คำแนะนำการทำสูตรเจลลดริ้วรอยและครีมกันแดด SPF

คำแนะนำสำหรับคำถามของคุณเกี่ยวกับการใช้ DMAE Bitartrate และ Sesaflash® ร่วมกัน และการทำสูตรครีมที่มี Oil Free Titanium Dioxide เพื่อค่า SPF

DMAE Bitartrate และ Sesaflash® ในสูตรเจล

สามารถใช้ DMAE Bitartrate และ Sesaflash® ร่วมกันในสูตรเครื่องสำอางได้ ส่วนผสมทั้งสองชนิดนี้มีคุณสมบัติในการต่อต้านริ้วรอยและช่วยให้ผิวยกกระชับ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผิวที่มีอายุ มีริ้วรอย และความหย่อนคล้อย

• DMAE Bitartrate: ออกฤทธิ์เมื่อเวลาผ่านไป ช่วยให้ผิวเฟิร์มขึ้นและลดเลือนริ้วรอย
• Sesaflash®: ให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับหรือทำให้ผิวตึงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เป็นแบบชั่วคราว

ตามคำแนะนำในกระทู้ตอบ การลองทำสูตรที่เน้น DMAE ก่อนอาจเป็นประโยชน์ เพื่อสังเกตผลลัพธ์บนผิวของคุณแม่ก่อนที่จะเพิ่ม Sesaflash® เข้าไป ซึ่งจะช่วยให้ทราบว่าผิวตอบสนองต่อ DMAE ได้ดีเพียงใด

สำหรับสูตรเจลที่เน้นลดริ้วรอยและยกกระชับ โดยเฉพาะสำหรับผิวของคุณแม่วัย 50 ปี การใช้เบสเจลไฮยาลูรอนเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี คุณสามารถผสม DMAE เข้าไปในเบสนี้ได้

ข้อเสนอแนะสูตรเจล DMAE เบื้องต้น:

• Double Hyaluron Liquid: 5-10%
• DMAE Bitartrate: 1-3% (เริ่มต้นด้วยเปอร์เซ็นต์ต่ำๆ และค่อยๆ เพิ่มหากจำเป็น ตามคำแนะนำของผู้จำหน่าย)
• น้ำ (หรือเบสของเหลวอื่นๆ ที่เหมาะสม): ส่วนที่เหลือให้ครบ 100%
• สารกันเสีย: ตามความเหมาะสม

วิธีทำ: ผสม DMAE Bitartrate ในส่วนของน้ำจนละลาย จากนั้นเติม Double Hyaluron Liquid และผสมจนได้เนื้อเจลที่เข้ากันดี เติมสารกันเสียและผสมให้เข้ากัน หมายเหตุว่า DMAE เป็นอิเล็กโทรไลต์ ซึ่งบางครั้งอาจส่งผลต่อความหนืดของสารก่อเจลบางชนิด คุณอาจต้องปรับเปอร์เซ็นต์ของสารก่อเจล (เช่น Double Hyaluron Liquid) เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ต้องการ

เมื่อได้เนื้อเจล DMAE ที่พอใจแล้ว คุณสามารถทดลองเพิ่ม Sesaflash® เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การยกกระชับชั่วคราว โดยใช้ตามอัตราส่วนที่ผู้จำหน่าย Sesaflash® แนะนำ

Oil Free Titanium Dioxide สำหรับ SPF 50

ความเข้าใจของคุณที่ว่าการเพิ่มเปอร์เซ็นต์ของ Titanium Dioxide จะเพิ่มค่า SPF นั้นถูกต้องโดยทั่วไป แต่ความสัมพันธ์ไม่ใช่แบบเชิงเส้น (เช่น 50% ไม่ได้หมายถึง SPF 50 โดยอัตโนมัติ) การที่จะได้ค่า SPF สูงๆ เช่น SPF 50 จำเป็นต้องมีการคิดค้นสูตรอย่างรอบคอบ และที่สำคัญคือต้องมีการทดสอบ (in-vivo หรือ in-vitro) เพื่อยืนยันค่า SPF ที่แท้จริง

การใช้ Titanium Dioxide Dispersion ในเปอร์เซ็นต์ที่สูงมาก (เช่น 50%) แม้จะเป็นชนิด "Oil Free" หรือเบสเป็นน้ำ ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้สูตรหนัก เกลี่ยยาก และอาจทิ้งคราบขาวไว้บนผิวได้ชัดเจน แม้ว่า Dispersion จะไม่ใช่ Titanium Dioxide บริสุทธิ์ 100% (เช่น Titanium Dioxide Transparent (15nm, Water-Dispersion) มีสารออกฤทธิ์ 28%) การใช้ Dispersion นี้ 50% จะเท่ากับมี Titanium Dioxide บริสุทธิ์ 14% ซึ่งอยู่ในช่วงที่ใช้สำหรับ SPF สูงๆ ได้ แต่ปริมาณของแข็งทั้งหมดก็ยังส่งผลต่อเนื้อสัมผัสอย่างมาก

