การพัฒนาสูตรเซรั่ม Vitamin C + DMAE (ไม่ใช้ความร้อน) และความเสถียร

ถามโดย: sanitbenzdragon เมื่อ: November 13, 2013 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ก่อนหน้านี้เคยลองทำครีม Vitamin C โดยใช้ Satin Mousse™ ร่วมกับ Zinc PCA และ DMAE แต่พบปัญหาเนื้อแยกชั้น อยากได้สูตรที่ทำง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้ความร้อน เป็นเนื้อเจลหรือน้ำที่ซึมง่าย เหมาะกับผิวผสมและใช้ตอนกลางวัน โดยสนใจสูตรที่มีส่วนผสมของ Vitamin C (L-Ascorbic Acid), DMAE, Ferulic Acid, และ Vitamin E

ขอคำแนะนำสูตรเซรั่มหรือเนื้อน้ำ Vitamin C + DMAE แบบง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้ความร้อน เน้นความเสถียรของ Vitamin C และเนื้อสัมผัสที่ซึมง่าย ไม่เหนอะหนะ รวมถึงปัญหาเรื่อง Vitamin C เปลี่ยนเป็นสีเหลืองด้วยครับ/ค่ะ

คำตอบ

สวัสดีค่ะ เข้าใจเลยค่ะว่าการผสมแล้วไม่ได้เนื้อตามที่ต้องการซ้ำๆ ทำให้รู้สึกท้อได้ การทำสูตรที่มีส่วนผสมหลายตัวและต้องการเนื้อสัมผัสเฉพาะเจาะจงอาจมีความซับซ้อนค่ะ

จากปัญหาที่คุณลูกค้าพบในการทำครีม Vitamin C ครั้งก่อน ที่เนื้อแยกชั้นและไม่เป็นสีขาวข้นตามที่ต้องการ เกิดจากข้อจำกัดของ Satin Mousse™ ที่ไม่เข้ากันกับส่วนผสมบางตัวในสูตร โดยเฉพาะ Zinc PCA และ DMAE ค่ะ ตามคำแนะนำของ Staff คือหากต้องการใช้ส่วนผสมเหล่านี้ ควรเปลี่ยนไปใช้ Light Cream Maker (Sepiplus 400) และอาจต้องใช้ในปริมาณที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม คุณลูกค้าต้องการสูตรที่ง่ายขึ้น ไม่ใช้ความร้อน และเป็นเนื้อเจลหรือน้ำซึมง่าย ซึ่งเหมาะกับผิวผสมและใช้ตอนกลางวันได้ดีกว่าเนื้อครีมหนักๆ ค่ะ

สำหรับการทำ Vitamin C ในรูปแบบเซรั่มหรือเนื้อน้ำที่ซึมง่าย และช่วยลดปัญหาการ Oxidation (ซึ่งทำให้เหลือง) สามารถทำได้โดยเน้นการใช้สารละลายที่เหมาะสมและควบคุมค่า pH ค่ะ การเหลืองของ Vitamin C (L-Ascorbic Acid) เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเมื่อสัมผัสอากาศ แสง หรือความร้อน แม้จะใส่สารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ เช่น Ferulic Acid และ Vitamin E เพื่อช่วยชะลอการเสื่อม แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้ 100% ค่ะ สีเหลืองอ่อนๆ ที่เกิดขึ้นหลังผสมอาจมาจาก Vitamin C ที่เริ่มเสื่อม หรืออาจมาจากสีธรรมชาติของส่วนผสมอื่นๆ เช่น Vitamin E หรือ Ferulic Acid เองก็ได้ค่ะ ไม่สามารถบอกปริมาณที่เสื่อมไปได้จากสีเพียงอย่างเดียวค่ะ การที่สีเปลี่ยนเป็นสีส้มเข้มหรือสีน้ำตาล แสดงว่ามีการเสื่อมสภาพไปมากแล้ว

ขอแนะนำสูตรเซรั่ม Vitamin C + DMAE แบบง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้ความร้อน และเน้นความเสถียรของ Vitamin C ดังนี้ค่ะ

สูตรเซรั่ม Vitamin C + DMAE (ไม่ใช้ความร้อน)

สูตรนี้เน้นการละลายส่วนผสมในตัวทำละลายที่เหมาะสมและควบคุมค่า pH เพื่อให้ Vitamin C มีความเสถียรสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ค่ะ

  • ส่วนผสม:

