ความคงตัวและความเป็นไปได้ของสูตรเซรั่มที่มีซิลิโคนและสารออกฤทธิ์

สำหรับสูตรเซรั่มที่คุณเสนอมา สัดส่วนของส่วนผสมที่คุณระบุรวมกันได้ 100% ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีค่ะ

สูตรนี้ประกอบด้วยส่วนที่เป็นน้ำ (Water, Safe-B3™, Ethyl Ascorbic acid, Tomato Extract, Copper Peptide) และส่วนที่เป็นซิลิโคน/น้ำมัน (Cyclomethicone, Silicone Gel) ในการรวมส่วนผสมทั้งสองเข้าด้วยกันให้เป็นเนื้อเซรั่มที่คงตัว จำเป็นต้องใช้สารประสานเนื้ออิมัลชัน (Emulsifier) ซึ่งคุณได้ใส่ Warp Cream Maker™ ในปริมาณ 4% ซึ่งน่าจะทำหน้าที่นี้

ความสำเร็จและความคงตัวของสูตรนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ:

• การประสานเนื้อ (Emulsification): Warp Cream Maker™ สามารถประสานส่วนผสมซิลิโคนและส่วนที่เป็นน้ำเข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เพื่อให้ได้เนื้อเซรั่มที่เนียนเป็นเนื้อเดียวกันและไม่แยกชั้นเมื่อเวลาผ่านไป
• ความเข้ากันได้ของสารออกฤทธิ์ (Active Ingredient Compatibility): แม้ว่า Niacinamide, Ethyl Ascorbic Acid, Tomato Extract และ Copper Peptide จะเป็นสารออกฤทธิ์ที่ดี แต่การรวม Vitamin C (Ethyl Ascorbic Acid), Niacinamide และ Copper Peptide ในสูตรเดียวกันอาจมีความท้าทาย เนื่องจากอาจมีปฏิกิริยาระหว่างกันที่ส่งผลต่อความคงตัวหรือประสิทธิภาพ ขึ้นอยู่กับค่า pH และความเข้มข้น
• กระบวนการผลิต (Manufacturing Process): วิธีการและลำดับในการผสมส่วนผสมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเกิดอิมัลชันที่สำเร็จและความคงตัวของสูตร

โดยสรุป โครงสร้างสูตรที่มีสารประสานเนื้ออิมัลชันเพื่อรวมส่วนที่เป็นน้ำและซิลิโคน/น้ำมันเข้าด้วยกันนั้นเป็นไปได้ในทางทฤษฎี อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการทำจริงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงความเข้ากันได้ของส่วนผสม ประสิทธิภาพของสารประสานเนื้อที่เลือกใช้สำหรับระบบนี้โดยเฉพาะ และเทคนิคการผลิตที่เหมาะสม ขอแนะนำอย่างยิ่งให้ทดลองทำในปริมาณน้อยเพื่อประเมินความคงตัว ลักษณะเนื้อสัมผัส และความรู้สึกในการใช้ ก่อนที่จะทำในปริมาณมากค่ะ