การวิเคราะห์ปัญหาในการทำสูตร Oil Serum

ถามโดย: rosier83 เมื่อ: April 24, 2017 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ดิฉันมีสภาพผิวแห้ง-ธรรมดา มีปัญหาเรื่องริ้วรอยจากแสงแดด และผิวหมองคล้ำ ต้องการทำสูตร Oil Serum จึงได้ร่างสูตรดังนี้ค่ะ:

  • Water 10%
  • Glycerin 10%
  • Double Hyaluron Liquid 2%
  • L-ascorbic acid 5%
  • Alpha Arbutin 2%
  • N-Acetyl Cysteine 2%
  • Safe B3/Niacinamide 2%
  • Active Resveratrol 5%
  • Chia Seed Oil
  • Grape Seed Oil
  • Vitamin E
  • Sugar Gel
  • Fragrance

(ไม่ได้ระบุเปอร์เซ็นต์สำหรับน้ำมัน, Vitamin E, Sugar Gel, และ Fragrance แต่รวมแล้ว 100%)

รบกวนสอบถามดังนี้ค่ะ:

  1. มีขั้นตอนการผสมอย่างไรสำหรับสูตรนี้คะ?
  2. ส่วนผสมในสูตรนี้เข้ากันได้หรือไม่คะ?
  3. มีคำแนะนำในการปรับปรุงสูตรนี้เพื่อดูแลปัญหาผิวของดิฉันไหมคะ?

คำตอบ

หัวข้อ: การวิเคราะห์สูตร Oil Serum

ขอบคุณที่แบ่งปันสูตร Oil Serum ที่เสนอมา พร้อมทั้งแจ้งปัญหาผิวที่ต้องการดูแล (ผิวแห้ง-ธรรมดา มีริ้วรอยจากแดด และสีผิวหมองคล้ำ) ค่ะ

เราได้ตรวจสอบสูตรของคุณแล้ว และตามที่เจ้าหน้าที่ได้แจ้งไป สูตรนี้ไม่สามารถผสมให้เข้ากันได้สำเร็จ เนื่องจากมีปัญหาในการทำสูตรหลายประการค่ะ

นี่คือรายละเอียดของปัญหาและคำตอบสำหรับคำถามของคุณค่ะ:

ปัญหาของสูตรที่เสนอมา:

  1. ความไม่เสถียรของ L-Ascorbic Acid (LAA): L-Ascorbic Acid (รหัส 941) รูปแบบมาตรฐานมีความไม่เสถียรสูงในสูตรที่มีน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ค่า pH ทั่วไปของเซรั่ม จะเกิดการออกซิเดชันอย่างรวดเร็ว ทำให้ประสิทธิภาพลดลงและสีเปลี่ยนไป สูตรของคุณมีน้ำ 10% และ Glycerin 10% ซึ่งถือเป็นส่วนของน้ำที่มากพอที่จะทำให้เกิดปัญหาความไม่เสถียรนี้ได้ค่ะ
  2. การละลายของส่วนผสมผง: ส่วนผสมหลายชนิดในสูตรของคุณเป็นผงที่ละลายน้ำได้ (LAA รหัส 941, Alpha Arbutin รหัส 68, N-Acetyl Cysteine รหัส 705, Safe B3/Niacinamide รหัส 74 และ Active Resveratrol รหัส 62 ซึ่งขึ้นอยู่กับรูปแบบของสาร) ปริมาณน้ำทั้งหมดในสูตร (น้ำ 10% + Glycerin 10% + Double Hyaluron Liquid 2%) อาจไม่เพียงพอที่จะละลายส่วนผสมผงเหล่านี้ให้หมดในความเข้มข้นที่คุณเสนอมา (LAA 5%, Alpha Arbutin 2%, N-Acetyl Cysteine 2%, Niacinamide 2%, Resveratrol 5%) ซึ่งจะทำให้เนื้อเซรั่มมีลักษณะเป็นเกล็ด ไม่เรียบเนียน หรือแยกชั้นได้ค่ะ
  3. การประสาน/เพิ่มความข้นของ Sugar Gel (รหัส 661): Sugar Gel เป็นสารประสานเนื้อ (Emulsifier) และสารเพิ่มความข้น แต่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับอัตราส่วนของน้ำมันและน้ำที่สามารถประสานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าปริมาณน้ำในสูตรของคุณมากเกินไปสำหรับ Sugar Gel ที่จะประสานหรือเพิ่มความข้นให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันได้อย่างเสถียร ทำให้เกิดการแยกชั้นได้ค่ะ

คำตอบสำหรับคำถามของคุณ:

