การพัฒนาสูตรเครื่องสำอาง: เนื้อสัมผัส, ความขาว และความเข้ากันได้ของส่วนผสม
ถามโดย: hiphop5142
เมื่อ: January 04, 2014
ประเภทผลิตภัณฑ์:
เครื่องสำอาง
คำถาม
ฉันมีคำถามเกี่ยวกับการปรับปรุงสูตรเครื่องสำอางของฉัน โดยเฉพาะเรื่องความเข้ากันได้ของส่วนผสม เนื้อสัมผัส และการเพิ่มประสิทธิภาพเรื่องความขาว
- สูตรที่ 1 (สูตร Water/Silicone ที่เสนอ): ฉันกำลังพิจารณาสูตรที่มี
vit B3 4 %
,NAG 4 %
,ซิลิโคนเจล 15 %
,Cyclomethicone 15 %
,Light Cream Maker 1%
, และส่วนที่เหลือเป็นน้ำกลั่น
สูตรนี้สามารถใช้ได้หรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องเนื้อสัมผัสที่มีปริมาณน้ำสูงและใช้Light Cream Maker
? - สูตรที่ 2 (เบส BHA): ฉันได้เพิ่ม Vitamin B3 (Niacinamide) เข้าไปในสูตร BHA ของฉัน การทำเช่นนี้ทำให้สูตรแย่ลงหรือไม่? ฉันยังคงค่า pH ไว้ที่ประมาณ 4 ค่า pH นี้เหมาะสมกับการละลายสิวอุดตันหรือไม่ หรือควรลดให้ต่ำกว่านี้ (เช่น 3.5) เพื่อการผลัดเซลล์ผิวที่ดีขึ้น?
- สูตรที่ 3 (เบส Vitamin C): ฉันได้เพิ่ม
Silicone Gel
และCyclomethicone
เข้าไปในสูตร Vitamin C (L-Ascorbic Acid + Glutathione) เพื่อปรับปรุงเนื้อสัมผัส การทำเช่นนี้ส่งผลต่อประสิทธิภาพของ L-Ascorbic Acid หรือ Glutathione หรือไม่? สูตรของฉันยังไม่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง นี่เป็นสัญญาณที่ดีหรือไม่? - สูตรที่ 4 (เบส AHA): ฉันสามารถเพิ่ม
Silicone Gel
และCyclomethicone
เข้าไปในสูตร AHA เพื่อปรับปรุงเนื้อสัมผัสได้หรือไม่? มีความท้าทายอะไรบ้างในการผสมน้ำปริมาณมากกับซิลิโคนปริมาณสูงโดยใช้Light Cream Maker
?Warp Cream Maker
จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าหรือไม่? - ประสิทธิภาพความขาว: ฉันใช้สูตร Vitamin C และ AHA มาประมาณสองเดือนที่แขน แต่ยังไม่เห็นผลเรื่องความขาวที่ชัดเจนนัก โดยทั่วไปแล้ว การใช้ Vitamin B3 + N-Acetyl Glucosamine และสารช่วยเรื่องความขาวอื่นๆ จะใช้เวลานานเท่าใดจึงจะเห็นผล?
- การเสริมความขาวเพิ่มเติม: ฉันจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพเรื่องความขาวของสูตรต่างๆ ได้อย่างไรอีกบ้าง โดยใช้ส่วนผสมอย่าง Alpha Arbutin, ChromaWhite™, หรือ AEPWhite™?
- การควบคุมความมัน: มีส่วนผสมอะไรบ้างที่ช่วยควบคุมความมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และควรนำมาผสมในสูตรอย่างไร?
- ความเข้ากันได้ของส่วนผสม: มีส่วนผสมเฉพาะบางอย่างที่ไม่ควรนำมาผสมรวมกันหรือไม่ เช่น Vitamin C (L-Ascorbic Acid) และ Pure MSM™? Glutathione มีบทบาทอย่างไรในการช่วยเพิ่มความเสถียรของ L-Ascorbic Acid?
คำตอบ
ขอบคุณมากครับที่แบ่งปันประสบการณ์และคำถามเกี่ยวกับการผสมสูตรของคุณ! เป็นเรื่องที่ดีมากที่ได้ทราบว่าคุณได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีความตั้งใจในการศึกษาและทดลองปรับปรุงสูตรของตัวเองครับ เรามาดูคำถามของคุณจากข้อมูลที่คุณให้มาและข้อมูลที่เรามีนะครับ
การปรับสูตรและการทำงานของส่วนผสม
- การปรับสูตร BHA และการเพิ่มส่วนผสม: การที่คุณเพิ่ม Vitamin B3 (Niacinamide) เข้าไปในสูตร BHA นั้น ไม่ได้ทำให้สูตรแย่ลงครับ Vitamin B3 มีประโยชน์ต่อผิวหลายด้าน ทั้งช่วยลดการอักเสบ ลดรอยแดง/รอยดำ เสริมเกราะป้องกันผิว และช่วยควบคุมความมัน ซึ่งเป็นประโยชน์เสริมในการดูแลปัญหาสิว การที่สูตรทางร้านเดิมอาจไม่มี Vitamin B3 อาจเป็นเพราะต้องการให้สูตรเรียบง่าย หรือเพื่อหลีกเลี่ยงความซับซ้อนในการผสมหากมีการเพิ่มสารอื่นๆ ที่อาจมีปัญหาเรื่อง pH ร่วมด้วย แต่สำหรับสูตรของคุณที่ pH ประมาณ 4 นั้น Vitamin B3 ยังคงทำงานได้ดีครับ
- การคงค่า pH ของ BHA: การรักษา pH ให้ต่ำลง (เช่น 3.5) จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวของ BHA ได้มากขึ้น แต่สำหรับการละลายสิวอุดตันนั้น pH ที่ประมาณ 4 ก็ยังถือว่ามีประสิทธิภาพที่ดีอยู่ครับ การที่สูตรเดิมไม่ได้แนะนำให้ pH ต่ำกว่านี้ อาจเป็นเพราะต้องการเน้นที่การละลายสิวอุดตันเป็นหลัก ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ pH ต่ำมากเท่าการผลัดเซลล์ผิว และ pH ที่สูงขึ้นเล็กน้อยอาจช่วยลดโอกาสการระคายเคืองได้บ้างครับ การที่คุณต้องการเน้นการละลายสิวอุดตันเป็นหลัก pH 4 จึงยังเหมาะสมครับ
