การวิเคราะห์และข้อเสนอแนะสำหรับสูตรเซรั่มและครีม/โลชั่นโฮมเมด

ถามโดย: mesalala เมื่อ: April 21, 2017 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

รบกวนช่วยวิเคราะห์และให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสูตรเครื่องสำอางโฮมเมดของดิฉันค่ะ มี 2 สูตรที่กำลังทำอยู่ค่ะ:

สูตรเซรั่ม:

  • วิตามินซี (L-ascorbic acid): 5-10%
  • ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid): 4-8%
  • น้ำกลั่น (Food Grade): ~80-90%

สูตรครีมหน้าขาว / โลชั่นทาตัว:

  • ขี้ผึ้ง (Beeswax): 3-10%
  • น้ำมันตัวพา (Carrier Oil - ทานตะวัน + มะกอก): 30-40%
  • น้ำกลั่น (Food Grade): ส่วนที่เหลือ (~50-60%)
  • อัลฟ่า อาร์บูติน (Alpha Arbutin): 2%
  • วิตามินซี (Vit.C): 15-20%
  • วิตามินอี (Vit.E): 2-5%
  • กลีเซอรีน (Glycerin): 2-8%
  • ทวีน 20 (Tween 20): 4-15%

รบกวนช่วยตรวจสอบสูตรเหล่านี้และให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ความเสถียร ความเข้มข้นของส่วนผสม และการปรับปรุงที่จำเป็นด้วยค่ะ

คำตอบ

การวิเคราะห์สูตรเครื่องสำอางที่แชร์มา

ขอบคุณที่แชร์สูตรเครื่องสำอางโฮมเมดเหล่านี้และสอบถามให้เราช่วยวิเคราะห์นะคะ เป็นเรื่องที่ดีมากที่คุณสนใจทำผลิตภัณฑ์ใช้เองค่ะ เราได้ตรวจสอบสูตรและข้อเสนอแนะจากทีมงานแล้ว นี่คือการวิเคราะห์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและข้อแนะนำบางประการค่ะ

การวิเคราะห์สูตรเซรั่ม

สูตรต้นฉบับ:

  • วิตามินซี (L-ascorbic acid): 5-10%
  • ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid): 4-8%
  • น้ำกลั่น (Food Grade): ~80-90%

การวิเคราะห์:

  1. ความไม่เสถียรของวิตามินซี: การใช้วิตามินซีชนิด L-ascorbic acid ในสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักมีปัญหาอย่างมากค่ะ L-ascorbic acid ไม่เสถียรในน้ำและจะเกิดการออกซิเดชั่นอย่างรวดเร็ว ทำให้สูญเสียประสิทธิภาพและอาจเปลี่ยนสี (เป็นสีเหลือง) แม้ L-ascorbic acid จะมีประสิทธิภาพสูง แต่การรักษาความเสถียรต้องใช้สูตรที่ไม่มีน้ำ (Anhydrous) หรือควบคุมค่า pH อย่างระมัดระวัง (ควรต่ำกว่า 3.5 แต่ อย. กำหนดให้ผลิตภัณฑ์ทาผิวมี pH 3.5 ขึ้นไป) วิธีการปรับค่า pH ที่แนะนำในสูตรโลชั่น (การเติมวิตามินซีเพื่อลด pH) ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องและปลอดภัยในการควบคุมค่า pH ค่ะ
  2. ความเข้มข้นของไฮยาลูรอนิค แอซิด: ความเข้มข้น 4-8% สำหรับ Hyaluronic Acid ดูเหมือนจะสูงมาก โดยเฉพาะสำหรับเซรั่ม อัตราการใช้ที่แนะนำสำหรับ Hyaluronic Acid ชนิดผง (เช่น Standard Molecule หรือ Large Molecule) โดยทั่วไปคือ 0.1-0.5% สำหรับเครื่องสำอาง การใช้มากเกินไปอาจทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์เหนียวเหนอะหนะหรือไม่น่าใช้ หากใช้ชนิดน้ำ เช่น Double Hyaluron Liquid อัตราการใช้ที่แนะนำจะสูงกว่า (เช่น 3-5% สำหรับผิวธรรมดา สูงสุด 10-20% สำหรับผิวแห้งมาก) แต่ 4-8% ของชนิดผงน่าจะมากเกินไปค่ะ
  3. ไม่มีสารกันเสีย: นี่เป็นปัญหาสำคัญอย่างยิ่งค่ะ สูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักที่ไม่มีสารกันเสียที่เหมาะสม มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ (แบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์) ทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่ปลอดภัยในการใช้และเสียได้ง่าย สารกันเสียจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับความปลอดภัยและอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะหากคุณวางแผนที่จะเก็บหรือแบ่งปันผลิตภัณฑ์ค่ะ

