ความเข้ากันได้ของส่วนผสมในสูตรเครื่องสำอาง

ถามโดย: m.chayuti เมื่อ: July 05, 2025 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

มีคำถามเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของสารในสูตรเครื่องสำอางดังนี้:

  1. สารพรีไบโอติกอย่าง Prebio-care (Skin Prebiotic) หรือ NuBiome™ (Skin Microbiome) เข้ากันได้หรือควรไม่ควรใช้กับสารตระกูล salicyclic acid และอนุพันธ์ และพวกสารต้านจุลินทรีย์ Micromul™ 10HDA (10-Hydroxydecanoic Acid Microemulsion), Acne-TT™ (Standardized Tea Tree Extract For Acne) หรือสารต้านจุลินทรีย์ P. acne (C. acne) อื่นๆ ไหม?
  2. Bakuchiol-Eco™ หรือ HR-White™ (4-Hexylresorcinol, e.q. Synovea HR) ที่อ่อนไหวกับ metal iron ต้องใช้ chelating agent เข้ากันได้กับ Zinc PCA หรือ Adenosine Phosphate Disodium (AMP-Na) ไหม?
  3. สารพวก peptides หรือโปรตีนต่างๆ ที่อยู่ในสูตรใช้กับ ethanol หรือแอลกอฮอล์ตัวอื่นเป็นส่วนผสมเล็กน้อย (<10%) ได้ไหม? (เนื่องจากสูตรต้องใช้แอลกอฮอล์เป็นตัวทำละลายของสารอื่นในสูตร)
  4. B3 + GlucoBright™ + Actin AC ควรใช้ร่วมกันไหม เพราะ Actin AC มี HEXYLRESORCINOL อยู่ มันจะทำงานทับซ้อนกันไหม?

คำตอบ

นี่คือคำตอบสำหรับคำถามเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของส่วนผสมในสูตรของคุณ:

ความเข้ากันได้ของส่วนผสม

1. พรีไบโอติกส์ กับ Salicylic Acid และสารต้านจุลินทรีย์

พรีไบโอติกส์ เช่น Prebio-care และ NuBiome™ ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นอาหารและส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ดีต่อผิว ช่วยปรับสมดุลไมโครไบโอมของผิวและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว

Salicylic Acid และสารต้านจุลินทรีย์ เช่น Micromul™ 10HDA และ Acne-TT™ ทำงานโดยการลดหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย รวมถึง P. acnes ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัญหาสิว

การใช้พรีไบโอติกส์ร่วมกับสารต้านจุลินทรีย์แบบกว้างๆ หรือ Salicylic Acid ในความเข้มข้นสูง อาจส่งผลเสียได้ แม้ว่าเป้าหมายคือการลดแบคทีเรียที่ก่อปัญหา แต่ส่วนผสมเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อแบคทีเรียที่ดีที่พรีไบโอติกส์ต้องการส่งเสริม

โดยทั่วไป ควรระมัดระวังเมื่อใช้ส่วนผสมประเภทนี้ร่วมกัน หากคุณต้องการรักษาสิวด้วยสารต้านจุลินทรีย์หรือสารผลัดเซลล์ผิว ควรพิจารณาใช้ในความเข้มข้นต่ำ หรือใช้ในผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันและทาคนละเวลา เพื่อลดผลกระทบต่อจุลินทรีย์ที่ดีบนผิว อย่างไรก็ตาม ส่วนผสมบางชนิดที่ช่วยรักษาสิว เช่น Niacinamide (Vitamin B3) และ Salicylic Acid มีข้อสังเกตว่าทำงานได้ดีกับ Actin AC ซึ่งมีคุณสมบัติต้านแบคทีเรียด้วย แสดงว่าการผสมผสานบางอย่างสามารถให้ผลดีได้หากมีการคิดค้นสูตรอย่างรอบคอบ

2. Bakuchiol-Eco™ หรือ HR-White™ กับ Zinc PCA หรือ Adenosine Phosphate Disodium (AMP-Na) เมื่อใช้ Chelating Agent

ทั้ง Bakuchiol-Eco™ และ HR-White™ (4-Hexylresorcinol) มีความไวต่อไอออนของโลหะ และจำเป็นต้องใช้สารคีเลต (เช่น Disodium EDTA 0.1%) ในสูตร เพื่อช่วยให้คงตัวและป้องกันการเปลี่ยนสีที่เกิดจากการปนเปื้อนของโลหะ

Zinc PCA มีไอออนของสังกะสี และ Adenosine Phosphate Disodium (AMP-Na) มีไอออนของโซเดียม แม้ว่าสารคีเลตจะถูกเติมเพื่อจับกับโลหะที่ปนเปื้อนเป็นหลัก แต่ก็จะมีปฏิกิริยากับไอออนของโลหะอื่นๆ ที่มีอยู่ในสูตรด้วย รวมถึงไอออนจากส่วนผสมอย่าง Zinc PCA และ AMP-Na

