การเพิ่มประสิทธิภาพการนำพาสารในเซรั่มบำรุงผม
คำถาม
ต้องการคำแนะนำในการเพิ่มประสิทธิภาพการนำพาสารในสูตรเซรั่มบำรุงผมที่ใช้ Laurocapram (ชนิด Water Soluble) 2% อยู่แล้ว โดยสอบถามว่าควรเพิ่ม Ethoxydiglycol, Phospholipid หรือ PEG/PPG-14/7 Dimethyl Ether ตัวใด หรือสามารถใช้ร่วมกันหลายชนิดได้หรือไม่ ปริมาณที่แนะนำเพื่อให้การดูดซึมสูงสุด และผลข้างเคียงด้านความปลอดภัยหากใช้ penetration enhancer หลายตัวร่วมกัน.
คำตอบ
การเพิ่มประสิทธิภาพการนำพาสารในเซรั่มบำรุงผม
สำหรับคำถามเกี่ยวกับการเพิ่ม penetration enhancer ในสูตรเซรั่มบำรุงผมที่ใช้ Laurocapram (ชนิด Water Soluble) 2% อยู่แล้ว มีข้อมูลจากส่วนประกอบที่พิจารณาเพิ่มเติมดังนี้ครับ
ควรใส่เพิ่มตัวไหนเพื่อทำงานร่วมกับ Laurocapram?
- ข้อมูลของ Laurocapram (ชนิด Water Soluble) แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับ carrier ตัวอื่น ยกเว้น 1,2-Hexanediol เนื่องจากประสิทธิภาพโดยรวมอาจลดลง
- อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของ Ethoxydiglycol และ Phospholipid ระบุว่าสามารถใช้ร่วมกับ Laurocapram และตัวอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้
- จากข้อมูลที่มี Ethoxydiglycol และ Phospholipid เป็นตัวเลือกที่อาจช่วยเสริมการนำพาสารได้ แม้จะมีข้อควรระวังในการใช้ Laurocapram ร่วมกับ carrier อื่นๆ Ethoxydiglycol มีข้อมูลว่าช่วยในการนำพาสีเข้าสู่เส้นผมได้ดี ซึ่งอาจเป็นประโยชน์กับเซรั่มบำรุงผม ส่วน Phospholipid ช่วยในการนำพาทั้งสารที่ละลายน้ำและน้ำมัน และยังมีคุณสมบัติช่วยให้ความชุ่มชื้นและลดการระคายเคืองได้
- สำหรับ PEG/PPG-14/7 Dimethyl Ether ไม่พบข้อมูลในระบบ จึงไม่สามารถให้คำแนะนำเฉพาะเจาะจงได้
ใส่เพิ่มมากกว่า 1 อย่างได้ไหม หรือใส่ทั้งหมดเลยทั้ง 4 อย่าง?
- ตามข้อมูลของ Laurocapram แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับ carrier อื่นๆ ยกเว้น 1,2-Hexanediol
- ในทางกลับกัน ข้อมูลของ Ethoxydiglycol และ Phospholipid ระบุว่าสามารถใช้ร่วมกันได้
- การใช้ carrier หลายชนิดร่วมกันมีความเป็นไปได้ แต่ควรพิจารณาถึงความเข้ากันได้ของสารในสูตรโดยรวม และอาจต้องปรับลดปริมาณของแต่ละตัวลงเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
- เนื่องจากไม่พบข้อมูลของ PEG/PPG-14/7 Dimethyl Ether จึงไม่สามารถใช้ทั้ง 4 อย่างได้
แนะนำปริมาณ % แต่ละชนิดที่สามารถใส่ร่วมกันเพิ่อให้การดูดซึมเพิ่มขึ้นมากที่สุด?
- ปริมาณการใช้สูงสุดของแต่ละตัวตามข้อมูลที่มีคือ:
- Laurocapram (Water Soluble): 1-3% (แนะนำ 2%)
- Ethoxydiglycol: 1-10% (สำหรับผลิตภัณฑ์ leave-on ไม่เกิน 2.6%)
- Phospholipid: 0.5-3%
- PhosCare™ (Water Soluble 15% Phospholipid): 0.5-3%)
- ไม่มีข้อมูลเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับปริมาณที่เหมาะสมที่สุดเมื่อใช้ร่วมกันเพื่อเพิ่มการดูดซึมให้ได้มากที่สุด การใช้ร่วมกันอาจต้องใช้ในปริมาณที่ต่ำกว่าปริมาณสูงสุดของแต่ละตัว และควรทดสอบเพื่อหาปริมาณที่เหมาะสมกับสูตรของคุณ โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย และต้องไม่เกินปริมาณสูงสุดที่ อย. กำหนดสำหรับผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท (โดยเฉพาะ Ethoxydiglycol สำหรับ leave-on ไม่เกิน 2.6%)
- ปริมาณการใช้สูงสุดของแต่ละตัวตามข้อมูลที่มีคือ:
ถ้าใส่หลายอย่าง จะมีผลข้างเคียงด้านความปลอดภัยไหม?
- การใช้ penetration enhancer หลายชนิดร่วมกันอาจเพิ่มความเสี่ยงของการระคายเคืองหรือการแพ้ได้ โดยเฉพาะหากใช้ในปริมาณที่สูง
- Ethoxydiglycol สามารถช่วยนำพาสารต่างๆ เข้าสู่ผิวได้มากขึ้น ซึ่งรวมถึงสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ จึงควรระมัดระวังเมื่อใช้ในสูตรที่มีสารที่อาจก่อปัญหา
- Phospholipid มีคุณสมบัติช่วยลดการระคายเคืองและเสริมเกราะป้องกันผิวได้
- สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดปริมาณการใช้สูงสุดของ อย. สำหรับส่วนประกอบแต่ละชนิดในผลิตภัณฑ์ประเภทนั้นๆ และควรทำการทดสอบความเข้ากันได้และความปลอดภัยของสูตรโดยรวม
โดยสรุป หากต้องการเพิ่ม penetration enhancer นอกเหนือจาก Laurocapram ควรพิจารณา Ethoxydiglycol หรือ Phospholipid โดยเริ่มจากปริมาณน้อยๆ และทดสอบผลลัพธ์และความปลอดภัย การใช้ร่วมกันหลายชนิดมีความเป็นไปได้แต่ต้องระมัดระวังเรื่องความเข้ากันได้และผลข้างเคียงด้านความปลอดภัย และต้องตรวจสอบปริมาณการใช้สูงสุดตามข้อกำหนดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสมอ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)

Phospholipid

Laurocapram (Water Soluble)
