ข้อเสนอแนะสูตรเซรั่ม: ปัญหา AA-2G, Niacinamide และเนื้อสัมผัส
คำถาม
ดิฉันมีสูตรเซรั่มที่ต้องการให้ช่วยเรื่องความใส ต่อต้านอนุมูลอิสระ และความชุ่มชื้น โดยใช้ส่วนประกอบและเปอร์เซ็นต์ดังนี้ค่ะ:
- Stabilized Vitamin C (AA-2G) 33%
- Natto Gum 5%
- Vitamin B3 (Niacinamide)
- Acetyl Glucosamine 4%
- Pro Polymer™ (Gel Maker) 2%
ดิฉันต้องการให้สูตรมีค่า pH อยู่ในช่วง 6.5-6.8 ขอคำแนะนำเกี่ยวกับสูตรนี้ด้วยค่ะ ทั้งความเหมาะสมของส่วนประกอบ ปริมาณที่แนะนำ ปัญหาความเข้ากันได้ (โดยเฉพาะ AA-2G กับ Niacinamide) เนื้อสัมผัสที่คาดว่าจะได้จาก Pro Polymer™ และข้อเสนอแนะในการปรับปรุงสูตรค่ะ
คำตอบ
ข้อเสนอแนะและคำแนะนำสำหรับสูตร
สำหรับสูตรเซรั่มที่คุณต้องการให้ช่วยเรื่องความใส ต่อต้านอนุมูลอิสระ และความชุ่มชื้น มีข้อเสนอแนะดังนี้ค่ะ:
ความเหมาะสมของส่วนประกอบและเปอร์เซ็นต์
ส่วนประกอบที่คุณเลือกใช้ ได้แก่ Stabilized Vitamin C (AA-2G), Natto Gum, Vitamin B3 (Niacinamide) และ Acetyl Glucosamine ถือว่าเหมาะสมโดยทั่วไปสำหรับคุณสมบัติที่คุณต้องการ ทั้งเรื่องความใส การต่อต้านอนุมูลอิสระ และความชุ่มชื้น
อย่างไรก็ตาม มีบางประเด็นที่ควรพิจารณา:
- Stabilized Vitamin C (AA-2G): เปอร์เซ็นต์ 33% ที่ระบุมานั้นสูงกว่าอัตราการใช้ที่แนะนำอย่างมาก ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 2-10% การใช้ความเข้มข้นสูงขนาดนี้อาจไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพตามสัดส่วน และอาจทำให้เกิดปัญหาด้านความคงตัวหรือการระคายเคืองผิวได้ แนะนำให้ลดเปอร์เซ็นต์ลงมาอยู่ในช่วงที่แนะนำค่ะ
- ความเข้ากันได้ของส่วนประกอบ: ตามข้อมูลของ Ascorbyl Glucoside (AA-2G) ไม่ควรใช้ร่วมกับ Safe-B3™ (Niacinamide) ในสูตร เนื่องจากจะส่งผลต่อความคงตัวของ AA-2G นี่คือปัญหาความเข้ากันไม่ได้ที่สำคัญในสูตรปัจจุบันของคุณ คุณอาจต้องเลือกระหว่างการใช้ AA-2G (และตัด Niacinamide ออก) หรือใช้ Niacinamide (และแทนที่ AA-2G ด้วยวิตามินซีรูปแบบอื่นที่เข้ากันได้ เช่น Sodium Ascorbyl Phosphate (SAP) หรือ Magnesium Ascorbyl Phosphate (MAP)) หากคุณให้ความสำคัญกับประโยชน์ของ AA-2G ให้ตัด Niacinamide ออก แต่ถ้า Niacinamide จำเป็นสำหรับคุณ ให้พิจารณาใช้วิตามินซีอนุพันธ์อื่นแทน
- ส่วนประกอบอื่นๆ: Natto Gum ที่ 5% และ Acetyl Glucosamine ที่ 4% อยู่ในอัตราการใช้ที่แนะนำทั่วไป และมีส่วนช่วยที่ดีในเรื่องความชุ่มชื้นและความใส
