การวิเคราะห์และข้อเสนอแนะสำหรับสูตรเซรั่มและครีม/โลชั่นโฮมเมด
คำถาม
รบกวนช่วยวิเคราะห์และให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสูตรเครื่องสำอางโฮมเมดของดิฉันค่ะ มี 2 สูตรที่กำลังทำอยู่ค่ะ:
สูตรเซรั่ม:
- วิตามินซี (L-ascorbic acid): 5-10%
- ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid): 4-8%
- น้ำกลั่น (Food Grade): ~80-90%
สูตรครีมหน้าขาว / โลชั่นทาตัว:
- ขี้ผึ้ง (Beeswax): 3-10%
- น้ำมันตัวพา (Carrier Oil - ทานตะวัน + มะกอก): 30-40%
- น้ำกลั่น (Food Grade): ส่วนที่เหลือ (~50-60%)
- อัลฟ่า อาร์บูติน (Alpha Arbutin): 2%
- วิตามินซี (Vit.C): 15-20%
- วิตามินอี (Vit.E): 2-5%
- กลีเซอรีน (Glycerin): 2-8%
- ทวีน 20 (Tween 20): 4-15%
รบกวนช่วยตรวจสอบสูตรเหล่านี้และให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ความเสถียร ความเข้มข้นของส่วนผสม และการปรับปรุงที่จำเป็นด้วยค่ะ
คำตอบ
การวิเคราะห์สูตรเครื่องสำอางที่แชร์มา
ขอบคุณที่แชร์สูตรเครื่องสำอางโฮมเมดเหล่านี้และสอบถามให้เราช่วยวิเคราะห์นะคะ เป็นเรื่องที่ดีมากที่คุณสนใจทำผลิตภัณฑ์ใช้เองค่ะ เราได้ตรวจสอบสูตรและข้อเสนอแนะจากทีมงานแล้ว นี่คือการวิเคราะห์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและข้อแนะนำบางประการค่ะ
การวิเคราะห์สูตรเซรั่ม
สูตรต้นฉบับ:
- วิตามินซี (L-ascorbic acid): 5-10%
- ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid): 4-8%
- น้ำกลั่น (Food Grade): ~80-90%
การวิเคราะห์:
- ความไม่เสถียรของวิตามินซี: การใช้วิตามินซีชนิด L-ascorbic acid ในสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักมีปัญหาอย่างมากค่ะ L-ascorbic acid ไม่เสถียรในน้ำและจะเกิดการออกซิเดชั่นอย่างรวดเร็ว ทำให้สูญเสียประสิทธิภาพและอาจเปลี่ยนสี (เป็นสีเหลือง) แม้ L-ascorbic acid จะมีประสิทธิภาพสูง แต่การรักษาความเสถียรต้องใช้สูตรที่ไม่มีน้ำ (Anhydrous) หรือควบคุมค่า pH อย่างระมัดระวัง (ควรต่ำกว่า 3.5 แต่ อย. กำหนดให้ผลิตภัณฑ์ทาผิวมี pH 3.5 ขึ้นไป) วิธีการปรับค่า pH ที่แนะนำในสูตรโลชั่น (การเติมวิตามินซีเพื่อลด pH) ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องและปลอดภัยในการควบคุมค่า pH ค่ะ
- ความเข้มข้นของไฮยาลูรอนิค แอซิด: ความเข้มข้น 4-8% สำหรับ Hyaluronic Acid ดูเหมือนจะสูงมาก โดยเฉพาะสำหรับเซรั่ม อัตราการใช้ที่แนะนำสำหรับ Hyaluronic Acid ชนิดผง (เช่น Standard Molecule หรือ Large Molecule) โดยทั่วไปคือ 0.1-0.5% สำหรับเครื่องสำอาง การใช้มากเกินไปอาจทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์เหนียวเหนอะหนะหรือไม่น่าใช้ หากใช้ชนิดน้ำ เช่น Double Hyaluron Liquid อัตราการใช้ที่แนะนำจะสูงกว่า (เช่น 3-5% สำหรับผิวธรรมดา สูงสุด 10-20% สำหรับผิวแห้งมาก) แต่ 4-8% ของชนิดผงน่าจะมากเกินไปค่ะ
- ไม่มีสารกันเสีย: นี่เป็นปัญหาสำคัญอย่างยิ่งค่ะ สูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักที่ไม่มีสารกันเสียที่เหมาะสม มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ (แบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์) ทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่ปลอดภัยในการใช้และเสียได้ง่าย สารกันเสียจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับความปลอดภัยและอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะหากคุณวางแผนที่จะเก็บหรือแบ่งปันผลิตภัณฑ์ค่ะ
ข้อแนะนำสำหรับเซรั่ม:
- พิจารณาใช้วิตามินซีชนิดที่เสถียรกว่าและเหมาะสำหรับสูตรน้ำ เช่น Ascorbyl Glucoside, Ethyl Ascorbic Acid, Magnesium Ascorbyl Phosphate หรือ Sodium Ascorbyl Phosphate อนุพันธ์เหล่านี้ใช้งานง่ายกว่าและรักษาความเสถียรได้ดีกว่า L-ascorbic acid ในน้ำ
- ปรับความเข้มข้นของ Hyaluronic Acid ให้อยู่ในอัตราการใช้ที่แนะนำสำหรับชนิดที่คุณเลือกใช้ (ตรวจสอบรายละเอียดผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์ของเรา)
- ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องเติมสารกันเสียชนิด Broad-spectrum เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ ตัวอย่างเช่น Global Guard 221, Mild Preserved COS หรือ Chlorphenesin / Phenoxyethanol ปฏิบัติตามอัตราการใช้และวิธีการผสมที่แนะนำสำหรับสารกันเสียที่เลือกเสมอค่ะ
การวิเคราะห์สูตรครีมหน้าขาว / โลชั่นทาตัว
สูตรครีมต้นฉบับ:
- ขี้ผึ้ง (Beeswax): 3-4%
- น้ำมันตัวพา (Carrier Oil - ทานตะวัน + มะกอก): 34-40%
- น้ำกลั่น (Food Grade): 57-60%
- อัลฟ่า อาร์บูติน (Alpha Arbutin): 2%
- กลีเซอรีน (Glycerin): 2-5% (เลือกใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
- ทวีน 20 (Tween 20): 4-10%
สูตรโลชั่นต้นฉบับ:
- ขี้ผึ้ง (Beeswax): 5-10%
- น้ำมันตัวพา (Carrier oil): 30-35%
- น้ำกลั่น (Food Grade): ไม่ระบุเปอร์เซ็นต์ แต่หมายถึงส่วนที่เหลือ
- วิตามินซี (Vit.C): 15-20%
- วิตามินอี (Vit.E): 2-5%
- กลีเซอรีน (Glycerin): 4-8%
- ทวีน 20 (Tween 20): 8-15%
การวิเคราะห์:
- ปัญหาเรื่องอิมัลซิไฟเออร์: การใช้เพียงแค่ Beeswax และ Tween 20 เป็นอิมัลซิไฟเออร์ (สารที่ช่วยให้น้ำกับน้ำมันเข้ากัน) โดยทั่วไปไม่เพียงพอที่จะสร้างอิมัลชั่นแบบน้ำในน้ำมัน (Oil-in-Water Emulsion) ที่เสถียรอย่างครีมหรือโลชั่นได้ โดยเฉพาะที่ความเข้มข้นเหล่านี้ Beeswax ทำหน้าที่เป็นสารเพิ่มความหนืดและให้เนื้อสัมผัสเป็นหลัก ส่วน Tween 20 เป็นสารลดแรงตึงผิว/สารช่วยละลายแบบอ่อนๆ แต่ไม่ใช่ Emulsifier ที่แข็งแรงพอสำหรับส่วนของน้ำมันที่มีปริมาณมาก การผสมแบบนี้มีแนวโน้มสูงมากที่สูตรจะแยกชั้นเมื่อเวลาผ่านไป จำเป็นต้องใช้อิมัลซิไฟเออร์ที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้น้ำและน้ำมันรวมตัวกันอย่างเสถียร Emulsifying Beeswax เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า Beeswax บริสุทธิ์ หากต้องการ Emulsifier จากธรรมชาติ แต่ระบบ Emulsifier สังเคราะห์หรือธรรมชาติอื่นๆ มักจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าสำหรับโลชั่นและครีม
- ความไม่เสถียรของวิตามินซี (สูตรโลชั่น): เช่นเดียวกับเซรั่ม การใช้วิตามินซีชนิด L-ascorbic acid ในความเข้มข้นสูง (15-20%) ในโลชั่นสูตรน้ำจะทำให้เกิดการออกซิเดชั่นอย่างรวดเร็วและสูญเสียประสิทธิภาพ แนะนำให้ใช้วิตามินซีอนุพันธ์ที่เสถียรกว่าแทนค่ะ
- ความเข้มข้นของวิตามินอี: ความเข้มข้น 2-5% ที่แนะนำสำหรับวิตามินอี (Tocopheryl Acetate หรือ dl-alpha tocopherol) สูงเกินไปสำหรับการใช้ในเครื่องสำอาง แม้วิตามินอีจะมีประโยชน์ แต่ความเข้มข้นที่สูงกว่า 0.5% อาจทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะบนผิว สำหรับการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในสูตรหรือบนผิว อัตราการใช้ 0.1-1% โดยทั่วไปก็เพียงพอแล้วค่ะ
- ไม่มีสารกันเสีย: ทั้งสูตรครีมและโลชั่นไม่มีสารกันเสีย ทำให้เสี่ยงต่อการปนเปื้อนของจุลินทรีย์และไม่ปลอดภัยในการใช้ จำเป็นต้องมีสารกันเสียชนิด Broad-spectrum ค่ะ