  1. ขั้นตอนการผสม: เนื่องจากสูตรที่เสนอมาไม่เสถียรและไม่สามารถผสมให้เข้ากันได้สำเร็จตามที่เขียนไว้ เราจึงไม่สามารถให้ขั้นตอนการผสมสำหรับสูตรนี้ได้ค่ะ
  2. ความเข้ากันของส่วนผสม: ใช่ค่ะ มีปัญหาความเข้ากันที่สำคัญดังนี้:
    • L-Ascorbic Acid (รหัส 941) ไม่เข้ากันกับสภาพแวดล้อมที่มีน้ำทั่วไป เนื่องจากปัญหาความไม่เสถียร
    • ปริมาณส่วนของน้ำทั้งหมดไม่เพียงพอที่จะละลายส่วนผสมผงที่ละลายน้ำได้
    • อัตราส่วนของส่วนน้ำ/ส่วนน้ำมัน ไม่เข้ากันกับสารประสานเนื้อ/สารเพิ่มความข้น Sugar Gel (รหัส 661) ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เสถียร
    • (ปัญหา pH ที่อาจเกิดขึ้น แต่ไม่สำคัญเท่าปัญหาหลักข้างต้น) LAA ต้องการค่า pH ต่ำเพื่อความเสถียรและประสิทธิภาพ ในขณะที่ Niacinamide (Safe B3 รหัส 74) ทำงานได้ดีที่สุดที่ค่า pH สูงกว่า (ประมาณ 5-7) การนำมารวมกันในสูตรที่มี pH ต่ำอาจทำให้เกิด Niacin ซึ่งทำให้ผิวแดงได้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักที่ทำให้ผสมไม่ได้คือความไม่เสถียรของ LAA ในน้ำ และการละลายของผงค่ะ
  3. คำแนะนำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ: ในการสร้างเซรั่มที่เสถียรและช่วยดูแลปัญหาผิวแห้ง ริ้วรอย และความหมองคล้ำ คุณจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการทำสูตรอย่างมากค่ะ
    • วิตามินซี: แทนที่จะใช้ L-Ascorbic Acid (รหัส 941) รูปแบบมาตรฐานในสูตรที่มีน้ำ ให้พิจารณาใช้วิตามินซีอนุพันธ์ที่มีความเสถียรมากกว่า หากต้องการเนื้อสัมผัสแบบ Oil Serum อนุพันธ์ที่ละลายในน้ำมันอย่าง Ascorbyl Tetraisopalmitate จะเหมาะสม หากต้องการเซรั่มแบบน้ำหรืออิมัลชัน สามารถใช้อนุพันธ์ที่ละลายน้ำได้และเสถียร เช่น Sodium Ascorbyl Phosphate (SAP) หรือ Magnesium Ascorbyl Phosphate (MAP) หรืออาจทำสูตร LAA ในเบสที่ไม่มีน้ำเลย (Anhydrous) หรือมีน้ำน้อยมากและควบคุม pH อย่างเหมาะสม
    • ประเภทของสูตร: ตัดสินใจว่าต้องการเซรั่มประเภทใด เช่น Oil Serum แท้ๆ (ส่วนใหญ่น้ำมัน), Biphasic Serum (แยกชั้นน้ำมันกับน้ำ ต้องเขย่าก่อนใช้), หรือ Emulsion (อิมัลชันแบบ O/W หรือ W/O) แต่ละประเภทต้องใช้ส่วนผสมและเทคนิคการทำที่แตกต่างกัน
    • การประสาน/เพิ่มความข้น: เลือกใช้ระบบสารประสานเนื้อ (Emulsifier) ที่เหมาะสมกับประเภทเซรั่มที่ต้องการ และอัตราส่วนของน้ำมันและน้ำ Sugar Gel (รหัส 661) อาจไม่เหมาะกับสูตรที่มีส่วนของน้ำมากเท่าที่เสนอมา
    • การละลาย: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบตัวทำละลาย (น้ำ น้ำมัน Glycols ฯลฯ) เพียงพอที่จะละลายส่วนผสมออกฤทธิ์ทั้งหมดในความเข้มข้นที่ต้องการ หากใช้ส่วนผสมผงที่ละลายน้ำได้หลายชนิด คุณจะต้องมีส่วนของน้ำที่มากพอ
    • การเลือกส่วนผสม: เน้นส่วนผสมออกฤทธิ์ที่ทราบว่าช่วยแก้ปัญหาผิวของคุณได้ และเข้ากันได้ดีในระบบสูตรที่เสถียร ส่วนผสมอย่าง Niacinamide (รหัส 74), Alpha Arbutin (รหัส 68), Hyaluronic Acid (รหัส 404), Resveratrol (รหัส 62), Vitamin E (รหัส 65), Chia Seed Oil (รหัส 1183), และ Grape Seed Oil (รหัส 120) มีประโยชน์ต่อผิว แต่การนำมาใช้ขึ้นอยู่กับประเภทสูตรที่เลือก และต้องมั่นใจว่าสูตรโดยรวมมีความเสถียรและเข้ากันได้

การสร้างเซรั่มที่เสถียรและมีประสิทธิภาพต้องพิจารณาคุณสมบัติของส่วนผสม ความเข้ากัน การละลาย ค่า pH และระบบสารประสานเนื้อ/สารเพิ่มความข้นที่เหมาะสมอย่างรอบคอบค่ะ

หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการทำสูตรใหม่ที่เสถียร โดยอิงตามปัญหาผิวและประเภทเซรั่มที่คุณต้องการ (เช่น เซรั่มเนื้อบางเบาแบบน้ำ, อิมัลชันเนื้อเข้มข้น, หรือแบบน้ำมัน) โปรดแจ้งให้เราทราบนะคะ!

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Active Resveratrol™
Active Resveratrol™
เครื่องสำอาง
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
เครื่องสำอาง
Alpha Arbutin (Switzerland)
Alpha Arbutin (Switzerland)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
NaturalProfile™ Grape Seed Oil (Cold-Pressed)
NaturalProfile™ Grape Seed Oil (Cold-Pressed)
เครื่องสำอาง
Glycerin (USP/Food Grade)
Glycerin (USP/Food Grade)
เครื่องสำอาง
Double Hyaluron Liquid
Double Hyaluron Liquid
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Standard)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Standard)
เครื่องสำอาง
Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)
Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)
เครื่องสำอาง
Chia Seed Oil (Refined)
Chia Seed Oil (Refined)
เครื่องสำอาง