การวิเคราะห์และปรับปรุงสูตรเซรั่ม

ขอบคุณสำหรับคำถามเกี่ยวกับสูตรเซรั่มที่คุณต้องการผลิตค่ะ เรามาวิเคราะห์สูตรที่เสนอและให้คำแนะนำกันนะคะ

1. การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของสูตร

สูตรที่คุณเสนอมีส่วนผสมออกฤทธิ์ (Active Ingredients) ในความเข้มข้นสูง:

• Pitera: 60%
• Repair Activator: 10%
• Argireline: 10%
• Matrixyl 3000: 8%
• Glycerin Gel: 5%
• Adenosine Liposome: 4%
• Copper Peptide: 3%

รวมทั้งหมดเป็น 100% ซึ่งสูตรเซรั่มโดยทั่วไปจำเป็นต้องมีน้ำเป็นตัวทำละลายหลัก รวมถึงระบบกันเสีย (Preservative System) และอาจต้องมีการปรับค่า pH ด้วย สูตรที่คุณเสนอมานั้นไม่มีส่วนประกอบของน้ำหรือสารกันเสีย ทำให้ไม่สามารถผลิตเป็นเซรั่มที่คงตัวได้จริง

นอกจากนี้ ส่วนผสมบางชนิดยังมีความเข้มข้นสูงกว่าปริมาณที่แนะนำสำหรับการใช้งานเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและความคงตัวสูงสุด:

• Matrixyl 3000 แนะนำให้ใช้ที่ความเข้มข้น 3-5% แต่สูตรที่เสนอใช้ 8% ซึ่งสูงกว่าที่แนะนำ
• Adenosine (หากหมายถึง Pure-Adenosine) โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ที่ 0.1-1.0% แต่สูตรที่เสนอมี "Adenosine Liposome" 4% หากหมายถึง Pure-Adenosine ถือว่าสูงกว่าที่แนะนำมาก และหากหมายถึงผลิตภัณฑ์ไลโปโซมที่มี Adenosine ปริมาณที่แนะนำก็มักจะต่ำกว่า 4%

ความเข้มข้นรวมของส่วนผสมออกฤทธิ์ที่สูงมาก (100%) โดยไม่มีตัวทำละลายหลักอย่างน้ำ จะทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้ไม่มีลักษณะเป็นเซรั่มและมีแนวโน้มที่จะไม่คงตัว

2. คำแนะนำในการปรับปรุงสูตร

เพื่อให้ได้เซรั่มที่สามารถผลิตได้จริงและมีความคงตัว จำเป็นต้องมีการปรับปรุงสูตรอย่างมีนัยสำคัญ ควรลดความเข้มข้นของส่วนผสมออกฤทธิ์ให้อยู่ในปริมาณที่แนะนำ และต้องเติมน้ำ สารกันเสีย และสารปรับค่า pH เข้าไปในสูตร

นี่คือตัวอย่างการปรับสูตรเพื่อให้มีความเป็นไปได้มากขึ้น โดยใช้ปริมาณสูงสุดที่แนะนำสำหรับส่วนผสมออกฤทธิ์ส่วนใหญ่ และรวมส่วนประกอบพื้นฐานที่จำเป็น:

• Pitera: 10-20% (ปรับตามประสิทธิภาพที่ต้องการและความสมดุลของสูตรโดยรวม)
• Repair Activator: 10%
• Argireline: 10%
• Matrixyl 3000: 3-5% (แนะนำ 3%)
• Pure-Adenosine: 0.5-1.0% (สมมติว่าใช้ Pure-Adenosine)
• Copper Peptide: 1-3%
• Glycerin Gel: 5-10% (ปรับตามเนื้อสัมผัสที่ต้องการ)
• สารกันเสีย: ตามความเหมาะสม (เลือกใช้ระบบกันเสียแบบ Broad-spectrum)
• น้ำ: ส่วนที่เหลือเพื่อให้ครบ 100%
• สารปรับค่า pH: ตามความเหมาะสม (เพื่อให้ได้ค่า pH สุดท้ายอยู่ระหว่าง 4.5 ถึง 6.5 เพื่อความคงตัวสูงสุดของส่วนผสมออกฤทธิ์ทั้งหมด โดยเฉพาะ Copper Peptide)

สูตรที่ปรับปรุงนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ปริมาณที่แน่นอนและความเข้ากันได้ของส่วนผสมควรได้รับการยืนยันผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการ

3. อายุการเก็บรักษา

สำหรับเซรั่มที่ผลิตจากส่วนผสมเหล่านี้และมีระบบกันเสียที่เหมาะสม:

• ยังไม่เปิดใช้ (เก็บในตู้เย็น): หากเก็บรักษาอย่างถูกต้องในตู้เย็น (4-8°C) และยังไม่เปิดใช้ เซรั่มอาจมีอายุการเก็บรักษาประมาณ 12-24 เดือน ขึ้นอยู่กับส่วนผสมเฉพาะและระบบกันเสียที่ใช้
• หลังจากเปิดใช้: เมื่อเปิดใช้แล้ว ผลิตภัณฑ์จะสัมผัสกับอากาศและอาจมีการปนเปื้อนจากจุลินทรีย์ ซึ่งทำให้อายุการเก็บรักษาสั้นลง หากเก็บในตู้เย็นหลังจากเปิดใช้ โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้เซรั่มให้หมดภายใน 6-12 เดือน เพื่อคุณภาพและความปลอดภัยที่ดีที่สุด การรักษาความสะอาดระหว่างการใช้งาน (เช่น การใช้หลอดหยดโดยไม่ให้สัมผัสผิวโดยตรง) สามารถช่วยยืดอายุการเก็บรักษาหลังเปิดใช้ได้

โปรดทราบว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นเพียงแนวทางทั่วไป อายุการเก็บรักษาจริงของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปควรได้รับการยืนยันผ่านการทดสอบความคงตัว