- วิธีการปรับค่า pH ที่ไม่ถูกต้อง (สูตรโลชั่น): วิธีการปรับค่า pH ที่อธิบายไว้โดยใช้ขี้ผึ้งหรือวิตามินซีนั้นไม่ถูกต้อง การปรับค่า pH ต้องใช้ส่วนผสมที่เป็นกรดหรือด่างโดยเฉพาะ (pH Adjusters) และต้องวัดค่าอย่างแม่นยำด้วยเครื่องวัดค่า pH ค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับ Alpha Arbutin คือ 3.5-6.5 และสำหรับ L-ascorbic acid คือ 2.0-4.0 (แม้ว่า อย. จะกำหนดให้ผลิตภัณฑ์ทาผิวมี pH 3.5 ขึ้นไป) การทำให้ได้และรักษาค่า pH ที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพและความเสถียรของส่วนผสมออกฤทธิ์ค่ะ
- ความเข้มข้นของอัลฟ่า อาร์บูติน: Alpha Arbutin 2% ที่แนะนำอยู่ในช่วงที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำให้ผิวกระจ่างใส (0.2-2%) อย่างไรก็ตาม ความเสถียรของมันก็ขึ้นอยู่กับค่า pH เช่นกัน (3.5-6.5) ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการควบคุมค่า pH ที่เหมาะสมค่ะ
ข้อแนะนำสำหรับครีม/โลชั่น:
- ใช้ระบบอิมัลซิไฟเออร์ที่เหมาะสมสำหรับครีมและโลชั่น แทนที่จะพึ่งพาแค่ Beeswax และ Tween 20 ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอิมัลซิไฟเออร์ชนิดต่างๆ อัตราการใช้ที่แนะนำ และวิธีการผสมค่ะ
- เติมสารกันเสียชนิด Broad-spectrum (เช่น Global Guard 221, Mild Preserved COS, Chlorphenesin / Phenoxyethanol, NaturePreserve Ultra) ในอัตราการใช้ที่แนะนำ
- หากใช้วิตามินซี ให้เลือกอนุพันธ์ที่เสถียร (Ascorbyl Glucoside, Ethyl Ascorbic Acid, Perfect-C, Magnesium Ascorbyl Phosphate, Sodium Ascorbyl Phosphate) และใช้ในความเข้มข้นที่เหมาะสม (โดยทั่วไป 1-10% สำหรับการทำให้ผิวกระจ่างใส ขึ้นอยู่กับชนิด) และอยู่ในช่วง pH ที่แนะนำสำหรับสารนั้นๆ
- ใช้วิตามินอีในความเข้มข้นที่ต่ำลง (0.1-1%) หากต้องการคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
- ใช้เครื่องวัดค่า pH เพื่อวัดและปรับค่า pH สุดท้ายของสูตรอย่างแม่นยำ เพื่อให้ส่วนผสมออกฤทธิ์มีประสิทธิภาพและสูตรมีความเสถียร โดยเฉพาะสำหรับสารออกฤทธิ์อย่าง Alpha Arbutin และวิตามินซีอนุพันธ์
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเปอร์เซ็นต์รวมของส่วนผสมทั้งหมดในสูตรของคุณเท่ากับ 100% ค่ะ
คำแนะนำทั่วไป
การสร้างสูตรเครื่องสำอางที่เสถียรและปลอดภัยต้องอาศัยความเข้าใจในคุณสมบัติของส่วนผสมแต่ละชนิด เทคนิคการผสมที่ถูกต้อง และความสำคัญของค่า pH และการใช้สารกันเสีย เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้ศึกษาหลักการพื้นฐานของการทำสูตรเครื่องสำอางก่อนที่จะลองทำสูตรที่ซับซ้อน เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่คุณทำมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และมีความเสถียรค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)

Alpha Arbutin (Switzerland)

Hyaluronic Acid (Standard Molecule)

Olive Oil (Extra Virgin)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)

Vitamin E (dl-alpha tocopherol)

Glycerin (USP/Food Grade)

Polysorbate 20 (Tween 20)

Digital pH meter เครื่องวัดค่า pH (ใช้งานชั่วคราว)

Natural White Beeswax (USA, Melting 62C, Deodorized)

Ascorbyl Glucoside (AA-2G Stabilized Vitamin C)

Double Hyaluron Liquid

Perfect-C™ (Ascorbyl Tetraisopalmitate)

Hyaluronic Acid (Large Molecule)

Chlorphenesin / Phenoxyethanol (Microcare PHC eq.)

Magnesium Ascorbyl Phosphate

Yellow Beeswax