    • น้ำกลั่น (Distilled Water): ปรับให้ครบ 100%
    • L-Ascorbic Acid (Vitamin C): 15%
    • DMAE (SkinTight MD™) Liquid: 4%
    • Ferulic Acid: 1%
    • Vitamin E (dl-alpha tocopherol): 1%
    • Propylene Glycol: 10%
    • Ethoxydiglycol: 10%
    • Disodium EDTA: 0.2%
    • Phenoxyethanol: 1%
    • สารปรับค่า pH (เช่น Lactic Acid Solution หรือ Triethanolamine Solution): เล็กน้อยสำหรับปรับค่า pH
  • ขั้นตอนการผสม (ไม่ใช้ความร้อน):

    1. ในบีกเกอร์ที่ 1: ชั่งน้ำกลั่น, Disodium EDTA, Propylene Glycol, และ Ethoxydiglycol รวมกัน คนให้ Disodium EDTA ละลายจนหมด
    2. สำคัญมาก: ใช้เครื่องวัด pH วัดค่า pH ของส่วนผสมในบีกเกอร์ที่ 1 ค่อยๆ เติมสารปรับค่า pH (เช่น Lactic Acid Solution หรือ Triethanolamine Solution) ทีละน้อยมากๆ คนให้เข้ากัน และวัดค่า pH ซ้ำ จนได้ค่า pH อยู่ในช่วง 3.0-3.5
    3. ในบีกเกอร์ที่ 2: ชั่ง L-Ascorbic Acid และ Ferulic Acid ใช้ Ethoxydiglycol หรือ Propylene Glycol ส่วนหนึ่งจากบีกเกอร์ที่ 1 (หักปริมาณออกจากบีกเกอร์ที่ 1 ก่อน) มาช่วยละลาย Ferulic Acid ให้ละลายดีก่อน จากนั้นจึงนำ L-Ascorbic Acid และ Ferulic Acid ที่ละลายแล้ว เทรวมลงในบีกเกอร์ที่ 1 คนอย่างต่อเนื่องจน L-Ascorbic Acid ละลายหมด (อาจใช้เวลาพอสมควร) ตรวจสอบค่า pH อีกครั้ง ควรอยู่ในช่วง 3.0-3.5 หากค่านอกช่วง ให้ปรับด้วยสารปรับค่า pH เล็กน้อย
    4. เติม Vitamin E และ Phenoxyethanol ลงในส่วนผสมหลัก คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน
    5. ตรวจสอบค่า pH ครั้งสุดท้าย ควรอยู่ในช่วง 3.0-3.5
    6. บรรจุเซรั่มที่ได้ลงในขวดทึบแสงและปิดสนิททันที เพื่อป้องกันการเสื่อมจากแสงและอากาศ
  • ข้อควรทราบ:

    • สูตรนี้จะได้เนื้อสัมผัสแบบน้ำเซรั่ม ซึมง่าย ไม่เหนอะหนะ เหมาะสำหรับผิวผสมและใช้ตอนกลางวัน
    • การควบคุมค่า pH ให้อยู่ในช่วง 3.0-3.5 เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับความเสถียรและการทำงานของ L-Ascorbic Acid
    • การใช้ขวดทึบแสงและหลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศโดยตรงจะช่วยชะลอการ Oxidation ได้
    • แม้จะใช้สารช่วยชะลอการเสื่อม แต่ Vitamin C (L-Ascorbic Acid) ก็ยังคงเสื่อมสภาพได้ตามธรรมชาติเมื่อเวลาผ่านไป การเหลืองเป็นสัญญาณของการเสื่อม ควรเก็บในที่เย็นและใช้ให้หมดภายในระยะเวลาที่เหมาะสม (โดยทั่วไปประมาณ 3-6 เดือนหลังผสม หากเก็บรักษาอย่างดี)

หวังว่าสูตรและขั้นตอนที่ง่ายขึ้นนี้จะช่วยให้คุณลูกค้าผสมเซรั่ม Vitamin C + DMAE ได้สำเร็จนะคะ หากมีคำถามเพิ่มเติม ถามได้เลยค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Pure-Ferulic Acid™
Pure-Ferulic Acid™
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
เครื่องสำอาง
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
เครื่องสำอาง
Propylene Glycol
Propylene Glycol
เครื่องสำอาง
Triethanolamine 99%
Triethanolamine 99%
เครื่องสำอาง
Phenoxyethanol (Extra Pure)
Phenoxyethanol (Extra Pure)
เครื่องสำอาง
Disodium EDTA
Disodium EDTA
เครื่องสำอาง
DMAE (SkinTight MD™) Liquid
DMAE (SkinTight MD™) Liquid
เครื่องสำอาง