ความเสถียรของสูตรโลชั่นที่มีส่วนผสมของ Cocoa Butter

ถามโดย: chianv เมื่อ: July 25, 2015 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ดิฉันได้พัฒนาสูตรโลชั่นที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ให้ความชุ่มชื้น และไม่ระคายเคือง โดยใช้ Coconut Oil เป็นส่วนประกอบ มีองค์ประกอบดังนี้:

ส่วนน้ำ:

  • Water (57%)
  • Hydro Gel (5%)
  • Aloevera extract (2%)
  • Luxury Cream Maker (1%)

ส่วนน้ำมัน:

  • Fractionated Coconut Oil (20%)
  • Virgin Olive Oil (5%)
  • Cocoa Butter (deodorized) (10%)

ดิฉันมีความกังวลเกี่ยวกับความเสถียรของสูตรนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนผสม Cocoa Butter 10% เนื่องจาก Cocoa Butter เป็นเนยแข็งที่อุณหภูมิเย็น มีความเสี่ยงหรือไม่ที่มันอาจจะแข็งตัวหรือแยกชั้นออกมาจากเนื้อโลชั่น ซึ่งคาดว่าจะมีเนื้อค่อนข้างเหลวด้วยระบบอิมัลซิไฟเออร์ปัจจุบัน? จะต้องปรับเปลี่ยนระบบอิมัลซิไฟเออร์อย่างไรเพื่อให้ได้เนื้อที่ข้นขึ้นและมีความเสถียรที่ดีขึ้น? นอกจากนี้ มีข้อแนะนำในการเพิ่มส่วนผสมอย่าง Vitamin B3 และ Vitamin B5 เพื่อเพิ่มคุณสมบัติในการบำรุงผิวในสูตรนี้หรือไม่?

คำตอบ

สำหรับสูตรโลชั่นเน้นธรรมชาติ ให้ความชุ่มชื้น ไม่ระคายเคือง ที่ใช้ Coconut Oil เป็นส่วนประกอบที่คุณสอบถามมา มีข้อแนะนำดังนี้ครับ

สูตรที่คุณเสนอมาประกอบด้วย:
ส่วนน้ำ: Water (57%), Hydro Gel (5%), Aloevera extract (2%), Luxury Cream Maker (1%)
ส่วนน้ำมัน: Fractionated Coconut Oil (20%), Virgin Olive Oil (5%), Cocoa Butter (deodorized) (10%)

เกี่ยวกับสูตรนี้ ข้อที่น่าเป็นห่วงเล็กน้อย (ซึ่งอาจจะไม่มีปัญหาก็ได้) คือการใช้ Cocoa Butter 10% ในสูตรโลชั่นที่อาจจะได้เนื้อค่อนข้างเหลว ด้วยระบบ Emulsifier เดิม เนื่องจาก Cocoa Butter มีลักษณะเป็นเนยแข็งในที่เย็น ทำให้มีโอกาสที่มันอาจจะพยายามแข็งตัวและแยกชั้นออกมาจากเนื้อครีมได้

เพื่อแก้ปัญหานี้และช่วยให้เนื้อครีมข้นขึ้นและมีความเสถียรมากขึ้น มีข้อแนะนำในการปรับระบบ Emulsifier 2 ทางเลือกครับ:

  1. ทางเลือกที่ 1 (ชัวร์กว่า): เปลี่ยนจาก Luxury Cream Maker (1%) ไปใช้ Soft Cream Maker (5%) ร่วมกับ Light Cream Maker (1%) แทน Soft Cream Maker จะช่วยยึด Cocoa Butter ไว้ไม่ให้แข็งกลับเป็นเนยแข็งขึ้นมาได้
  2. ทางเลือกที่ 2: เปลี่ยนจาก Luxury Cream Maker (1%) ไปใช้ Light Cream Maker ในสัดส่วนที่มากขึ้น เช่น 2% ก็จะได้เนื้อที่ข้นขึ้นและเสถียรขึ้นเช่นกัน

นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติในการบำรุงผิวให้ดียิ่งขึ้นมาก ขอแนะนำให้เติม Vitamin B3 (Niacinamide) 5% และ Vitamin B5 (Panthenol) 3% ซึ่งจะช่วยให้สูตรมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยมีต้นทุนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยครับ

สุดท้าย เนื่องจากสูตรของคุณมีส่วนประกอบของน้ำ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใส่สารกันเสียเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ และช่วยให้ผลิตภัณฑ์ปลอดภัยและมีอายุการใช้งานที่เหมาะสมครับ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)
เครื่องสำอาง
Cocoa Butter (Deodorized, Refined)
Cocoa Butter (Deodorized, Refined)
เครื่องสำอาง
Light Cream Maker™
Light Cream Maker™
เครื่องสำอาง
Luxury Cream Maker™
Luxury Cream Maker™
เครื่องสำอาง
Soft Cream Maker™
Soft Cream Maker™
เครื่องสำอาง