การพัฒนาสูตรเซรั่ม/เจลที่มีสารละลายน้ำและซิลิโคน

ถามโดย: hiphop5142 เมื่อ: September 06, 2013 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

จากคำตอบโดยละเอียดของผู้เชี่ยวชาญ ผู้ใช้กำลังพยายามพัฒนาสูตรเซรั่มหรือเจลที่มีทั้งสารออกฤทธิ์ที่ละลายในน้ำ (Vitamin B3, Vitamin B5, Vitamin C, Alpha Arbutin, สารสกัดว่านหางจระเข้) และส่วนผสมประเภทน้ำมัน/ซิลิโคน (Cyclopentasiloxane, Silicone Gel, Propylene Glycol) โดยที่ไม่มีเฟสน้ำที่เพียงพอหรือระบบอิมัลชัน/สารเพิ่มความข้นที่เหมาะสม ทำให้เกิดปัญหาการละลายและความคงตัว

ผู้ใช้สอบถามเพื่อความชัดเจนว่าการใช้น้ำกลั่น (น้ำต้ม + Disodium EDTA) จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการละลายของส่วนผสมที่ละลายน้ำและความคงตัวโดยรวมของสูตร

คำตอบของผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวถึงความจำเป็นของเฟสน้ำ อิมัลซิไฟเออร์/สารเพิ่มความข้นที่เหมาะสม ความคงตัวของ Vitamin C (รวมถึงค่า pH สารต้านอนุมูลอิสระ สารคีเลตอย่าง EDTA และคุณภาพน้ำ) และความจำเป็นในการใส่สารกันเสีย

คำตอบ

ข้อเสนอแนะและคำแนะนำเกี่ยวกับสูตร

สูตรที่คุณเสนอมามีการผสมระหว่างส่วนผสมที่ละลายในน้ำและส่วนผสมที่ละลายในน้ำมัน/ซิลิโคน โดยที่ไม่มีเฟสน้ำเพื่อละลายส่วนผสมที่ละลายในน้ำ ซึ่งหมายความว่าสูตรตามที่เขียนมาจะไม่สามารถใช้งานได้ และส่วนผสมที่ละลายในน้ำ (Vitamin B3, Vitamin B5, Vitamin C, Alpha Arbutin, สารสกัดว่านหางจระเข้) จะไม่ละลายอย่างเหมาะสม ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่ไม่ดีและผลิตภัณฑ์ไม่มีประสิทธิภาพ

ในการสร้างเซรั่มหรือเจลที่ใช้งานได้ด้วยส่วนผสมเหล่านี้ คุณ ต้อง มีเฟสน้ำในปริมาณที่เหมาะสม

ทำไมสูตรเดิมถึงใช้งานไม่ได้

ส่วนผสมอย่าง Vitamin B3 (Niacinamide), Vitamin B5 (Panthenol), Vitamin C (Ascorbic Acid), Alpha Arbutin และสารสกัดว่านหางจระเข้ เป็นสารที่ชอบน้ำ (hydrophilic) และต้องการน้ำในการละลาย สูตรของคุณประกอบด้วยส่วนผสมที่ชอบน้ำมัน (lipophilic) เป็นหลัก เช่น Cyclopentasiloxane และ Silicone Gel แม้ว่า Propylene Glycol จะช่วยในการละลายได้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถทดแทนความจำเป็นของเฟสน้ำในการละลายสารออกฤทธิ์เหล่านี้ได้

เนื้อสัมผัสและการพิจารณาการทำสูตร

สูตรที่มี Cyclopentasiloxane และ Silicone Gel ในปริมาณสูงมักจะให้ความรู้สึกนุ่มลื่นและเนียน เพื่อที่จะรวมสารออกฤทธิ์ที่ละลายในน้ำของคุณและให้ได้เนื้อสัมผัสที่คงตัว เช่น เซรั่มหรือเจล คุณจำเป็นต้องสร้างอิมัลชันหรือการกระจายตัวโดยการเพิ่มเฟสน้ำและใช้อิมัลซิไฟเออร์หรือสารเพิ่มความข้นที่เหมาะสม

ส่วนผสมอย่าง Sepimax Zen หรือ Sepinov EMT10 เป็นตัวอย่างของสารเพิ่มความข้น/อิมัลซิไฟเออร์ที่สามารถช่วยให้สูตรที่มีทั้งน้ำและซิลิโคน/น้ำมันมีความคงตัว ทำให้คุณสามารถสร้างเนื้อเจลหรือเซรั่มที่ส่วนผสมทั้งหมดกระจายตัวหรือละลายได้อย่างเหมาะสม

ความคงตัวของ Vitamin C

L-Ascorbic Acid (Vitamin C) มีประสิทธิภาพสูง แต่ก็ไม่คงตัวอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในน้ำ และเมื่อสัมผัสกับแสง อากาศ ความร้อน และไอออนของโลหะ ความคงตัวของมันขึ้นอยู่กับค่า pH เป็นอย่างมาก (ค่าที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 2.0-4.0 แม้ว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมักจะตั้งเป้าที่ pH 3.5 หรือสูงกว่าสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ทาทิ้งไว้) การเพิ่มน้ำมันจะไม่ช่วยให้ Vitamin C ในเฟสน้ำคงตัว ปัญหาความคงตัวที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ค่า pH และการเกิดออกซิเดชันจะยังคงมีอยู่ในส่วนของน้ำในอิมัลชัน เพื่อปรับปรุงความคงตัว ควรพิจารณา:

