การพัฒนาสูตร Double Hyaluronic Gel: การเพิ่มสารออกฤทธิ์เพื่อผิวขาวใส ลดริ้วรอย เสริมเกราะป้องกันผิว และความเข้ากันได้ของบรรจุภัณฑ์

ถามโดย: blackie.petto เมื่อ: June 11, 2013 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

สนใจใช้เบส Double Hyaluronic (Hyaluron) Gel เพื่อทำเซรั่มสำหรับกลางวันและกลางคืนที่เน้นเรื่อง ผิวขาวใส ลด ริ้วรอยเล็กน้อย (ร่องแก้ม, รอบดวงตา) และเสริมสร้าง เกราะป้องกันผิว เป็นคนผิวมัน ขาดน้ำเล็กน้อย

ในเบื้องต้น สนใจเพิ่มสารบำรุงดังนี้:

Glucosamine (N-Acetyl-D) 4%
Vitamin B3 5%
Alpha-Arbutin 2%
Licorice Root Extract (Licochalcone A) 1.0%
Argireline 10%
Matrixyl™ 3000 8%

สัดส่วนส่วนผสมเหล่านี้มากเกินไปหรือไม่ หรือควรเพิ่มอะไรอีกเพื่อผลลัพธ์ที่ต้องการ?
หากต้องการให้ผิวแข็งแรงขึ้นอีก จะเพิ่มส่วนผสมอะไรได้บ้าง สนใจส่วนผสมเหล่านี้ แต่กลัวจะมากเกินไป (สำหรับคนผิวมัน ขาดน้ำเล็กน้อย):
- Vitamin B5 5%
- Natural Moisturizing Amino Acids 5%
- Allantoin 0.2-0.5% (ตามที่ใส่ได้สูงสุด)
- Green Tea Extract EGCG 3%
  
  ส่วนผสมเหล่านี้จำเป็นหรือไม่ หรือจะทำให้เนื้อสูตรหนักเกินไป?
ขวดบรรจุเซรั่มหัวปั๊มพร้อมฝาครอบใสของทางร้าน สามารถทนกรดได้หรือไม่ และทนได้ถึงค่า pH ต่ำสุดเท่าใด?

คำตอบ

คำแนะนำการผสมสำหรับ Double Hyaluronic Gel

เกี่ยวกับสูตร Double Hyaluronic Gel และคำถามของคุณ:

สารให้ความขาวทางเลือก

คำตอบก่อนหน้านี้จากเจ้าหน้าที่ได้ระบุอย่างถูกต้องว่าสารสกัดจากชะเอมเทศ (Licochalcone A) มีคุณสมบัติหลักในการปลอบประโลมผิวและควบคุมความมัน ไม่ใช่เพื่อความขาวใส สำหรับการปรับสีผิวให้สว่างขึ้น คุณมี Alpha-Arbutin อยู่ในรายการแล้ว ซึ่งเป็นส่วนผสมที่รู้จักกันดีและมีประสิทธิภาพในการลดการผลิตเม็ดสีเมลานิน

หากคุณกำลังมองหาสารให้ความขาวที่มีศักยภาพเพิ่มเติมหรือเป็นทางเลือก ลองพิจารณาส่วนผสมเหล่านี้:

Activated Resorcinol (4-Butyl Resorcinol): ส่วนผสมนี้มีประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการผลิตเม็ดสี ถือว่ามีศักยภาพมากกว่า Alpha-Arbutin และ Vitamin C ในการลดจุดด่างดำ ควรใช้ในความเข้มข้นไม่เกิน 1% สำหรับผลิตภัณฑ์แบบทาทิ้งไว้บนผิว
Phenylethyl Resorcinol (SymWhite 377): เป็นอีกหนึ่งสารยับยั้ง Tyrosinase ที่มีประสิทธิภาพสูง จากการศึกษาพบว่ามีศักยภาพมากกว่า Kojic Acid อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ อัตราการใช้ที่แนะนำโดยทั่วไปคือ 0.1-1.0%

ทั้ง Activated Resorcinol และ Phenylethyl Resorcinol ทำงานผ่านกลไกที่คล้ายคลึงกับ Alpha-Arbutin แต่โดยทั่วไปถือว่ามีศักยภาพมากกว่า คุณสามารถพิจารณาใช้หนึ่งในสองตัวนี้แทนหรือเพิ่มจาก Alpha-Arbutin ได้ โดยคำนึงถึงอัตราการใช้ที่แนะนำและโอกาสในการระคายเคือง โดยเฉพาะ Activated Resorcinol ที่ความเข้มข้นสูง

ปริมาณส่วนผสมและการเสริมเกราะป้องกันผิว

รายการส่วนผสมเริ่มต้นของคุณ (Glucosamine, Vitamin B3, Alpha-Arbutin, Argireline, Matrixyl 3000) ไม่ถือว่ามากเกินไป ส่วนผสมเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่ปัญหาผิวที่หลากหลาย เช่น ความชุ่มชื้น (Glucosamine, Vitamin B3, Matrixyl 3000), ความขาวใส (Alpha-Arbutin, Glucosamine, Vitamin B3), และลดเลือนริ้วรอย (Argireline, Matrixyl 3000)

สำหรับคำถามเกี่ยวกับการเพิ่ม Vitamin B5, Natural Moisturizing Amino Acids, Allantoin, และ Green Tea Extract EGCG เพื่อเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวและความชุ่มชื้น:

Vitamin B5 (Panthenol): เป็นที่รู้จักในด้านคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้น ปลอบประโลมผิว และเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ช่วยลดการสูญเสียน้ำผ่านผิวหนัง (TEWL)
Natural Moisturizing Amino Acids: ส่วนผสมเหล่านี้เลียนแบบ Natural Moisturizing Factors (NMF) ของผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและสนับสนุนการทำงานของเกราะป้องกันผิว
Allantoin: เป็นส่วนผสมที่รู้จักกันดีในด้านการปลอบประโลมและลดการระคายเคือง รวมถึงส่งเสริมการสมานแผลของผิว
Green Tea Extract EGCG: เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งสามารถช่วยปกป้องเกราะป้องกันผิวจากความเสียหายจากสิ่งแวดล้อม

แม้ว่าส่วนผสมเหล่านี้จะมีประโยชน์ต่อความชุ่มชื้นและการสนับสนุนเกราะป้องกันผิว แต่คำตอบก่อนหน้านี้จากเจ้าหน้าที่ระบุว่าการรวมกันของ Vitamin B3, Glucosamine, และ Matrixyl 3000 อาจเพียงพอสำหรับผิวของคุณที่ค่อนข้างมันและขาดน้ำเล็กน้อย การเพิ่มส่วนผสมพิเศษเหล่านี้ทั้งหมดอาจทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์รู้สึกหนักขึ้น หรืออาจทำให้เกิดความเหนอะหนะได้ โดยเฉพาะในเนื้อเจล คุณอาจพิจารณาเพิ่มเพียงหนึ่งหรือสองตัวตามความต้องการเฉพาะของคุณ เช่น Vitamin B5 หรือ Natural Moisturizing Amino Acids เพื่อเสริมความชุ่มชื้น และ Allantoin เพื่อการปลอบประโลมผิว