ข้อแนะนำสำหรับเซรั่ม:

  • พิจารณาใช้วิตามินซีชนิดที่เสถียรกว่าและเหมาะสำหรับสูตรน้ำ เช่น Ascorbyl Glucoside, Ethyl Ascorbic Acid, Magnesium Ascorbyl Phosphate หรือ Sodium Ascorbyl Phosphate อนุพันธ์เหล่านี้ใช้งานง่ายกว่าและรักษาความเสถียรได้ดีกว่า L-ascorbic acid ในน้ำ
  • ปรับความเข้มข้นของ Hyaluronic Acid ให้อยู่ในอัตราการใช้ที่แนะนำสำหรับชนิดที่คุณเลือกใช้ (ตรวจสอบรายละเอียดผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์ของเรา)
  • ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องเติมสารกันเสียชนิด Broad-spectrum เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ ตัวอย่างเช่น Global Guard 221, Mild Preserved COS หรือ Chlorphenesin / Phenoxyethanol ปฏิบัติตามอัตราการใช้และวิธีการผสมที่แนะนำสำหรับสารกันเสียที่เลือกเสมอค่ะ

การวิเคราะห์สูตรครีมหน้าขาว / โลชั่นทาตัว

สูตรครีมต้นฉบับ:

  • ขี้ผึ้ง (Beeswax): 3-4%
  • น้ำมันตัวพา (Carrier Oil - ทานตะวัน + มะกอก): 34-40%
  • น้ำกลั่น (Food Grade): 57-60%
  • อัลฟ่า อาร์บูติน (Alpha Arbutin): 2%
  • กลีเซอรีน (Glycerin): 2-5% (เลือกใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
  • ทวีน 20 (Tween 20): 4-10%

สูตรโลชั่นต้นฉบับ:

  • ขี้ผึ้ง (Beeswax): 5-10%
  • น้ำมันตัวพา (Carrier oil): 30-35%
  • น้ำกลั่น (Food Grade): ไม่ระบุเปอร์เซ็นต์ แต่หมายถึงส่วนที่เหลือ
  • วิตามินซี (Vit.C): 15-20%
  • วิตามินอี (Vit.E): 2-5%
  • กลีเซอรีน (Glycerin): 4-8%
  • ทวีน 20 (Tween 20): 8-15%

การวิเคราะห์:

