การเพิ่ม Niacinamide, Glucosamine และ Hydrolyzed Collagen ในชุดทำเซรั่ม Vitamin C E Ferulic

ถามโดย: kkclinic.joe เมื่อ: October 11, 2013 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

สามารถเพิ่ม Vitamin B3 (Niacinamide), Glucosamine (Acetyl Glucosamine) และ Hydrolyzed collagen ลงใน ชุดทำเซรั่ม Vitamin C E Ferulic Pre-Mix Kit ได้หรือไม่? มีข้อควรพิจารณาและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอะไรบ้าง?

คำตอบ

การเพิ่มส่วนผสมลงในชุด Vitamin C E Ferulic Pre-Mix Kit

สำหรับคำถามเกี่ยวกับการเพิ่ม Vitamin B3, Glucosamine และ Hydrolyzed collagen ลงในชุด Vitamin C E Ferulic Pre-Mix Kit นั้น โดยทั่วไปแล้วสามารถทำได้ แต่มีปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาจากคุณสมบัติของส่วนผสมเหล่านี้และชุดพรีมิกซ์ครับ

  • Vitamin B3 (Niacinamide) และ Glucosamine (Acetyl Glucosamine): ส่วนผสมเหล่านี้มีประโยชน์ต่อผิว Niacinamide (เช่น Safe-B3™ หรือ Extreme-B3™) ช่วยลดเลือนริ้วรอย รอยแดง จุดด่างดำ เสริมเกราะป้องกันผิว และควบคุมความมัน Acetyl Glucosamine (เช่น GlucoBright™) ช่วยเรื่องความกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ กระตุ้นการสร้าง Hyaluronic Acid ให้ผิวชุ่มชื้น และช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน งานวิจัยพบว่า Niacinamide และ Acetyl Glucosamine ทำงานร่วมกันได้ดีในการปรับสีผิวให้กระจ่างใส ทั้งสองชนิดละลายน้ำได้และสามารถเติมลงในส่วนของน้ำ (water phase) ของสูตรได้
  • Hydrolyzed Collagen: แม้ว่าจะให้ความชุ่มชื้นและคุณสมบัติการสร้างฟิล์มได้บ้าง แต่ดังที่เจ้าหน้าที่ได้แจ้งไว้ การทา Hydrolyzed Collagen บนผิวโดยตรงนั้นมีความสามารถจำกัดในการรวมเข้ากับคอลลาเจนตามธรรมชาติของผิว นอกจากนี้ยังอาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้ในปริมาณสูง ส่วนผสมที่ช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนขึ้นเองมักจะถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าในการปรับปรุงโครงสร้างผิว ตัวอย่างเช่น เปปไทด์บางชนิด เช่น Palmitoyl Tripeptide-5 (Pep®-Coll) หรือส่วนผสมอย่าง Matrixyl 3000
  • ความเข้ากันได้และค่า pH: นี่เป็นจุดสำคัญที่ต้องพิจารณา ชุด Vitamin C E Ferulic ใช้ Ascorbic Acid ซึ่งต้องการค่า pH ที่ต่ำ (โดยทั่วไปประมาณ 2.5-3.5) เพื่อคงความเสถียรและประสิทธิภาพ ในขณะที่ Niacinamide และ Acetyl Glucosamine มีความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุดในช่วงค่า pH ที่สูงกว่า (ประมาณ 4.0-7.0) การผสมส่วนผสมที่มีค่า pH ที่เหมาะสมแตกต่างกันมาก อาจนำไปสู่:
    • ประสิทธิภาพของ Vitamin C หรือส่วนผสมที่เพิ่มเข้าไปลดลง
    • ความไม่เสถียรของสูตร (เช่น สีเปลี่ยน เนื้อเปลี่ยน หรือแยกชั้น)
    • อาจเพิ่มโอกาสในการระคายเคืองผิวเนื่องจากความขัดแย้งของค่า pH

ข้อแนะนำ:

  1. พิจารณาค่า pH: หากคุณเพิ่ม Niacinamide และ Acetyl Glucosamine ลงในชุด Vitamin C E Ferulic ค่า pH ของส่วนผสมสุดท้ายอาจเป็นค่ากลางๆ ซึ่งอาจลดประสิทธิภาพของ Vitamin C ได้ การใช้ส่วนผสมเหล่านี้ในสูตรที่แยกกันและมีค่า pH ที่เหมาะสมอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
  2. วิธีการเพิ่มส่วนผสม: หากคุณยังต้องการเพิ่มส่วนผสมเหล่านี้ พวกมันเป็นผงที่ละลายน้ำได้ ควรนำไปละลายในส่วนของน้ำของสูตร เริ่มต้นด้วยความเข้มข้นต่ำๆ ก่อน (เช่น Niacinamide 2-5%, Acetyl Glucosamine 2-4%, Hydrolyzed Collagen 1-3%) และสังเกตความเสถียรและเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ที่ได้
  3. ทางเลือกสำหรับคอลลาเจน: แทนที่จะใช้ Hydrolyzed Collagen ลองพิจารณาเพิ่มส่วนผสมที่ทราบกันดีว่าช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น เปปไทด์
  4. ทดสอบความเสถียร: หลังจากเพิ่มส่วนผสมใดๆ แล้ว ให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสี ความใส กลิ่น และเนื้อสัมผัสของส่วนผสมเมื่อเวลาผ่านไป เพื่อให้แน่ใจว่ามีความเสถียร

สรุปคือ แม้ว่าจะสามารถเพิ่มส่วนผสมเหล่านี้ลงไปได้ทางกายภาพ แต่ความเข้ากันได้ทางเคมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องค่า pH เป็นความท้าทายที่สำคัญ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและความเสถียรของผลิตภัณฑ์สุดท้ายได้ครับ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Pep®-Coll (Palmitoyl tripeptide-5)
Pep®-Coll (Palmitoyl tripeptide-5)
เครื่องสำอาง
Pal-GHK, Pal-GQPR (eq Matrixyl 3000)
Pal-GHK, Pal-GQPR (eq Matrixyl 3000)
เครื่องสำอาง
Vitamin C E Ferulic
Vitamin C E Ferulic
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
เครื่องสำอาง
Collagen HP
Collagen HP
เครื่องสำอาง
Extreme-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Highest Purity)
Extreme-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Highest Purity)
เครื่องสำอาง