สามารถคิดค้นสูตรโดยใช้สารคีเลตควบคู่ไปกับ Zinc PCA หรือ AMP-Na ได้ สารคีเลตจะช่วยปกป้องส่วนผสมที่ไวต่อโลหะ (Bakuchiol-Eco™ หรือ HR-White™) จากการเสื่อมสภาพเนื่องจากการปนเปื้อนของโลหะ การมีปฏิกิริยากับไอออนของโลหะใน Zinc PCA หรือ AMP-Na โดยทั่วไปสามารถจัดการได้ในสูตรที่มีการคิดค้นมาอย่างดี แต่สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาถึงความคงตัวโดยรวมของสูตรและช่วง pH ที่เหมาะสมสำหรับส่วนผสมแต่ละชนิด Zinc PCA ละลายได้ดีที่สุดที่ pH 4-6 ในขณะที่ Bakuchiol-Eco™ ต้องการ pH ต่ำกว่า 6.5 HR-White™ ละลายในไกลคอล ไม่ละลายในน้ำ และควรเติมที่อุณหภูมิต่ำกว่า 80°C Adenosine Phosphate Disodium (AMP-Na) ละลายในน้ำและควรผสมที่อุณหภูมิต่ำกว่า 40°C การคิดค้นสูตรและการทดสอบความคงตัวอย่างรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญเมื่อใช้ส่วนผสมเหล่านี้ร่วมกัน

3. สารกลุ่มเปปไทด์/โปรตีนต่างๆ กับเอทานอลปริมาณเล็กน้อย (<10%)

เปปไทด์และโปรตีน เช่น ที่พบใน Pep®-Max12 อาจมีความไวต่อสภาวะที่รุนแรง เช่น ความร้อนสูง และความเข้มข้นของแอลกอฮอล์สูง ซึ่งอาจทำให้เสียสภาพได้

อย่างไรก็ตาม การใช้เอทานอลในปริมาณเล็กน้อย (น้อยกว่า 10%) ในสูตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้เป็นตัวทำละลายสำหรับส่วนผสมอื่น และเติมที่อุณหภูมิต่ำในระหว่างกระบวนการผลิต อาจเป็นที่ยอมรับได้ หัวใจสำคัญคือการลดการสัมผัสของเปปไทด์กับสภาวะที่อาจทำให้เสื่อมสภาพ Pep®-Max12 เป็นส่วนผสมของเปปไทด์ที่ละลายน้ำได้ ซึ่งควรเติมลงในสูตรที่อุณหภูมิต่ำกว่า 40°C

แม้ว่าเปปไทด์อาจทนต่อเอทานอลในความเข้มข้นต่ำได้ แต่การทดสอบความคงตัวของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าเปปไทด์ยังคงมีประสิทธิภาพและสูตรมีความคงตัวตลอดอายุการเก็บรักษา

4. B3 + GlucoBright™ + Actin AC

การใช้ Safe-B3™ (Niacinamide), GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine) และ Actin AC ร่วมกัน เป็นแนวทางเสริมฤทธิ์กันเพื่อจัดการกับปัญหาผิวหลายประการ รวมถึงสิวและรอยดำ

Safe-B3™ (Niacinamide) และ GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine) เป็นที่ทราบกันดีว่าทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพในการปรับผิวให้กระจ่างใสและลดจุดด่างดำผ่านกลไกที่เสริมกัน

Actin AC เป็นส่วนผสมที่มีคุณสมบัติหลากหลาย ประกอบด้วย Hexylresorcinol ซึ่งเป็นสารช่วยให้ผิวกระจ่างใสที่มีประสิทธิภาพ พร้อมด้วยส่วนประกอบที่ช่วยจัดการกับสิว การอักเสบ และควบคุมความมัน คำอธิบายของ Actin AC ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าทำงานได้ดีกับ Niacinamide และ Salicylic Acid

การใช้ Safe-B3™, GlucoBright™ และ Actin AC ร่วมกัน จะใช้ประโยชน์จากกลไกการทำงานที่แตกต่างกันของแต่ละส่วนผสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น แม้ว่าทั้ง Niacinamide + Acetyl Glucosamine และ Hexylresorcinol ใน Actin AC จะช่วยลดรอยดำ แต่ก็ทำผ่านคนละกลไก (เช่น ยับยั้งการส่งถ่ายเม็ดสี, ยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase) ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ครอบคลุมมากขึ้นในการปรับผิวให้กระจ่างใส นอกจากนี้ คุณสมบัติในการรักษาสิวและต้านการอักเสบของ Actin AC ยังเสริมกับคุณสมบัติในการเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวและปลอบประโลมผิวของ Niacinamide

การผสมผสานนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาการทำงานที่ซ้ำซ้อนกัน แต่เป็นการเสริมฤทธิ์กันที่มีศักยภาพสูงในการปรับปรุงความกระจ่างใส สีผิว และสุขภาพผิวโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผิวที่เป็นสิวและมีปัญหารอยดำจากสิว

คุณสามารถดูลิงก์ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่กล่าวถึงได้ด้านล่างคำตอบนี้