  • ใช้น้ำกลั่นหรือน้ำ Deionized Water
  • ปรับค่า pH สุดท้ายให้อยู่ในช่วง 3.5-4.0
  • เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ (เช่น Ferulic Acid หรือ Vitamin E) และสารคีเลต (เช่น Disodium EDTA)
  • เก็บผลิตภัณฑ์ในบรรจุภัณฑ์ทึบแสง ในที่เย็นและมืด เช่น ในตู้เย็น

การผสม Vitamin C เป็นลำดับสุดท้าย หลังจากที่ได้เบสแล้วและปรับค่า pH แล้ว สามารถช่วยลดการสัมผัสกับสภาวะที่อาจทำให้เกิดการเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควรได้

การใส่สารกันเสีย

ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางใดๆ ที่มีน้ำมีแนวโน้มที่จะเกิดการปนเปื้อนจากจุลินทรีย์ (แบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์) ซึ่งอาจนำไปสู่การเน่าเสียและอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังได้ แม้แต่ผลิตภัณฑ์ที่ตั้งใจจะใช้ในระยะสั้น (เช่น หนึ่งเดือน) และเก็บในตู้เย็น การปนเปื้อนก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ในระหว่างการเตรียมหรือการใช้งาน ขอแนะนำอย่างยิ่งให้ใส่ระบบสารกันเสียแบบ Broad-spectrum ในสูตรของคุณ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและความคงตัวตลอดระยะเวลาการใช้งาน

การปรับเปลี่ยนสูตรที่แนะนำ (ตัวอย่าง)

เพื่อให้สูตรของคุณใช้งานได้ คุณอาจพิจารณาโครงสร้างดังนี้:

  • เฟสน้ำ: Deionized Water (ปรับเปอร์เซ็นต์ให้ครบ 100% ของสูตรทั้งหมด อาจจะ 40-50% หรือมากกว่า)
  • สารออกฤทธิ์ที่ละลายในน้ำ:
    • Vitamin B3 (Niacinamide): 5%
    • Vitamin B5 (Panthenol): 5%
    • Vitamin C (Ascorbic Acid): 15%
    • Alpha Arbutin: 2%
    • สารสกัดว่านหางจระเข้: 3%
  • เฟสน้ำมัน/ซิลิโคน:
    • Cyclopentasiloxane: 40% (ปรับตามความรู้สึกที่ต้องการ)
    • Silicone Gel: 20% (ปรับตามความรู้สึกที่ต้องการ)
    • Propylene Glycol: 10%
  • อิมัลซิไฟเออร์/สารเพิ่มความข้น: เพิ่มส่วนผสมที่เหมาะสม เช่น Sepimax Zen (0.5-2%) หรือ Sepinov EMT10 (ตรวจสอบอัตราการใช้จากผู้จำหน่าย)
  • สารปรับค่า pH: Lactic Acid หรือ Sodium Hydroxide (ตามความจำเป็นเพื่อให้ได้ pH 3.5-4.0)
  • สารกันเสีย: เพิ่มระบบสารกันเสียแบบ Broad-spectrum ที่เหมาะสม
  • สารต้านอนุมูลอิสระ/สารคีเลต (ทางเลือก): เพิ่มส่วนผสมเช่น Ferulic Acid, Vitamin E หรือ Disodium EDTA

การทำสูตรประเภทนี้ต้องใช้การผสมอย่างระมัดระวังเพื่อให้เฟสซิลิโคนกระจายตัวอย่างเหมาะสมในเฟสน้ำที่ข้นขึ้น และเพื่อให้มั่นใจในความคงตัว

สรุปคือ สูตรเดิมของคุณไม่สามารถทำได้จริง เนื่องจากส่วนผสมที่ละลายในน้ำจะไม่ละลายหากไม่มีเฟสน้ำ คุณจำเป็นต้องมีน้ำ สารเพิ่มความข้น/อิมัลซิไฟเออร์ที่เหมาะสม ปรับค่า pH เพื่อความคงตัว (โดยเฉพาะ Vitamin C) และใส่สารกันเสียเพื่อความปลอดภัย แม้จะใช้ในระยะสั้นก็ตาม

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Alpha Arbutin (Switzerland)
Alpha Arbutin (Switzerland)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง
Propylene Glycol
Propylene Glycol
เครื่องสำอาง
Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
เครื่องสำอาง
Silicone Gel (Ultra Clear, Super Silky)
Silicone Gel (Ultra Clear, Super Silky)
เครื่องสำอาง
Sepimax Zen
Sepimax Zen
เครื่องสำอาง
Sepinov EMT10
Sepinov EMT10
เครื่องสำอาง