การพัฒนาสูตรโทนเนอร์เพื่อความชุ่มชื้นและควบคุมความมัน โดยใช้มิ้นท์และ Niacinamide

ถามโดย: pawi6727 เมื่อ: June 11, 2024 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ต้องการทำโทนเนอร์เพื่อความชุ่มชื้นและควบคุมความมัน สามารถใช้ใบมิ้นท์สดหรือน้ำมันเปปเปอร์มิ้นท์ได้หรือไม่ ควรใส่ Niacinamide (B3) เพิ่มเติมหรือไม่ และควรใส่สารอื่นใดอีกบ้าง สูตรที่คิดไว้ (น้ำใบมิ้นท์สกัด 94%, B3 5%, Mild Preserved Eco 1%) เหมาะสมหรือไม่?

คำตอบ

การทำโทนเนอร์สมุนไพรและส่วนผสมที่แนะนำ

สวัสดีค่ะ เข้าใจว่าคุณต้องการทำโทนเนอร์เพื่อช่วยเรื่องความชุ่มชื้นและควบคุมความมันนะคะ เป็นความคิดที่ดีที่จะใช้ส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่อผิวค่ะ

การใช้ใบมิ้นท์สดหรือน้ำมันเปปเปอร์มิ้นท์

  • ใบมิ้นท์สด: การนำใบมิ้นท์สดมาสกัดใช้เองที่บ้านมีความเสี่ยงสูงในเรื่องความสะอาดและอายุการใช้งานค่ะ สารสกัดจากพืชสดที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการที่เหมาะสมจะเสียง่ายมากและอาจมีการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผิวได้ค่ะ
  • น้ำมันเปปเปอร์มิ้นท์: น้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มิ้นท์มีความเข้มข้นสูงมาก ควรใช้ในปริมาณที่น้อยมากๆ (มักจะต่ำกว่า 1%) ในสูตรโทนเนอร์ เพราะอาจระคายเคืองผิวได้ค่ะ โดยเฉพาะผิวแพ้ง่าย น้ำมันเปปเปอร์มิ้นท์ให้กลิ่นและความรู้สึกเย็นสดชื่นเป็นหลัก แต่ไม่ได้ให้ประโยชน์เรื่องความชุ่มชื้นหรือควบคุมความมันเท่าที่ควรค่ะ หากต้องการใช้ ควรใช้น้ำมันหอมระเหยเกรดเครื่องสำอางและต้องมีตัวช่วยในการละลาย (solubilizer) ในเบสน้ำด้วยค่ะ
  • คำแนะนำ: เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ควรเลือกใช้สารสกัดจากมิ้นท์เกรดเครื่องสำอาง หรือ Peppermint Water (น้ำสกัดจากเปปเปอร์มิ้นท์) ที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ในเครื่องสำอางโดยเฉพาะ จะมีความคงตัวและปลอดภัยกว่าค่ะ

สูตรที่คุณคิดไว้

  • น้ำใบมิ้นท์สกัด 94%: อย่างที่กล่าวไปข้างต้น การใช้สารสกัดสดในปริมาณสูงขนาดนี้โดยไม่มีระบบกันเสียที่แข็งแรงเพียงพอมีความเสี่ยงสูงมากค่ะ แม้แต่น้ำสกัด (Hydrosol) เกรดเครื่องสำอางก็มักจะใช้ในปริมาณที่น้อยกว่านี้ หรือต้องมีระบบกันเสียที่เหมาะสมค่ะ
  • B3 (Niacinamide) 5%: เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับความต้องการของคุณเลยค่ะ Niacinamide ที่ความเข้มข้น 5% มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยลดความมันส่วนเกินบนผิว เสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น (ซึ่งช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น) ลดรอยแดง และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น เป็นส่วนผสมที่เหมาะมากสำหรับผิวผสมถึงผิวมันที่ยังต้องการความชุ่มชื้นค่ะ
  • Mild Preserved Eco 1%: สารกันเสียเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในสูตรที่มีส่วนประกอบของน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีส่วนผสมจากธรรมชาติค่ะ Mild Preserved Eco เป็นสารที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ได้ดี ควรใช้ตามอัตราที่ผู้จำหน่ายแนะนำสำหรับสูตรของคุณค่ะ

สารอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและปรับผิวไม่ให้มัน

นอกจาก Niacinamide แล้ว ยังมีสารอื่นๆ ที่น่าสนใจที่คุณสามารถพิจารณาเพิ่มในสูตรได้ค่ะ เพื่อให้โทนเนอร์มีประสิทธิภาพตรงตามความต้องการมากขึ้น:

  • Hyaluronic Acid: เป็น Humectant (สารช่วยดูดความชื้นเข้าสู่ผิว) ที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำและดูเต่งตึงขึ้น มีหลายขนาดโมเลกุลให้เลือกใช้ ซึ่งให้ประโยชน์ในการให้ความชุ่มชื้นในระดับความลึกที่ต่างกันค่ะ
  • Glycerin: เป็น Humectant พื้นฐานที่ดี ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิว ใช้ในปริมาณเล็กน้อย (ประมาณ 1-5%) ก็เพียงพอค่ะ
  • Panthenol (Vitamin B5): ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง และเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและชุ่มชื้นขึ้นค่ะ
  • Zinc PCA: เป็นสารที่ช่วยควบคุมความมันส่วนเกินบนผิวได้ดี และยังมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบและสมานผิว เหมาะสำหรับผิวเป็นสิวหรือผิวมันมากๆ ค่ะ
  • Allantoin: ช่วยลดการระคายเคือง ปลอบประโลมผิว และช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นค่ะ

แนวทางการปรับปรุงสูตร (ตัวอย่าง)

แทนที่จะใช้น้ำใบมิ้นท์สกัดสดในปริมาณสูง ลองพิจารณาปรับสูตรดังนี้ค่ะ:

  • Peppermint Water หรือ Mint Luteolin™ (สารสกัดมิ้นท์เกรดเครื่องสำอาง): ใช้เป็นส่วนหนึ่งของเบสน้ำ (เช่น 10-30% ของสูตร) หรือใช้น้ำบริสุทธิ์เป็นหลัก แล้วเติมสารสกัดมิ้นท์เกรดเครื่องสำอางในปริมาณที่แนะนำ (เช่น 1-3%)
  • Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide): ใช้ 5% ตามที่คุณต้องการ
  • Hyaluronic Acid (Standard Molecule): ใช้ประมาณ 0.1-0.5% เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
  • Glycerin (USP/Food Grade): ใช้ประมาณ 2-3% เพื่อช่วยเรื่องความชุ่มชื้น
  • Zinc PCA: หากต้องการเน้นควบคุมความมัน อาจเพิ่ม Zinc PCA ประมาณ 0.5-1.0%
  • Allantoin: หากต้องการปลอบประโลมผิว อาจเพิ่ม Allantoin ประมาณ 0.1-0.5%
  • PreB5™ (Pantolactone, Pantoyl Lactone): อาจเพิ่ม PreB5™ ประมาณ 0.5-1.0% เพื่อเสริมความชุ่มชื้นและบำรุงผิว
  • Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free): ใช้ตามอัตราที่ผู้จำหน่ายแนะนำ (มักจะ 1.0-1.5%) เพื่อให้สูตรคงตัวและปลอดภัย
  • น้ำบริสุทธิ์: ปรับปริมาณน้ำบริสุทธิ์ที่เหลือเพื่อให้ครบ 100%

ข้อควรจำ:

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าส่วนผสมทุกตัวเข้ากันได้ในสูตร และละลายได้ดีในเบสน้ำค่ะ
  • ควรวัดและปรับค่า pH ของโทนเนอร์ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับผิว (ประมาณ pH 5-6) และเหมาะสมกับส่วนผสมที่ใช้ (เช่น Niacinamide ทำงานได้ดีในช่วง pH 4.0-7.0)
  • การทำเครื่องสำอางใช้เองต้องให้ความสำคัญกับความสะอาดของอุปกรณ์และภาชนะอย่างยิ่งค่ะ

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาสูตรโทนเนอร์ของคุณนะคะ!

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Allantoin
Allantoin
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
เครื่องสำอาง
Glycerin (USP/Food Grade)
Glycerin (USP/Food Grade)
เครื่องสำอาง
Zinc PCA
Zinc PCA
เครื่องสำอาง
Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)
Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)
เครื่องสำอาง
Peppermint Water
Peppermint Water
เครื่องสำอาง
Mint Luteolin™ (Mentha Piperita Extract)
Mint Luteolin™ (Mentha Piperita Extract)
เครื่องสำอาง
PreB5™ (Pantolactone, Pantoyl Lactone)
PreB5™ (Pantolactone, Pantoyl Lactone)
เครื่องสำอาง