การพัฒนาสูตรเซรั่มวิตามินซี: เนื้อสัมผัส ความเสถียร และการใช้ไวน์
คำถาม
กำลังพัฒนาสูตรเซรั่มวิตามินซี โดยอ้างอิงสูตรแบบ Skinceuticals C E Ferulic มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับส่วนผสมและคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ดังนี้ค่ะ:
1. สามารถนำไวน์มาใส่ในสูตรเซรั่มทาหน้าได้หรือไม่ เหมาะสมกับการใช้กับผิวหน้าอย่างไร
2. จะทำอย่างไรให้ได้เนื้อสัมผัสแบบ "เอาเป็นแค่น้ำเหนียวๆ" แต่ยังรู้สึก "สบายๆ" ตอนมาร์คหน้า
3. ต้องใส่สารตัวไหน หรือมีวิธีการอย่างไร เพื่อให้สูตร "ทำแล้วเก็บได้ นาน เป็นปี"
คำตอบ
การทำเซรั่มวิตามินซีและการปรับปรุงสูตร
สำหรับความสนใจในการทำเซรั่มวิตามินซี โดยอ้างอิงสูตรแบบ Skinceuticals C E Ferulic และคำถามเกี่ยวกับการเติมไวน์ การทำให้รู้สึกสบายผิว และการยืดอายุการเก็บรักษา มีข้อมูลดังนี้ครับ:
การเติมไวน์
โดยทั่วไปแล้ว ไม่แนะนำให้เติมไวน์โดยตรงลงในเซรั่มสำหรับผิวหน้า ไวน์มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์และสารต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือไม่เสถียรในสูตรเครื่องสำอาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับส่วนผสมที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงอย่าง L-Ascorbic Acid แทนที่จะใช้ไวน์ สูตรเครื่องสำอางมักจะใช้สารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ที่สกัดจากองุ่น เช่น Trans-Resveratrol หรือ Grape Seed Extract ซึ่งผ่านกระบวนการเพื่อความเสถียรและประสิทธิภาพในการดูแลผิว
เนื้อสัมผัสและความรู้สึกสบายผิว
การทำเซรั่มให้มีลักษณะเป็น "น้ำเหนียวๆ" แต่ก็ยังรู้สึก "สบายผิว" อาจมีความขัดแย้งกันอยู่บ้าง เนื่องจากความเหนียวอาจทำให้รู้สึกไม่สบายผิว โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับมาสก์หน้า ในการสร้างเนื้อสัมผัสที่ข้นหนืดหรือเป็นเจล คุณสามารถใช้สารก่อเจลหรือสารเพิ่มความหนืด เช่น Hyaluronic Acid Hyaluronic Acid ที่มีขนาดโมเลกุลต่างกันสามารถให้ความชุ่มชื้นในระดับความลึกของผิวที่แตกต่างกัน และช่วยปรับปรุงเนื้อสัมผัสได้ เพื่อเพิ่มความสบายผิวและลดความเหนียวเหนอะหนะมากเกินไปในขณะที่ยังคงความหนืด การใส่สารให้ความชุ่มชื้น (Humectants) และสารทำให้ผิวนุ่มลื่น (Emollients) เช่น Glycerin จะเป็นประโยชน์ Glycerin ช่วยดึงและกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้เซรั่มรู้สึกนุ่มนวลและให้ความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น
อายุการเก็บรักษาที่ยาวนาน (สูงสุดหนึ่งปี)
การทำให้อายุการเก็บรักษายาวนานถึงหนึ่งปีจำเป็นต้องมีการคิดค้นสูตรอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับส่วนผสมที่ไม่เสถียรอย่าง L-Ascorbic Acid
- สารกันเสีย: ระบบสารกันเสียที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ Phenoxyethanol เป็นสารกันเสียที่นิยมใช้และมีประสิทธิภาพสำหรับสูตรที่เป็นน้ำ การใช้สารกันเสียในความเข้มข้นที่แนะนำ (โดยทั่วไป 0.5-1.0% สำหรับ Phenoxyethanol) และการทดสอบประสิทธิภาพของสารกันเสีย (Challenge Test) สำหรับสูตรเฉพาะของคุณเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
- ความเสถียรของวิตามินซี: L-Ascorbic Acid มีแนวโน้มที่จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันเมื่อละลายในน้ำ ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพลดลง เพื่อเพิ่มความเสถียร ควรพิจารณา:
- การควบคุมค่า pH: ปรับค่า pH ของเซรั่มให้อยู่ในระดับต่ำ (โดยทั่วไประหว่าง 2.0-3.5) ตามที่แนะนำเพื่อความเสถียรของ L-Ascorbic Acid โปรดทราบว่า อย. กำหนดให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้กับผิวหน้าต้องมีค่า pH อย่างน้อย 3.5
- สารต้านอนุมูลอิสระ: การใส่สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น Vitamin E (dl-alpha tocopherol) และ Pure-Ferulic Acid สามารถช่วยเพิ่มความเสถียรของ L-Ascorbic Acid ได้อย่างมาก คล้ายกับสูตร Skinceuticals ที่คุณกล่าวถึง Ferulic Acid มักต้องใช้ตัวทำละลาย เช่น Ethoxydiglycol หรือ ethanol เนื่องจากไม่ละลายในน้ำ
- บรรจุภัณฑ์และการเก็บรักษา: ใช้บรรจุภัณฑ์ทึบแสงและแบบ Airless เพื่อลดการสัมผัสกับแสงและอากาศ การเก็บผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปในที่เย็น มืด หรือในตู้เย็นเป็นสิ่งที่แนะนำอย่างยิ่งเพื่อรักษาประสิทธิภาพของ L-Ascorbic Acid และส่วนผสมอื่นๆ ที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลง เช่น Trans-Resveratrol
การสร้างเซรั่มวิตามินซีที่มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพต้องให้ความสำคัญกับความเข้ากันได้ของส่วนผสม ค่า pH การใช้สารกันเสีย และการเก็บรักษาที่เหมาะสม ควรทำการทดสอบความเสถียรและ Challenge Test กับสูตรสำเร็จรูปของคุณเสมอก่อนนำไปใช้ในระยะยาวหรือจำหน่าย
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Hyaluronic Acid (Standard Molecule)

Pure-Ferulic Acid™

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)

Vitamin E (dl-alpha tocopherol)

Glycerin (USP/Food Grade)

Phenoxyethanol (Extra Pure)

Trans-Resveratrol (Powder, 98%)
