การพัฒนาสูตรและปัญหาความเสถียรของครีมเรตินัล

การทบทวนสูตร: ครีมเรตินัลสำหรับผิวผสมถึงผิวมัน

สูตรที่คุณเสนอนั้นมีส่วนผสมที่ดีหลายอย่างที่ช่วยดูแลปัญหาผิว เช่น ริ้วรอย ความชุ่มชื้น และความมันบนผิวผสมถึงผิวมัน

ส่วนผสมในสูตรของคุณ:

• Retinal (Retinaldehyde): วิตามินเอรูปแบบที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดเลือนริ้วรอย ปรับปรุงเนื้อผิวและสีผิว
• Vitamin B3 (Niacinamide): มีประโยชน์ในการเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ลดรอยแดง/รอยดำ ควบคุมความมัน และปรับปรุงรูขุมขนและริ้วรอย การใช้ร่วมกับ Retinal ยังช่วยลดการระคายเคืองได้
• Hyaluronic Acid: ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ปริมาณ 0.10% ที่คุณใส่มานั้นเหมาะสมสำหรับผิวธรรมดาถึงผิวขาดน้ำทั่วไป
• Light Cream Maker™: สารประสานเนื้อครีมชนิด Oil-in-Water ที่ช่วยสร้างเนื้อครีมที่บางเบา ไม่เหนอะหนะ เหมาะสำหรับผิวผสมถึงผิวมัน และทำงานได้โดยไม่ต้องใช้ความร้อนสูงในการทำอิมัลชัน
• Sweet Almond Oil & Shea Butter Ultra Soft: ช่วยบำรุงผิวและให้ความนุ่มลื่น
• MOIST72™ & WaterLock™: ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันการสูญเสียน้ำของผิว
• Repair Activator™: ส่วนผสมที่ช่วยในการฟื้นฟูผิว
• Protec™ OX: สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องส่วนผสมที่ไวต่อการเสื่อมสภาพ เช่น Retinal

ข้อควรพิจารณาและข้อเสนอแนะในการปรับปรุง:

การเลือกส่วนผสมของคุณนั้นดีแล้ว แต่ขั้นตอนการทำมีจุดสำคัญที่อาจทำให้ Retinal เสื่อมสภาพและลดประสิทธิภาพลงได้

1. ความเสถียรของ Retinal: Retinal (Retinaldehyde) มีความไวต่อความร้อน แสง และอากาศ การให้ความร้อนกับส่วนของน้ำมันที่ใส่ Retinal ไปแล้วถึง 50°C เพื่อละลาย Shea Butter มีแนวโน้มที่จะทำให้ Retinal เสื่อมสภาพลงอย่างมาก
2. Protec™ OX: แม้ว่า Protec™ OX จะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีในการปกป้องส่วนผสมอย่าง Retinal แต่ตามคำอธิบายผลิตภัณฑ์ Protec™ OX มักจะต้องใช้ความร้อน (70-80°C) เพื่อช่วยในการละลายในน้ำมัน ซึ่งขัดแย้งกับความไวต่อความร้อนของ Retinal หากใส่พร้อมกันและให้ความร้อน

ข้อเสนอแนะขั้นตอนการทำที่ปรับปรุง:

เพื่อปกป้อง Retinal และให้แน่ใจว่าครีมของคุณมีความเสถียรและประสิทธิภาพที่ดี ควรพิจารณาปรับเปลี่ยนขั้นตอนการทำดังนี้:

• ส่วน A (Water Phase): ผสม Water, Vitamin B3, MOIST72™, WaterLock™, Repair Activator™ และ Hyaluronic Acid คนให้ส่วนผสมที่ละลายน้ำได้ทั้งหมดละลายเข้ากันดี
• ส่วน B (Oil Phase): ผสม Sweet Almond Oil และ Shea Butter Ultra Soft เข้าด้วยกัน ให้ความร้อน (60-70°C ตามคำแนะนำของ Shea Butter Ultra Soft) เพื่อละลาย Shea Butter จนหมด ใส่ Protec™ OX ลงในส่วนของน้ำมันที่ร้อนนี้และคนให้ละลาย เมื่อละลายแล้ว นำออกจากความร้อนและปล่อยให้ส่วนของน้ำมันนี้เย็นลงอย่างมาก โดยให้อยู่ในอุณหภูมิห้องหรือต่ำกว่า 40°C
• ส่วน C (การเติม Retinal): เมื่อส่วนของน้ำมัน (ส่วน B) เย็นลงแล้ว ให้เติม Retinal ลงไปและคนเบาๆ จนกระจายตัวหรือละลาย หลีกเลี่ยงการคนแรงๆ ที่จะนำอากาศเข้าไปมากเกินไป
• ส่วน D (การทำอิมัลชัน): เติม Light Cream Maker™ ลงในส่วนของน้ำมันที่เย็นแล้ว (ส่วน C) และผสมให้เข้ากันดี
• ส่วน E (การรวมส่วนผสม): ค่อยๆ เทส่วนของน้ำมัน (ส่วน D) ลงในส่วนของน้ำ (ส่วน A) พร้อมกับคนอย่างต่อเนื่อง สามารถใช้เครื่องผสมมือหรือไม้พายคนด้วยความเร็วปานกลาง คนต่อไปจนได้เนื้อครีมที่เป็นเนื้อเดียวกัน (ปกติใช้เวลา 1-5 นาที) หลีกเลี่ยงการปั่นด้วยความเร็วสูง (เกิน 2500 รอบต่อนาที) เพราะอาจทำให้โครงสร้างโพลีเมอร์ของสารประสานเนื้อครีมเสียหายได้
• ส่วน F (ขั้นตอนสุดท้าย): เมื่อครีมก่อตัวและเย็นลงจนสมบูรณ์แล้ว สามารถเติมส่วนผสมอื่นๆ ที่ไวต่อความร้อน (เช่น น้ำหอม ถ้าใช้) และปรับค่า pH หากจำเป็น (Niacinamide ทำงานได้ดีที่สุดที่ pH 4.0-7.0 และ Retinal แนะนำที่ pH 3.5-6.5)
• การบรรจุภัณฑ์: ควรบรรจุครีมที่ได้ลงในบรรจุภัณฑ์ทึบแสงและเป็นระบบ Airless Pump หรือหลอดบีบ เพื่อป้องกัน Retinal จากแสงและอากาศ ซึ่งจะช่วยรักษาประสิทธิภาพของ Retinal ได้ยาวนานขึ้น

เกี่ยวกับ Ectoine:

คุณกล่าวถึงว่าต้องการ Ectoine ในสูตรด้วย แต่ไม่ได้ระบุไว้ในส่วนผสมที่เสนอมา หากคุณต้องการใส่ Ectoine สามารถเติมลงในส่วนของน้ำ (ส่วน A) พร้อมกับส่วนผสมที่ละลายน้ำอื่นๆ ได้ เนื่องจาก Ectoine ละลายน้ำได้และทนความร้อนได้ถึง 80°C อัตราการใช้ Ectoine ที่แนะนำโดยทั่วไปคือ 0.5-2.0%

การปรับขั้นตอนการทำเพื่อให้เติม Retinal ในอุณหภูมิที่ต่ำลงหลังจากที่อิมัลชันเย็นตัวแล้ว จะช่วยให้คุณได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพมากขึ้น.