัตราการใช้ที่ 1-5% โดยทั่วไปแนะนำที่ 3%
  • สารสกัดหญ้ารีแพร์ (Barbedgrass extract) และ สารสกัดข้าว (ข้าว extract): ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการใช้ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับสารสกัดเหล่านี้เพื่อให้ได้คุณสมบัติตามที่ต้องการ (กระชับ, กระจ่างใส) ควรสอบถามจากผู้จำหน่ายวัตถุดิบของคุณ สารสกัดเครื่องสำอางมาตรฐานมักมีช่วงอัตราการใช้ที่แนะนำ แต่จะแตกต่างกันไปมาก ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นและการกำหนดมาตรฐานของสารสกัดนั้นๆ

การทำให้เนื้อสัมผัสไม่เหนอะหนะ

ความเหนอะหนะของ Emulsion Gel ได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย โดยหลักคือชนิดและความเข้มข้นของสารก่อเจลและสารให้ความชุ่มชื้น:

  • Sodium Polyacrylate: น่าจะเป็นส่วนประกอบหลักที่ทำให้เกิดโครงสร้างเจลและความเหนอะหนะที่อาจเกิดขึ้น เพื่อลดความเหนอะหนะ คุณอาจต้อง ลดความเข้มข้น ของ Sodium Polyacrylate ลง
  • สารให้ความชุ่มชื้น (Glycerin, Sodium Hyaluronate, Butylene Glycol): แม้ว่าจะจำเป็นสำหรับการให้ความชุ่มชื้น แต่การใช้ในปริมาณสูง โดยเฉพาะ Glycerin และ Sodium Hyaluronate อาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะได้ พิจารณา ปรับเปอร์เซ็นต์ ของสารให้ความชุ่มชื้นเหล่านี้ การใช้ Sodium Hyaluronate ที่มีน้ำหนักโมเลกุลต่ำกว่า หรือการปรับสมดุลของสารให้ความชุ่มชื้นชนิดต่างๆ สามารถช่วยได้
  • เฟสน้ำมัน: สารให้ความนุ่มลื่นและอิมัลซิไฟเออร์ในส่วน B ก็มีผลต่อเนื้อสัมผัสสุดท้าย การทำให้อิมัลชันก่อตัวได้ดีและมีความคงตัว ด้วยระดับของสารให้ความนุ่มลื่นที่เหมาะสม จะช่วยให้เกลี่ยง่ายขึ้นและลดความเหนอะหนะได้

ควรตัดส่วนผสมใดออกหรือไม่?

สูตรปัจจุบันของคุณประกอบด้วยส่วนประกอบที่จำเป็นสำหรับ Emulsion Gel ได้แก่ เฟสน้ำและน้ำมัน, อิมัลซิไฟเออร์, สารเพิ่มความข้น, สารให้ความชุ่มชื้น, สารออกฤทธิ์, สารกันเสีย และสารปรับค่า pH การตัดส่วนประกอบทั้งหมด เช่น เฟสน้ำมัน จะทำให้สูตรเปลี่ยนจาก Emulsion Gel เป็นเจลธรรมดา การตัดส่วนผสมบางอย่างออกโดยไม่เข้าใจบทบาทของมัน หรือไม่มีส่วนผสมอื่นมาทดแทน อาจส่งผลต่อความคงตัว เนื้อสัมผัส หรือประสิทธิภาพได้

แทนที่จะตัดส่วนผสมออก ให้เน้นที่การ ปรับเปอร์เซ็นต์ ของสารก่อเจล (Sodium Polyacrylate) และสารให้ความชุ่มชื้น (Glycerin, Sodium Hyaluronate) เป็นอันดับแรก เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ไม่เหนอะหนะตามที่ต้องการ

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม

  • ค่า pH: ค่า pH สุดท้ายของสูตรมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประสิทธิภาพของ Sodium Benzoate และสำหรับการใช้งานในบริเวณที่ต้องการ (ผลิตภัณฑ์สำหรับช่องคลอดมักมีค่า pH เป็นกรด ประมาณ 3.8-4.5) Lactic Acid ใช้สำหรับปรับค่า pH ดังนั้นปริมาณที่ต้องใช้จะขึ้นอยู่กับส่วนผสมอื่นๆ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าค่า pH สุดท้ายอยู่ในช่วงที่สารออกฤทธิ์ของคุณคงตัว (Niacinamide ดีที่สุดที่ pH 4-7) และเหมาะสมกับการใช้งาน
  • การทดสอบความคงตัว: หลังจากการปรับเปอร์เซ็นต์แล้ว การทดสอบความคงตัวอย่างเข้มงวด (รวมถึงการทดสอบรอบอุณหภูมิ ร้อน/เย็น) เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่า Emulsion Gel มีความคงตัวและเนื้อสัมผัสสม่ำเสมอเมื่อเวลาผ่านไป

โดยสรุป เพื่อลดความเหนอะหนะ ให้เน้นการปรับปริมาณที่เหมาะสมของ Sodium Polyacrylate, Glycerin และ Sodium Hyaluronate ปรึกษาผู้จำหน่ายวัตถุดิบของคุณสำหรับอัตราการใช้ที่แนะนำสำหรับสารสกัดหญ้ารีแพร์และสารสกัดข้าว และปรับ Lactic Acid เพื่อให้ได้ค่า pH สุดท้ายที่เหมาะสมค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Pep®-Coll (Palmitoyl tripeptide-5)
Pep®-Coll (Palmitoyl tripeptide-5)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Switzerland)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Switzerland)
เครื่องสำอาง