ความเหมาะสมของค่า pH
ค่า pH เป้าหมายที่ 6.5-6.8 เป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับความคงตัวของ Ascorbyl Glucoside (AA-2G) การปรับค่า pH ให้อยู่ในช่วงนี้หลังผสมเสร็จเป็นสิ่งจำเป็นหากคุณใช้ AA-2G โดยไม่มี Niacinamide อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัญหาความเข้ากันไม่ได้ที่กล่าวมาข้างต้น การรักษาค่า pH ในช่วงนี้จะไม่สามารถรับประกันความคงตัวได้หากมีทั้ง AA-2G และ Niacinamide อยู่ในสูตรเดียวกัน
สารสร้างเนื้อเจลและเนื้อสัมผัส
คุณใช้ Pro Polymer™ (Gel Maker) ที่ 2% สารตัวนี้สามารถสร้างเนื้อเจลได้และมีความทนทานต่ออิเล็กโทรไลต์ได้ดี ซึ่งมีประโยชน์เนื่องจากมี Natto Gum (ซึ่งเป็นอิเล็กโทรไลต์ชนิดอ่อน) อยู่ในสูตร อย่างไรก็ตาม จากคำอธิบายผลิตภัณฑ์ Pro Polymer™ อาจให้ความรู้สึกเหนอะหนะเล็กน้อยในตอนแรกที่ทา ก่อนจะแห้งเป็นฟิล์มบางๆ หากต้องการเนื้อเซรั่มที่ไม่เหนอะหนะเลยเป็นพิเศษ คุณอาจต้อง:
- ปรับปริมาณ Pro Polymer™ ให้เหมาะสม (อาจจะลดลงเล็กน้อย หรือทดลองความเข้มข้นต่างๆ)
- พิจารณาใช้ Pro Polymer™ ร่วมกับสารปรับเนื้อสัมผัสอื่นๆ
- มองหาสารสร้างเนื้อเจลทางเลือกอื่นๆ ที่ขึ้นชื่อว่าให้ความรู้สึกไม่เหนอะหนะ แต่จากข้อมูลที่มี Pro Polymer™ ก็เป็นตัวเลือกที่ใช้งานได้ โดยอาจต้องพิจารณาเรื่องเนื้อสัมผัสเพิ่มเติมค่ะ
สรุปข้อแนะนำ
- ลดปริมาณ AA-2G: ลดความเข้มข้นของ Stabilized Vitamin C (AA-2G) ลงมาอยู่ในช่วงที่แนะนำคือ 2-10%
- แก้ไขปัญหาความเข้ากันไม่ได้: ตัดสินใจว่าจะใช้ AA-2G หรือ Niacinamide เนื่องจากทั้งสองตัวไม่เข้ากัน หากเลือกใช้ AA-2G ให้ตัด Niacinamide ออก หากเลือกใช้ Niacinamide ให้ใช้วิตามินซีอนุพันธ์อื่นที่เข้ากันได้แทน AA-2G
- ปรับค่า pH: หากคุณเลือกใช้ AA-2G (โดยไม่มี Niacinamide) ให้ปรับค่า pH สุดท้ายของสูตรให้อยู่ในช่วง 6.5-6.8 เพื่อความคงตัวสูงสุด
- ปรับสารสร้างเนื้อเจล: ทดลองเนื้อสัมผัสที่ใช้ Pro Polymer™ 2% หากรู้สึกเหนอะหนะเกินไป ให้พิจารณาปรับปริมาณหรือหาสารสร้างเนื้อเจลอื่นๆ เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่เบาและไม่เหนอะหนะค่ะ
การแก้ไขปัญหาความเข้ากันได้ของส่วนประกอบและการปรับปริมาณ AA-2G จะช่วยให้คุณได้เซรั่มที่มีความคงตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Pro Polymer™ (Gel Maker)

Ascorbyl Glucoside (AA-2G Stabilized Vitamin C)