  1. ปัญหาเรื่องอิมัลซิไฟเออร์: การใช้เพียงแค่ Beeswax และ Tween 20 เป็นอิมัลซิไฟเออร์ (สารที่ช่วยให้น้ำกับน้ำมันเข้ากัน) โดยทั่วไปไม่เพียงพอที่จะสร้างอิมัลชั่นแบบน้ำในน้ำมัน (Oil-in-Water Emulsion) ที่เสถียรอย่างครีมหรือโลชั่นได้ โดยเฉพาะที่ความเข้มข้นเหล่านี้ Beeswax ทำหน้าที่เป็นสารเพิ่มความหนืดและให้เนื้อสัมผัสเป็นหลัก ส่วน Tween 20 เป็นสารลดแรงตึงผิว/สารช่วยละลายแบบอ่อนๆ แต่ไม่ใช่ Emulsifier ที่แข็งแรงพอสำหรับส่วนของน้ำมันที่มีปริมาณมาก การผสมแบบนี้มีแนวโน้มสูงมากที่สูตรจะแยกชั้นเมื่อเวลาผ่านไป จำเป็นต้องใช้อิมัลซิไฟเออร์ที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้น้ำและน้ำมันรวมตัวกันอย่างเสถียร Emulsifying Beeswax เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า Beeswax บริสุทธิ์ หากต้องการ Emulsifier จากธรรมชาติ แต่ระบบ Emulsifier สังเคราะห์หรือธรรมชาติอื่นๆ มักจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าสำหรับโลชั่นและครีม
  2. ความไม่เสถียรของวิตามินซี (สูตรโลชั่น): เช่นเดียวกับเซรั่ม การใช้วิตามินซีชนิด L-ascorbic acid ในความเข้มข้นสูง (15-20%) ในโลชั่นสูตรน้ำจะทำให้เกิดการออกซิเดชั่นอย่างรวดเร็วและสูญเสียประสิทธิภาพ แนะนำให้ใช้วิตามินซีอนุพันธ์ที่เสถียรกว่าแทนค่ะ
  3. ความเข้มข้นของวิตามินอี: ความเข้มข้น 2-5% ที่แนะนำสำหรับวิตามินอี (Tocopheryl Acetate หรือ dl-alpha tocopherol) สูงเกินไปสำหรับการใช้ในเครื่องสำอาง แม้วิตามินอีจะมีประโยชน์ แต่ความเข้มข้นที่สูงกว่า 0.5% อาจทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะบนผิว สำหรับการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในสูตรหรือบนผิว อัตราการใช้ 0.1-1% โดยทั่วไปก็เพียงพอแล้วค่ะ
  4. ไม่มีสารกันเสีย: ทั้งสูตรครีมและโลชั่นไม่มีสารกันเสีย ทำให้เสี่ยงต่อการปนเปื้อนของจุลินทรีย์และไม่ปลอดภัยในการใช้ จำเป็นต้องมีสารกันเสียชนิด Broad-spectrum ค่ะ
  5. วิธีการปรับค่า pH ที่ไม่ถูกต้อง (สูตรโลชั่น): วิธีการปรับค่า pH ที่อธิบายไว้โดยใช้ขี้ผึ้งหรือวิตามินซีนั้นไม่ถูกต้อง การปรับค่า pH ต้องใช้ส่วนผสมที่เป็นกรดหรือด่างโดยเฉพาะ (pH Adjusters) และต้องวัดค่าอย่างแม่นยำด้วยเครื่องวัดค่า pH ค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับ Alpha Arbutin คือ 3.5-6.5 และสำหรับ L-ascorbic acid คือ 2.0-4.0 (แม้ว่า อย. จะกำหนดให้ผลิตภัณฑ์ทาผิวมี pH 3.5 ขึ้นไป) การทำให้ได้และรักษาค่า pH ที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพและความเสถียรของส่วนผสมออกฤทธิ์ค่ะ
  6. ความเข้มข้นของอัลฟ่า อาร์บูติน: Alpha Arbutin 2% ที่แนะนำอยู่ในช่วงที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำให้ผิวกระจ่างใส (0.2-2%) อย่างไรก็ตาม ความเสถียรของมันก็ขึ้นอยู่กับค่า pH เช่นกัน (3.5-6.5) ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการควบคุมค่า pH ที่เหมาะสมค่ะ

ข้อแนะนำสำหรับครีม/โลชั่น:

  • ใช้ระบบอิมัลซิไฟเออร์ที่เหมาะสมสำหรับครีมและโลชั่น แทนที่จะพึ่งพาแค่ Beeswax และ Tween 20 ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอิมัลซิไฟเออร์ชนิดต่างๆ อัตราการใช้ที่แนะนำ และวิธีการผสมค่ะ
  • เติมสารกันเสียชนิด Broad-spectrum (เช่น Global Guard 221, Mild Preserved COS, Chlorphenesin / Phenoxyethanol, NaturePreserve Ultra) ในอัตราการใช้ที่แนะนำ
  • หากใช้วิตามินซี ให้เลือกอนุพันธ์ที่เสถียร (Ascorbyl Glucoside, Ethyl Ascorbic Acid, Perfect-C, Magnesium Ascorbyl Phosphate, Sodium Ascorbyl Phosphate) และใช้ในความเข้มข้นที่เหมาะสม (โดยทั่วไป 1-10% สำหรับการทำให้ผิวกระจ่างใส ขึ้นอยู่กับชนิด) และอยู่ในช่วง pH ที่แนะนำสำหรับสารนั้นๆ
  • ใช้วิตามินอีในความเข้มข้นที่ต่ำลง (0.1-1%) หากต้องการคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
  • ใช้เครื่องวัดค่า pH เพื่อวัดและปรับค่า pH สุดท้ายของสูตรอย่างแม่นยำ เพื่อให้ส่วนผสมออกฤทธิ์มีประสิทธิภาพและสูตรมีความเสถียร โดยเฉพาะสำหรับสารออกฤทธิ์อย่าง Alpha Arbutin และวิตามินซีอนุพันธ์
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเปอร์เซ็นต์รวมของส่วนผสมทั้งหมดในสูตรของคุณเท่ากับ 100% ค่ะ

