แผนการปรับสูตรโทนเนอร์

จากสภาพผิวของคุณ (ผิวมัน มีสิวขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว และมีรอยดำจากสิว) และการที่คุณใช้ Vitamin C E Ferulic Pre-Mix Kit อยู่แล้ว แผนการปรับมาใช้โทนเนอร์แยกกัน 2 สูตรเพื่อเน้นการดูแลปัญหาผิวที่แตกต่างกันถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีค่ะ

โทนเนอร์ตอนเช้า: ควบคุมความมันและลดสิว

ส่วนผสมที่คุณเสนอสำหรับโทนเนอร์ตอนเช้าเหมาะสมสำหรับการควบคุมความมันและจัดการปัญหาสิว:

• MSM (Methylsulfonylmethane): มีคุณสมบัติช่วยควบคุมความมัน
• สารสกัดชะเอมเทศ (Licochalcone A): ช่วยลดการอักเสบและความมันของผิว
• Zinc PCA: มีประสิทธิภาพในการลดการผลิตน้ำมันและช่วยสมานผิว
• วิตามินบี 3 (Niacinamide): ให้ประโยชน์หลายด้าน รวมถึงลดความมัน ปรับปรุงรูขุมขน และต้านการอักเสบ
• Azelaic Acid: ช่วยควบคุมความมัน และสามารถช่วยเรื่องสิวและทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น

การผสมผสานนี้จะเน้นจัดการสาเหตุหลักของความมันและช่วยดูแลปัญหาสิวที่เกิดขึ้น

โทนเนอร์กลางคืน: ผิวขาวกระจ่างใสและลดรอยดำจากสิว

ส่วนผสมที่คุณเสนอสำหรับโทนเนอร์กลางคืนเหมาะสมสำหรับการจัดการรอยดำจากสิว (PIH):

• Glucosamine (N-Acetyl-D): ทำงานร่วมกับวิตามินบี 3 ได้ดีในการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและลดเลือนจุดด่างดำ
• Tranexamic Acid: ส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดการสร้างเม็ดสี เหมาะสำหรับฝ้าและจุดด่างดำ
• Zinc PCA: ใส่เข้ามาอีกครั้งเพื่อช่วยเรื่องการสมานผิวและการสร้างคอลลาเจน ซึ่งอาจช่วยให้รอยสิวดูจางลงได้
• วิตามินบี 3 (Niacinamide): ยังคงช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวและลดรอยดำจากสิว

สูตรนี้จะเน้นไปที่การลดเลือนรอยดำที่มีอยู่และส่งเสริมให้สีผิวดูสม่ำเสมอมากขึ้น

การเพิ่มความชุ่มชื้น

เนื่องจากคุณมีสภาพผิวมันและผิวไม่แห้งลอกหลังล้างหน้า จึงควรทำตามคำแนะนำเดิมคือเริ่มต้นโดยไม่เพิ่มส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นในโทนเนอร์เหล่านี้ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้โทนเนอร์หนักผิวเกินไปหรืออาจทำให้เกิดการอุดตันได้ หากหลังจากใช้โทนเนอร์แล้วรู้สึกว่าผิวยังต้องการความชุ่มชื้นเพิ่ม สามารถพิจารณาเพิ่มสารให้ความชุ่มชื้นชนิดที่ละลายน้ำได้และเนื้อบางเบาในความเข้มข้นต่ำๆ ได้ค่ะ ส่วนผสมอย่าง Beta Glucan (โดยเฉพาะชนิดที่สกัดจากข้าวโอ๊ตและละลายน้ำได้) มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิวโดยไม่ทำให้รู้สึกหนักผิว

การเพิ่ม DMAE สำหรับ Anti-Aging

คุณสนใจที่จะเพิ่ม DMAE ชนิดเหลวเพื่อคุณสมบัติ Anti-Aging โดยเฉพาะเรื่องริ้วรอย เนื่องจากอายุใกล้เข้าเลข 3 แล้ว DMAE เป็นส่วนผสมที่รู้จักกันว่าอาจช่วยให้ผิวกระชับขึ้นและลดเลือนริ้วรอยได้ ชนิดน้ำที่มี pH ไม่เป็นกรด อาจนำมาผสมในโทนเนอร์ได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องระวังว่า DMAE อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ โดยเฉพาะในผิวแพ้ง่ายหรือใช้ในความเข้มข้นสูง หากตัดสินใจที่จะใส่ ควรเริ่มต้นจากความเข้มข้นต่ำๆ (เช่น 1-3%) และสังเกตปฏิกิริยาของผิวก่อนที่จะพิจารณาเพิ่มความเข้มข้น โดยทั่วไปจะผสมในขั้นตอนสุดท้ายของการทำสูตร ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 40°C คุณสามารถเลือกเพิ่ม DMAE ในโทนเนอร์ตอนเช้าหรือกลางคืน หรือจะนำไปผสมในผลิตภัณฑ์ Anti-Aging อื่นๆ ในขั้นตอนการดูแลผิวของคุณก็ได้ค่ะ

แผนการแยกโทนเนอร์ตามการทำงานเป็นแนวทางที่สมเหตุสมผลในการจัดการปัญหาผิวเฉพาะของคุณ ควบคู่ไปกับการใช้เซรั่มวิตามินซีที่มีอยู่ อย่าลืมค่อยๆ เริ่มใช้สูตรใหม่และสังเกตการตอบสนองของผิวด้วยนะคะ