นอกจากนี้ เพื่อการปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB แบบ Broad-spectrum อย่างครอบคลุม แนะนำอย่างยิ่งให้ใช้ Titanium Dioxide ร่วมกับ Zinc Oxide โดย Titanium Dioxide จะช่วยป้องกัน UVB และ UVA คลื่นสั้นได้ดี ส่วน Zinc Oxide จะป้องกัน UVA คลื่นยาวได้ดีเยี่ยม

แทนที่จะใช้ Dispersion ของสารกรองแสงชนิดเดียวในเปอร์เซ็นต์ที่สูงมาก แนวทางทั่วไปสำหรับการทำ SPF สูงๆ (เช่น SPF 50) คือการใช้ Dispersion ของ Titanium Dioxide และ Zinc Oxide ร่วมกันในเปอร์เซ็นต์ที่เหมาะสมและต่ำกว่า โดยทั่วไปความเข้มข้นรวมของสารกรองแสงแบบ Physical (Titanium Dioxide + Zinc Oxide) ในสูตร SPF สูงๆ มักจะอยู่ในช่วง 15% ถึง 25% ของสารออกฤทธิ์ ซึ่งจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่าเมื่อใช้ในรูป Dispersion ขึ้นอยู่กับปริมาณสารออกฤทธิ์ใน Dispersion นั้นๆ

ตัวอย่างเช่น การใช้ Dispersion เบสเป็นน้ำ เช่น Titanium Dioxide Transparent (15nm, Water-Dispersion) (สารออกฤทธิ์ 28%) และ Zinc Oxide 40nm Dispersion (Water Base) (สารออกฤทธิ์ 45-48%) ร่วมกัน จะมีประสิทธิภาพในการป้องกัน UVA/UVB แบบ Broad-spectrum สำหรับ SPF 50 ได้ดีกว่าการใช้ชนิดเดียวในเปอร์เซ็นต์ที่สูงมาก คุณอาจเริ่มต้นด้วยเปอร์เซ็นต์รวมของ Dispersion ที่ให้ปริมาณสารกรองแสงออกฤทธิ์รวมกันอยู่ในช่วง 15-25% และปรับเปอร์เซ็นต์ตามเนื้อสัมผัสและระดับการป้องกันที่ต้องการ (โดยต้องจำไว้ว่าการจะได้ SPF 50 ต้องผ่านการทดสอบ)

สำหรับโครงสร้างสูตรเบสของคุณ (สารกรองแสง + Light Cream Maker + น้ำ) นั้น Light Cream Maker™ (ID 141) เป็น Emulsifier ที่เหมาะสมสำหรับการทำครีมแบบไม่ใช้ความร้อน อย่างไรก็ตาม เปอร์เซ็นต์ของ Light Cream Maker™ ที่ต้องการจะขึ้นอยู่กับปริมาณรวมของส่วนที่กระจายตัว (Dispersion ของสารกรองแสง) และความหนืดของครีมที่ต้องการ คุณอาจต้องปรับเปอร์เซ็นต์ (เช่น 1.5-3%) เพื่อให้ได้ความข้นที่เหมาะสมกับปริมาณ Dispersion ของสารกรองแสงที่สูง

โครงสร้างสูตรครีมกันแดดทั่วไป (ต้องมีการทดสอบค่า SPF):

• Titanium Dioxide Dispersion (เช่น เบสเป็นน้ำ): X%
• Zinc Oxide Dispersion (เช่น เบสเป็นน้ำ): Y%
• Light Cream Maker™: Z% (ปรับตามความหนืดที่ต้องการและ % Dispersion รวม)
• น้ำ: ส่วนที่เหลือให้ครบ 100%
• ส่วนผสมอื่นๆ ที่ต้องการ (เช่น สารให้ความชุ่มชื้น, สารต้านอนุมูลอิสระ, สารกันเสีย): ตามความเหมาะสม

เริ่มต้นด้วยเปอร์เซ็นต์ X และ Y ที่ทำให้ปริมาณสารกรองแสงออกฤทธิ์รวมกัน (X% * ปริมาณสารออกฤทธิ์ใน TD dispersion + Y% * ปริมาณสารออกฤทธิ์ใน ZnO dispersion) อยู่ในช่วง 15-25% และปรับ Z ตามความเหมาะสม ควรทำการทดสอบความคงตัวของสูตรที่ได้ด้วย

สรุปคือ คุณสามารถใช้ DMAE และ Sesaflash® ร่วมกันได้ แต่ควรพิจารณาลองใช้ DMAE ก่อน สำหรับ SPF 50 ควรหลีกเลี่ยงการใช้ Dispersion ของสารกรองแสงชนิดเดียวในเปอร์เซ็นต์ที่สูงเกินไป การใช้ Dispersion ของ Titanium Dioxide และ Zinc Oxide ร่วมกันจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันแบบ Broad-spectrum และให้เนื้อสัมผัสที่ดีกว่า แม้ว่าการจะได้ค่า SPF สูงๆ ที่แน่นอนต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการคิดค้นสูตรและการทดสอบ