การพัฒนาสูตรเซรั่ม: ส่วนผสม, วิธีผสม และความเข้ากันได้
คำถาม
ฉันกำลังพัฒนาสูตรเซรั่มสำหรับลดเลือนริ้วรอยและปรับผิวให้กระจ่างใส สูตรที่เสนอประกอบด้วย:
- Argireline
- Pep-Coll
- DMAE
- Vitamin B5 ExtraLite
- N-Acetyl-D-glucosamine
- Niacinamide
- Hyaluronic Acid (Standard และ Nano)
- น้ำ
- Phenoxyethanol
ฉันมีคำถามบางประการเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสูตรและความเข้ากันได้:
- จำเป็นต้องมีการปรับค่า pH สำหรับสูตรนี้หรือไม่?
- สำหรับผิวธรรมดา จำเป็นต้องเพิ่มสารลดการระคายเคืองโดยเฉพาะหรือไม่?
- สูตรนี้สามารถใช้ร่วมกับสูตร Vitamin C E Ferulic ได้หรือไม่?
- เกี่ยวกับวิธีการผสม ฉันวางแผนที่จะละลายสารที่ละลายน้ำได้ทีละตัว ฉันมี Hyaluronic Acid ชนิดผงอยู่ในตอนนี้ แต่เห็นว่าชนิดน้ำผสมได้ง่ายกว่า มีข้อควรพิจารณาหรือความท้าทายเฉพาะในการใช้ชนิดผงเทียบกับชนิดน้ำหรือไม่ และวิธีการผสมแบบเรียงลำดับของฉันถูกต้องหรือไม่?
นอกจากนี้ ฉันต้องการคำแนะนำเพื่อปรับปรุงสูตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับความเข้มข้นของส่วนผสมและเนื้อสัมผัส
คำตอบ
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่แบ่งปันแผนการทำเซรั่มและคำถามอย่างละเอียดนะคะ จากเป้าหมายของคุณที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยและปรับผิวให้กระจ่างใส รวมถึงคำแนะนำจากทีมงาน นี่คือสรุปและคำตอบสำหรับคำถามของคุณค่ะ
สูตรที่คุณเสนอประกอบด้วย Argireline, Pep-Coll, DMAE, Vitamin B5 ExtraLite, N-Acetyl-D-glucosamine, Niacinamide, Hyaluronic Acid (Standard และ Nano), น้ำ และ Phenoxyethanol การผสมผสานนี้มุ่งเป้าไปที่การลดริ้วรอย ปรับปรุงสภาพผิว และจัดการกับรอยคล้ำจากแดด
สำหรับคำถามของคุณ:
- การปรับหรือตรวจสอบค่า pH: ทีมงานไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจำเป็นต้องปรับค่า pH หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เพื่อความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุดของสารออกฤทธิ์ รวมถึงความเข้ากันได้กับผิว โดยทั่วไปแล้ว การตรวจสอบและอาจปรับค่า pH สุดท้ายของเซรั่มให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมถือเป็นแนวปฏิบัติที่ดีค่ะ
- การเพิ่มสารลดการระคายเคือง: ตามคำแนะนำของทีมงาน สำหรับผิวธรรมดา ไม่จำเป็นต้องเพิ่มสารลดการระคายเคืองโดยเฉพาะค่ะ Vitamin B5 ExtraLite ในสูตรของคุณมีส่วนช่วยทางอ้อมอยู่แล้ว โดยการช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและแข็งแรง ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเกิดการระคายเคืองได้
- การใช้ร่วมกับสูตร C E Ferulic: ตามที่ทีมงานได้อธิบายไว้ สูตรใหม่นี้ ไม่ควร ใช้พร้อมกันกับสูตร Vitamin C E Ferulic ค่ะ การใช้ร่วมกันจะทำให้ Vitamin C เสื่อมคุณภาพลงเนื่องจากมี Niacinamide อยู่ในสูตร การที่คุณวางแผนจะใช้สูตร C E Ferulic ให้หมดก่อน แล้วจึงเปลี่ยนมาใช้สูตรใหม่นี้เป็นการทำที่ถูกต้องแล้วค่ะ
- วิธีการผสม: วิธีการทั่วไปในการละลายสารที่ละลายน้ำได้ทีละตัวของคุณนั้นถูกต้องค่ะ ทีมงานได้ให้ข้อสังเกตว่า การใช้ Hyaluronic Acid ชนิดน้ำ (เช่น Double Hyaluron Liquid) แทนชนิดผงที่คุณมีอยู่ จะช่วยให้ขั้นตอนการผสมง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้นมาก ทำให้สามารถผสมสารที่ละลายน้ำทั้งหมดเข้าด้วยกันได้ในคราวเดียว โดยไม่ต้องแช่เย็นเพื่อช่วยละลาย Hyaluronic Acid ชนิดผงค่ะ คุณสามารถดำเนินการโดยใช้ชนิดผงที่คุณมีอยู่ได้ แต่โปรดทราบว่าจะมีขั้นตอนเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องค่ะ
ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงสูตร (อ้างอิงจากคำแนะนำของทีมงาน):
- Niacinamide (Safe-B3): ทีมงานแนะนำให้เพิ่มความเข้มข้นของ Niacinamide จาก 2% เป็น 5% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปรับผิวให้กระจ่างใส
- Hyaluronic Acid: สำหรับผิวธรรมดา ทีมงานแนะนำให้ลดความเข้มข้นรวมของ Hyaluronic Acid จาก 0.4% (Standard 0.2% + Nano 0.2%) เหลือรวม 0.2% (เช่น Standard 0.1% + Nano 0.1%) เนื่องจากปริมาณปัจจุบันอาจมากเกินความจำเป็นสำหรับผิวธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมี Vitamin B5 ExtraLite 2% ที่ให้ความชุ่มชื้นอยู่แล้ว
- เนื้อสัมผัส: ทีมงานกล่าวว่าสูตรของคุณจะมีลักษณะเหลวเป็นน้ำ หากคุณต้องการเนื้อสัมผัสที่ข้นขึ้นเล็กน้อยคล้ายเจล อาจพิจารณาเพิ่มสารสร้างเนื้อเจล เช่น Pro Polymer ประมาณ 1% อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่า DMAE ในสูตรอาจทำให้การสร้างเนื้อเจลทำได้ยากขึ้นและอาจต้องใช้เครื่องมือช่วยในการปั่นค่ะ
แนวทางการคิดค้นสูตรของคุณโดยอิงจากประสบการณ์และการศึกษาข้อมูลเป็นสิ่งที่น่ายกย่องค่ะ การใช้วัตถุดิบที่คุณมีอยู่แล้วให้หมดก่อน เช่น Hyaluronic Acid ชนิดผง ก่อนลองใช้วัตถุดิบทางเลือก เป็นแนวทางที่สมเหตุสมผลค่ะ
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการสร้างเซรั่มที่ตอบโจทย์ความต้องการผิวของคุณนะคะ!
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline)

Pep®-Coll (Palmitoyl tripeptide-5)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Hyaluronic Acid (Standard Molecule)

Hyaluronic Acid (Small Molecule)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Phenoxyethanol (Extra Pure)

Pro Polymer™ (Gel Maker)

Double Hyaluron Liquid

Panthenol (Vitamin B5) ExtraLite™
