การเพิ่มประสิทธิภาพการนำพาสารในเซรั่มบำรุงผม

ถามโดย: paisal.asa เมื่อ: June 01, 2023 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ต้องการคำแนะนำในการเพิ่มประสิทธิภาพการนำพาสารในสูตรเซรั่มบำรุงผมที่ใช้ Laurocapram (ชนิด Water Soluble) 2% อยู่แล้ว โดยสอบถามว่าควรเพิ่ม Ethoxydiglycol, Phospholipid หรือ PEG/PPG-14/7 Dimethyl Ether ตัวใด หรือสามารถใช้ร่วมกันหลายชนิดได้หรือไม่ ปริมาณที่แนะนำเพื่อให้การดูดซึมสูงสุด และผลข้างเคียงด้านความปลอดภัยหากใช้ penetration enhancer หลายตัวร่วมกัน.

คำตอบ

การเพิ่มประสิทธิภาพการนำพาสารในเซรั่มบำรุงผม

สำหรับคำถามเกี่ยวกับการเพิ่ม penetration enhancer ในสูตรเซรั่มบำรุงผมที่ใช้ Laurocapram (ชนิด Water Soluble) 2% อยู่แล้ว มีข้อมูลจากส่วนประกอบที่พิจารณาเพิ่มเติมดังนี้ครับ

  1. ควรใส่เพิ่มตัวไหนเพื่อทำงานร่วมกับ Laurocapram?

    • ข้อมูลของ Laurocapram (ชนิด Water Soluble) แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับ carrier ตัวอื่น ยกเว้น 1,2-Hexanediol เนื่องจากประสิทธิภาพโดยรวมอาจลดลง
    • อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของ Ethoxydiglycol และ Phospholipid ระบุว่าสามารถใช้ร่วมกับ Laurocapram และตัวอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้
    • จากข้อมูลที่มี Ethoxydiglycol และ Phospholipid เป็นตัวเลือกที่อาจช่วยเสริมการนำพาสารได้ แม้จะมีข้อควรระวังในการใช้ Laurocapram ร่วมกับ carrier อื่นๆ Ethoxydiglycol มีข้อมูลว่าช่วยในการนำพาสีเข้าสู่เส้นผมได้ดี ซึ่งอาจเป็นประโยชน์กับเซรั่มบำรุงผม ส่วน Phospholipid ช่วยในการนำพาทั้งสารที่ละลายน้ำและน้ำมัน และยังมีคุณสมบัติช่วยให้ความชุ่มชื้นและลดการระคายเคืองได้
    • สำหรับ PEG/PPG-14/7 Dimethyl Ether ไม่พบข้อมูลในระบบ จึงไม่สามารถให้คำแนะนำเฉพาะเจาะจงได้
  2. ใส่เพิ่มมากกว่า 1 อย่างได้ไหม หรือใส่ทั้งหมดเลยทั้ง 4 อย่าง?

    • ตามข้อมูลของ Laurocapram แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับ carrier อื่นๆ ยกเว้น 1,2-Hexanediol
    • ในทางกลับกัน ข้อมูลของ Ethoxydiglycol และ Phospholipid ระบุว่าสามารถใช้ร่วมกันได้
    • การใช้ carrier หลายชนิดร่วมกันมีความเป็นไปได้ แต่ควรพิจารณาถึงความเข้ากันได้ของสารในสูตรโดยรวม และอาจต้องปรับลดปริมาณของแต่ละตัวลงเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
    • เนื่องจากไม่พบข้อมูลของ PEG/PPG-14/7 Dimethyl Ether จึงไม่สามารถใช้ทั้ง 4 อย่างได้
  3. แนะนำปริมาณ % แต่ละชนิดที่สามารถใส่ร่วมกันเพิ่อให้การดูดซึมเพิ่มขึ้นมากที่สุด?

    • ปริมาณการใช้สูงสุดของแต่ละตัวตามข้อมูลที่มีคือ:
      • Laurocapram (Water Soluble): 1-3% (แนะนำ 2%)
      • Ethoxydiglycol: 1-10% (สำหรับผลิตภัณฑ์ leave-on ไม่เกิน 2.6%)
      • Phospholipid: 0.5-3%
      • PhosCare™ (Water Soluble 15% Phospholipid): 0.5-3%)
    • ไม่มีข้อมูลเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับปริมาณที่เหมาะสมที่สุดเมื่อใช้ร่วมกันเพื่อเพิ่มการดูดซึมให้ได้มากที่สุด การใช้ร่วมกันอาจต้องใช้ในปริมาณที่ต่ำกว่าปริมาณสูงสุดของแต่ละตัว และควรทดสอบเพื่อหาปริมาณที่เหมาะสมกับสูตรของคุณ โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย และต้องไม่เกินปริมาณสูงสุดที่ อย. กำหนดสำหรับผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท (โดยเฉพาะ Ethoxydiglycol สำหรับ leave-on ไม่เกิน 2.6%)
  4. ถ้าใส่หลายอย่าง จะมีผลข้างเคียงด้านความปลอดภัยไหม?

    • การใช้ penetration enhancer หลายชนิดร่วมกันอาจเพิ่มความเสี่ยงของการระคายเคืองหรือการแพ้ได้ โดยเฉพาะหากใช้ในปริมาณที่สูง
    • Ethoxydiglycol สามารถช่วยนำพาสารต่างๆ เข้าสู่ผิวได้มากขึ้น ซึ่งรวมถึงสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ จึงควรระมัดระวังเมื่อใช้ในสูตรที่มีสารที่อาจก่อปัญหา
    • Phospholipid มีคุณสมบัติช่วยลดการระคายเคืองและเสริมเกราะป้องกันผิวได้
    • สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดปริมาณการใช้สูงสุดของ อย. สำหรับส่วนประกอบแต่ละชนิดในผลิตภัณฑ์ประเภทนั้นๆ และควรทำการทดสอบความเข้ากันได้และความปลอดภัยของสูตรโดยรวม

โดยสรุป หากต้องการเพิ่ม penetration enhancer นอกเหนือจาก Laurocapram ควรพิจารณา Ethoxydiglycol หรือ Phospholipid โดยเริ่มจากปริมาณน้อยๆ และทดสอบผลลัพธ์และความปลอดภัย การใช้ร่วมกันหลายชนิดมีความเป็นไปได้แต่ต้องระมัดระวังเรื่องความเข้ากันได้และผลข้างเคียงด้านความปลอดภัย และต้องตรวจสอบปริมาณการใช้สูงสุดตามข้อกำหนดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสมอ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)
เครื่องสำอาง
Phospholipid
Phospholipid
เครื่องสำอาง
Laurocapram (Water Soluble)
Laurocapram (Water Soluble)
เครื่องสำอาง
PhosCare™ (Water Soluble 15% Phospholipid)
PhosCare™ (Water Soluble 15% Phospholipid)
เครื่องสำอาง