การเพิ่มซิลิโคนในสูตร
- ผลกระทบของ Silicone Gel + Cyclomethicone ในสูตร Vitamin C: การใส่ Silicone Gel และ Cyclomethicone เพื่อปรับปรุงเนื้อสัมผัสให้ลื่นทาง่าย ไม่ได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อประสิทธิภาพของสารออกฤทธิ์หลักอย่าง L-Ascorbic Acid หรือ Glutathione ครับ สารเหล่านี้ยังคงทำงานได้ตามปกติ ซิลิโคนทำหน้าที่เป็นตัวนำพาสารและปรับปรุงความรู้สึกบนผิวเป็นหลัก ข้อควรระวังหลักของสูตร L-Ascorbic Acid คือความไม่เสถียรของตัวมันเอง ซึ่งอาจเสื่อมคุณภาพได้เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะหากสัมผัสกับแสง อากาศ หรือความร้อน การที่สูตรของคุณยังไม่เปลี่ยนสีเป็นสัญญาณที่ดีของการเก็บรักษาครับ
- ความเหมาะสมในการใส่ซิลิโคนในสูตร AHA: คุณสามารถพิจารณาเพิ่ม Silicone Gel และ Cyclomethicone ในสูตร AHA เพื่อปรับปรุงเนื้อสัมผัสให้ทาง่ายขึ้นได้ครับ อย่างไรก็ตาม ตามที่ Staff ได้ให้คำแนะนำไว้ในกระทู้เดิม การผสมน้ำในปริมาณมากร่วมกับซิลิโคนและ Light Cream Maker อาจทำให้เกิดปัญหาเนื้อไม่เข้ากันหรือแยกชั้นได้ เนื่องจาก Light Cream Maker เหมาะสำหรับสูตร Oil-in-Water ที่มีปริมาณน้ำมันไม่เกิน 20% และอาจมีข้อจำกัดในการเข้ากับซิลิโคนในปริมาณสูง หากต้องการเนื้อสัมผัสแบบ Water-in-Silicone ที่เน้นความลื่น แห้ง แนะนำให้ทดลองใช้ Warp Cream Maker ซึ่งออกแบบมาสำหรับระบบนี้โดยเฉพาะ หรืออาจต้องปรับลดปริมาณน้ำและซิลิโคนลงหากยังต้องการใช้ Light Cream Maker ครับ ควรทดลองในปริมาณน้อยๆ ก่อนเพื่อดูว่าเนื้อเข้ากันได้ดีหรือไม่
การเพิ่มประสิทธิภาพเรื่องความขาว
- ผลเรื่องความขาวและระยะเวลา: ระยะเวลา 2 เดือนที่คุณใช้สูตร Vitamin C และ AHA อาจจะยังไม่เห็นผลเรื่องความขาวที่ชัดเจนมากนักครับ การเปลี่ยนแปลงสีผิวต้องอาศัยเวลาตามรอบการผลัดเซลล์ผิว (ประมาณ 28 วัน) และการยับยั้งการสร้างเม็ดสีอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์มักจะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นหลังจากใช้ไปหลายรอบการผลัดผิวครับ การใช้ Vitamin B3 และ N-Acetyl Glucosamine (NAG) เป็นการผสมผสานที่ดีในการช่วยเรื่องความกระจ่างใสและลดจุดด่างดำ ซึ่งมักจะเริ่มเห็นผลภายใน 1-2 รอบการผลัดผิว หรือประมาณ 1-2 เดือน แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนอาจใช้เวลานานกว่านั้นครับ
คำแนะนำเพิ่มเติมและการใช้สารที่มีอยู่
- จากส่วนผสมที่คุณมีและที่ได้กล่าวถึง คุณมีสารออกฤทธิ์หลายตัวที่สามารถนำมาผสมผสานกันเพื่อเป้าหมายต่างๆ ได้ครับ
- สูตร BHA (สำหรับสิวอุดตันและความมัน): สูตรปัจจุบันของคุณเป็นพื้นฐานที่ดี การเพิ่ม NAG เข้าไปในสูตร BHA (ที่ pH ประมาณ 4) เป็นแนวคิดที่ดีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเรื่องความขาว
- สูตรความขาว/ลดรอย: คุณสามารถใช้สูตร Vitamin C (L-Ascorbic Acid) + Glutathione และสูตร AHA (Lactic Acid) + Vitamin B3 + NAG เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดรอย และเพิ่มความกระจ่างใส
- การเสริมประสิทธิภาพความขาว: หากต้องการเน้นเรื่องความขาวให้มากขึ้น คุณสามารถพิจารณาเพิ่ม Alpha Arbutin เข้าไปในสูตร B3 + NAG ได้ หรืออาจลองใช้ ChromaWhite™ (ละลายในน้ำมัน) หรือ AEPWhite™ (ละลายในน้ำ) ซึ่งเป็นสารช่วยเรื่องความขาวที่มีประสิทธิภาพสูง
- การควบคุมความมันเพิ่มเติม: หากยังมีปัญหาความมันอยู่มาก อาจพิจารณาทำสูตรแยกต่างหากที่มีส่วนผสมอย่าง Pure MSM™ หรือ Zinc PCA ซึ่งช่วยควบคุมความมันได้ดี หรือ Licorice Extract ที่ช่วยลดการอักเสบและควบคุมความมัน (ควรระวังเรื่อง pH หากผสมกับสารอื่นๆ)
- ข้อควรจำในการผสม: ตรวจสอบความเข้ากันได้และช่วง pH ที่เหมาะสมของสารแต่ละตัว การผสมสูตรที่มีซิลิโคนสูงกับน้ำโดยใช้ Light Cream Maker อาจต้องปรับอัตราส่วนหรือใช้อิมัลซิไฟเออร์อื่น เช่น Warp Cream Maker และควรทดลองในปริมาณน้อยๆ เสมอ Vitamin C (L-Ascorbic Acid) ไม่ควรผสมกับ Pure MSM™ ในสูตรเดียวกัน Glutathione สามารถช่วยเพิ่มความเสถียรของ L-Ascorbic Acid ได้ในอัตราส่วน 1:10
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Alpha Arbutin (Switzerland)
เครื่องสำอาง

Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)
เครื่องสำอาง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
เครื่องสำอาง

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง

Propylene Glycol
เครื่องสำอาง

Light Cream Maker™
เครื่องสำอาง

Salicylic Acid (BHA) กรดซาลิไซลิค
เครื่องสำอาง

L-Carnitine (Carnitine)
เครื่องสำอาง

Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
เครื่องสำอาง

Polysorbate 20 (Tween 20)
เครื่องสำอาง

Silicone Gel (Ultra Clear, Super Silky)
เครื่องสำอาง

Pure MSM™ (Methylsulfonylmethane)
เครื่องสำอาง

Xanthan Gum (ชนิดเจลใส, เนื้อเนียนไม่ยืด)
เครื่องสำอาง

Azelaic Acid (Liquid Azelaic™)
เครื่องสำอาง

Zinc PCA
เครื่องสำอาง

Warp Cream Maker™ (e.q. Nikkomulese wo)
เครื่องสำอาง

Lactic Acid (AHA) 90% (เกรดธรรมดา-มีกลิ่น)
เครื่องสำอาง

Lactic Acid (AHA) 90% Deodorized (ปราศจากกลิ่น)
เครื่องสำอาง
ChromaWhite™ (Dimethylmethoxy Chromanyl Palmitate)
เครื่องสำอาง