คำแนะนำทั่วไป

การสร้างสูตรเครื่องสำอางที่เสถียรและปลอดภัยต้องอาศัยความเข้าใจในคุณสมบัติของส่วนผสมแต่ละชนิด เทคนิคการผสมที่ถูกต้อง และความสำคัญของค่า pH และการใช้สารกันเสีย เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้ศึกษาหลักการพื้นฐานของการทำสูตรเครื่องสำอางก่อนที่จะลองทำสูตรที่ซับซ้อน เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่คุณทำมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และมีความเสถียรค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
เครื่องสำอาง
Alpha Arbutin (Switzerland)
Alpha Arbutin (Switzerland)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
เครื่องสำอาง
Olive Oil (Extra Virgin)
Olive Oil (Extra Virgin)
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
เครื่องสำอาง
Glycerin (USP/Food Grade)
Glycerin (USP/Food Grade)
เครื่องสำอาง
Polysorbate 20 (Tween 20)
Polysorbate 20 (Tween 20)
เครื่องสำอาง
Natural White Beeswax (USA, Melting 62C, Deodorized)
Natural White Beeswax (USA, Melting 62C, Deodorized)
เครื่องสำอาง
Ascorbyl Glucoside (AA-2G Stabilized Vitamin C)
Ascorbyl Glucoside (AA-2G Stabilized Vitamin C)
เครื่องสำอาง
Double Hyaluron Liquid
Double Hyaluron Liquid
เครื่องสำอาง
Perfect-C™ (Ascorbyl Tetraisopalmitate)
Perfect-C™ (Ascorbyl Tetraisopalmitate)
เครื่องสำอาง
NaturePreserve™ Ultra (Gluconolactone & Sodium Benzoate)
NaturePreserve™ Ultra (Gluconolactone & Sodium Benzoate)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Large Molecule)
Hyaluronic Acid (Large Molecule)
เครื่องสำอาง
Chlorphenesin / Phenoxyethanol (Microcare PHC eq.)
Chlorphenesin / Phenoxyethanol (Microcare PHC eq.)
เครื่องสำอาง
Magnesium Ascorbyl Phosphate
Magnesium Ascorbyl Phosphate
เครื่องสำอาง
Yellow Beeswax
Yellow Beeswax
เครื่องสำอาง
Sunflower Oil (High Omega, Refined)
Sunflower Oil (High Omega, Refined)
เครื่องสำอาง
4D Hyaluronic Acid
4D Hyaluronic Acid
เครื่องสำอาง
Synthetic White Beeswax (Melting 62C)
Synthetic White Beeswax (Melting 62C)
เครื่องสำอาง
Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C SAP, e.q. Stay C50)
Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C SAP, e.q. Stay C50)
เครื่องสำอาง
Emulsifying Beeswax (Non-Ionic, Natural)
Emulsifying Beeswax (Non-Ionic, Natural)
เครื่องสำอาง
Global Guard™ 221 (pH 2-7, Natural)
Global Guard™ 221 (pH 2-7, Natural)
เครื่องสำอาง
Mild Preserved™ COS (pH 2-8, Broad Spectrum, No-Odor)
Mild Preserved™ COS (pH 2-8, Broad Spectrum, No-Odor)
เครื่องสำอาง
Natural White Beeswax (Melting 62C, Natural Odor)
Natural White Beeswax (Melting 62C, Natural Odor)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 2000daltons)
Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 2000daltons)
เครื่องสำอาง
Hyaluronic Acid (Super Low Molecule, 7000daltons)
Hyaluronic Acid (Super Low Molecule, 7000daltons)
เครื่องสำอาง