คำถาม

มีคำถามเกี่ยวกับการรักษาสิว โดยเฉพาะสิวอุดตัน และการพัฒนาสูตรดังนี้ค่ะ:

Benzoyl Peroxide (BP) มีความแตกต่างอย่างไรกับ Salicylic Acid ในการช่วยละลายสิวอุดตัน?
สามารถทำเจลเองที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ BP ได้หรือไม่?
มีสูตรที่เสนอไว้ 2 สูตร ดังนี้ค่ะ:
- สูตรเจล (ที่มี Retinaldehyde)
```
water   89.05
Sodium PCA  3
Any Gel 1
Retinaldehyde   0.05
FloraSolve  6
Vit E   0.1
Phenoxyethanol SA   0.8
```
- สูตรโทนเนอร์ (ที่มี Salicylic Acid EZ)
```
water   81.5
Salicylic Acid EZ™ 10% (เท่ากับ Active Salicylic Acid 2%)   10
Vitamin B5 (ให้ความชุ่มชื้นผิว ลดการระคายเคืองจาก Salicylic Acid)   3
Vitamin B3 (ให้ผิวแข็งแรง ลดความมันผิว ลดการสร้าง sebum ของผิว) 5
Phenoxyethanol SA   0.5
```
รบกวนช่วยตรวจสอบสูตรเหล่านี้และให้คำแนะนำขั้นตอนการผสม โดยเฉพาะสูตรเจล Retinaldehyde เพื่อป้องกันการตกตะกอน และการใช้โทนเนอร์ Salicylic Acid ตามด้วยเจล Retinaldehyde จะเป็นการเสริมประสิทธิภาพกันหรือไม่คะ?
อยากทราบเหตุผลที่ Encapsulated Salicylic Acid แนะนำให้ใช้แบบล้างออก ในขณะที่ Salicylic Acid ทั่วไป (เช่น Salicylic Acid EZ) สามารถทาทิ้งไว้ได้เลย ทั้งๆ ที่ Encapsulation มักจะเกี่ยวข้องกับการค่อยๆ ปล่อยสารที่อ่อนโยนกว่า?

คำตอบ

BP vs Salicylic Acid สำหรับสิวอุดตัน

เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง Benzoyl Peroxide (BP) และ Salicylic Acid ในการรักษาสิวอุดตัน:

จากข้อมูลที่ให้มา โดยทั่วไป Benzoyl Peroxide ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า Salicylic Acid ในการละลายสิวอุดตัน (comedones) ที่มีอยู่แล้ว แม้ว่าสารทั้งสองชนิดจะช่วยละลายสิวอุดตันได้ แต่ BP มีประสิทธิภาพที่ชัดเจนกว่าในสภาวะที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม BP มีข้อจำกัดสำคัญเกี่ยวกับความเสถียรและอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้มาก ขึ้นอยู่กับเบสหรือตัวทำละลายในสูตร (เช่น Ethyl Alcohol)

Salicylic Acid ก็ช่วยละลายสิวอุดตันได้เช่นกัน และประสิทธิภาพในการใช้งานจริงอาจได้รับอิทธิพลจากองค์ประกอบโดยรวมของสูตร เช่นเดียวกับ BP

การทำเจลเองที่ใกล้เคียง BP

ไม่สามารถทำเจลที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ BP สำหรับใช้เองได้ ทีมงานแนะนำว่าการควบคุมสิวอุดตันต้องอาศัยกระบวนการที่หลากหลายและส่วนผสมหลายชนิด ไม่ใช่แค่การทายาเพียงอย่างเดียว พวกเขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้ส่วนผสมในกลุ่ม Vitamin A (เช่น Retinaldehyde) เพื่อช่วยลดโอกาสการก่อตัวของสิวอุดตันใหม่ๆ

การพิจารณาสูตรที่เสนอ

1. สูตรเจล (ที่มี Retinaldehyde)

สูตรเจลที่คุณเสนอโดยใช้ Retinaldehyde ได้รับการพิจารณาแล้ว ทีมงานแนะนำให้ปรับขั้นตอนเล็กน้อย:

เมื่อผสมส่วน C (ที่มี Retinaldehyde และ FloraSolve) ที่อุณหภูมิไม่เกิน 60°C ให้อุ่นส่วน AB (water และ Sodium PCA) ที่อุณหภูมิใกล้เคียงกันด้วย จากนั้นเติม C ลงใน AB ในขณะที่อุณหภูมิใกล้เคียงกัน ปั่นหรือคนให้เข้ากัน วิธีนี้จะช่วยให้การประสานทำได้ดีขึ้น และป้องกันไม่ให้ส่วนผสมบางรายการ เช่น Retinaldehyde เกิดการตกตะกอนเมื่อสัมผัสกับส่วน AB ที่เย็นกว่า ซึ่งจะช่วยให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

2. สูตรโทนเนอร์ (ที่มี Salicylic Acid EZ)

สูตรโทนเนอร์ที่คุณเสนอโดยใช้ Salicylic Acid EZ, Vitamin B5 และ Vitamin B3 ได้รับการพิจารณาแล้ว เพื่อป้องกันการตกตะกอนของ Salicylic Acid ทีมงานแนะนำให้เพิ่มสารสร้างเนื้อเจล เช่น AnyGel ในความเข้มข้น 1% เนื้อเจลจะช่วยลดโอกาสการตกตะกอนของ Salicylic Acid และทำให้สูตรใช้งานได้ง่าย/สะดวกขึ้นด้วย

การใช้โทนเนอร์ (ที่มี Salicylic Acid) ตามด้วยเจล (ที่มี Retinaldehyde) จะเป็นการเสริมประสิทธิภาพกัน Salicylic Acid ช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำความสะอาดสิ่งอุดตันที่มีอยู่ ขณะที่ Retinaldehyde ช่วยควบคุมการผลัดเซลล์ผิวเพื่อป้องกันการเกิดสิวอุดตันใหม่ๆ

ความแตกต่างในการใช้ Salicylic Acid กับ Encapsulated Salicylic Acid

คุณสอบถามเพื่อความชัดเจนว่าทำไม Encapsulated Salicylic Acid ถึงแนะนำให้ล้างออก แต่ Salicylic Acid ทั่วไปสามารถทาทิ้งไว้ได้เลย

สาเหตุคือ Encapsulated Salicylic Acid ถูกห่อหุ้มด้วยสารซักฟอกชนิดหนึ่ง (โดยเฉพาะสารซักฟอกประจุบวก ซึ่งคล้ายกับที่พบในครีมนวดผม) การทิ้งสารซักฟอกนี้ไว้บนผิวเป็นเวลานานไม่เป็นที่แนะนำโดยผู้ผลิต แม้จะล้างออกแล้ว Salicylic Acid ที่มีประจุบวกบางส่วนก็ยังสามารถเกาะอยู่บนผิวได้ คล้ายกับลักษณะของครีมนวดผมที่เคลือบเส้นผมไว้หลังล้างออก

ดังนั้น สำหรับการใช้แบบทาทิ้งไว้ (leave-on) Salicylic Acid EZ จะเหมาะสมกว่า ทั้งในด้านราคาที่ถูกกว่า และไม่มีสารซักฟอกทิ้งไว้บนผิวด้วย Encapsulated Salicylic Acid เหมาะที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์แบบล้างออก เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ซึ่งมีระยะเวลาสัมผัสผิวสั้น แต่ยังต้องการให้มีผลตกค้างอยู่บ้าง